อ่าน: 5197
Small_font Large_font

ทำไมต้องกินยาก่อนหรือหลังอาหาร ลืมกินยาที่กินก่อนอาหาร จะกินหลังอาหารได้ไหม ?

ผู้เขียนถูกถามอยู่บ่อย ๆ ว่าทำไมยาบางชนิดให้กินก่อนอาหาร บางชนิดให้กินหลังอาหาร และถ้าลืมกินยาก่อนอาหารจะกินหลังอาหารได้ไหม ?  เพราะคนส่วนใหญ่มักลืมกินยาก่อนอาหาร


เหตุผลที่ยาบางชนิดต้องกินก่อนอาหารนั้น เนื่องจากยาถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้ดีตอนท้องว่าง นั่นคือ ก่อนอาหารประมาณครึ่ง-หนึ่งชั่วโมง หรือหลังกินอาหารไปแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง เนื่องจากถ้ามีอาหารในกระเพาะหรือลำไส้จะทำให้การดูดซึมยานั้นลดลง


ยาปฏิชีวนะหรือยาต้านเชื้อแบคทีเรียหลายชนิดควรกินก่อนอาหารประมาณครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง เช่น  แอมพิซิลลิน (ampicillin),  คลอกซาซิลลิน  (cloxacillin), ไดคลอกซาซิลลิน (dicloxacillin)  อีริโทรไมซิน (erythromycin),  นอร์ฟลอกซาซิน (norfloxacin) ดังนั้นถ้าลืมกินยาก่อนอาหารก็สามารถกินยาหลังจากกินอาหารไปแล้วประมาณ 2 ชั่วโมง แต่หากนึกขึ้นได้ตอนใกล้จะกินยามื้อต่อไป ควรข้ามยามื้อนั้นไปและรอกินยามื้อต่อไปตามเวลาที่ควรกินตามปกติ  


อย่างไรก็ตามหากกินยาตอนท้องว่างแล้วมีอาการคลื่นไส้หรืออาเจียนก็สามารถกินยาหลังอาหารได้ แม้การดูดซึมยาเข้าสู่กระแสเลือดจะลดลง แต่ก็ยังดีกว่าที่ไม่สามารถกินยาได้เลย


ยาที่ให้กินหลังอาหารทันทีหรือกินยาพร้อมอาหาร อาจมีหลายเหตุผล เช่น ยาทำให้เกิดการระคายเคืองในทางเดินอาหาร หากกินยาตอนท้องว่างจะทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะหรือลำไส้ และแสบท้อง หรือยาบางชนิดถูกดูดซึมได้ดีในอาหารที่มีไขมัน  


ตัวอย่างยาที่ให้กินหลังอาหารทันที มักเป็นยาที่มีฤทธิ์ต้านอักเสบ (anti-inflammatory drug) เช่น ไดโคลฟีแนก (diclofenac), อินโดเมทาซิน (indomethacin),  ไอบิวโพรเฟน (ibuprofen), แอสไพริน (aspirin), เพรดนิโซโลน (prednisolone), เดกซาเมทาโซน (dexamethasone) หรืออาจเป็นยากลุ่มอื่น เช่น เมตฟอร์มิน (metformin) ซึ่งเป็นยารักษาโรคเบาหวานที่มีฤทธิ์ระคายเคืองกระเพาะ


ยาบางชนิดกินก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ เพราะอาหารไม่มีผลต่อการดูดซึมยา  ยาไม่มีฤทธิ์ระคายเคืองทางเดินอาหาร และไม่มีปัญหาเรื่องความคงตัว เช่น พาราเซทามอล (paracetamol) ซึ่งกินยาได้ทุก 4-6 ชั่วโมง ยาปฏิชีวนะอะมอกซิซิลลิน (amoxicillin) ซึ่งกินยาทุก 8 ชั่วโมงแต่เพื่อไม่ให้ลืมกินยา บางครั้งแพทย์และเภสัชกรจึงให้ผู้ป่วยกินอะมอกซิซิลลินหลังอาหารเพื่อไม่ให้ผู้ป่วยลืมกินยา แต่วิธีที่ดีที่สุดคือการกินยาทุก 8 ชั่วโมงเพราะทำให้ระดับยาในเลือดคงที่ทำให้ทำลายเชื้อได้ตลอดเวลา


บทความโดย : รศ.ดร.ภญ.โพยม วงศ์ภูวรักษ์
                     ภาควิชาเภสัชกรรมคลินิก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์








บรรณานุกรม



  1. สุชาดา ชุติมาวรพันธุ์, โพยม วงศ์ภูวรักษ์, อภิฤดีเหมะจุฑา . คู่มือทักษะเกณฑ์ความรู้ความสามารถทางวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรม (พ.ศ.2550),  สภาเภสัชกรรม. 

  2. Lacy CF, Armstrong LL, Goldman MP, Lance LL. Drug Information Handbook: A Comprehensive Resource for All Clinicians and Healthcare Professionals. Ohio: Lexi Comp In;2008.

  3. Royal Pharmaceutical Society of Great Britain. British National Formulary 56, London: Pharmaceutical Press;2008.



: กาย
: บทความสุขภาพ
: สุขภาพ

โพยม 14 ก.ค. 2552 14 ก.ค. 2552
ความคิดเห็น (10)
« ก่อนหน้า หน้า 1 จาก 1 ถัดไป »

มีหลายครั้ง ที่ คนไข้เบาหวาน ลืมกินยาก่อนอาหาร
เช่นยา glibenclamide หากเผลอลืม กินยาก่อนอาหาร การกินยาหลังอาหาร ทันที เมื่อนึกได้ อาจทำไ้ด้ โดยเฉพาะยาเบาหวาน เพราะหาก ข้ามเมื้ยาไปเลย าจทำให้การควบคุมน้ำตาลในเลือดเลวลงได้

หมายเหตุ ในต่างประเทศยา glibeclamide นั้น รับประทานยาพร้อมอาหาร

ศุภรักษ์ 18 กรกฎาคม 2552 - 14:56 (#187)

ขอบคุณ คุณศุภรักษ์มากค่ะ

ที่ช่วยเสริมให้สมบูรณ์ขึ้น

โพยม 21 กรกฎาคม 2552 - 21:33 (#189)

ขอขอบคุณอาจารย์ทั้งสองท่านมากค่ะ ที่ช่วยให้บทความนี้สมบูรณ์และต่อยอดให้ผู้อ่านได้ความรู้เพิ่มมากขึ้นค่ะ

อัญชลี 22 กรกฎาคม 2552 - 17:09 (#190)

บทควานี้ดีมาก ๆ เลยค่ะ ให้ความรู้ได้ดีมาก ๆ เลยทีเดียว

ศิษย์ครูอั้ม…น้องน้ำค่ะ (○.○) (118.173.177.237) 10 ธันวาคม 2552 - 22:42 (#599)

อยากทราบว่ายาเบาหวานที่ให้ก่อนอาหารถ้าผู้ป่วยไม่ได้กินข้าวจะกินยาเลยได้ไหมในกรณีผู้ไม่ได้กินข้าว และมีข้อแนะนำอะไร

ปริศนา (118.175.88.97) 06 เมษายน 2553 - 01:14 (#902)

ในกรณีที่รับประทานยาเบาหวานก่อนอาหารแล้วไม่ได้รับประทานอาหารจะทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดลดลงและเป็นอันตรายรุนแรงได้ จึงไม่แนะนำ ทั้งนี้หากแพทย์พิจารณาจ่ายยาในมื้อที่เราไม่ได้รับประทานอาหาร  อาจปรึกษาแพทย์ เพื่อปรับเปลี่ยนมื้ออาหารที่ต้องรับประทานยาน่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด ทั้งนี้การรับประทานยาแล้วไม่ได้รับประทานอาหารจะเป็นอันตรายเนื่องจากยาที่รับประทานก่อนอาหารจะเป็นกลุ่มที่กระตุ้นการหลั่งอินซูลินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้น้ำตาลในเลือดลดลง อาจส่งผลให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ โดยหากมีการตรวจเลือดด้วยตัวเองจะมีน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 70 mg/dl ซึ่งจะมีอาการต่างๆ เช่น หิว หงุดหงิด กระวนกระวาย ใจสั่น มือสั่น เหงื่อแตก วิงเวียน หน้ามืด ตาลาย สับสน เป็นลม หมดสติ หรืออาจเสียชีวิตได้ ซึ่งภาวะนี้เกิดได้จากการออกกำลังมากเกินไป รับประทานยาก่อนอาหารแล้วไม่ได้รับประทานอาหารหรืออดอาหาร หรือได้รับยาเกินขนาด ดังนั้นภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำจะมีอันตรายอย่างมาก ทั้งนี้หากมีอาการเช่นนี้อย่างแรกที่ต้องปฎิบัติคือ ต้องเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดให้มากขึ้น เช่น ดื่มน้ำหวาน อมลูกอม หรือรับประทานอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล (อาหารประเภทไขมันจะลดอัตราการดูดซึมน้ำตาลได้จึงไม่ควรให้ในผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะนี้) หลังจากนั้นนั่งพักสักครู่รอให้อาการดีขึ้น หากหลังจากนั้นประมาณ 10 ถึง 15 นาที อาการไม่ดีขึ้นให้รับประทานซ้ำ ทั้งนี้หากมีอาการรุนแรงควรรีบไปพบแพทย์

panupong 06 เมษายน 2553 - 13:53 (#907)

อยากทราบว่าการรับประทานยาฆ่าเชื้อ Norfloxacin ของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะทำไมจึงให้กินก่อนอาหาร ส่วนอาการท้องท้องเสียทำไมจึงให้กินหลังอาหาร ทำไมจึงให้กินแตกต่างกัน เพราะอะไรค่ะ

ปริศนา (124.157.220.217) 23 เมษายน 2553 - 18:24 (#957)

อยากทราบว่าการรับประทานยาฆ่าเชื้อ Norfloxacin ของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะทำไมจึงให้กินก่อนอาหาร ส่วนอาการท้องเสียทำไมจึงให้กินหลังอาหาร ทำไมจึงให้กินแตกต่างกัน เพราะอะไรค่ะ

ไม่บอกชื่อ (124.157.220.217) 23 เมษายน 2553 - 18:25 (#958)

จากคำถามเกี่ยวกับยา Norfloxacin นั้น ยาตัวนี้เป็นยาฆ่าเชื้อกลุ่ม Fluoroquinolone ซึ่งยาในกลุ่นนี้จะทำปฎิกริยากับเกลือแร่บางชนิดเช่น เหล็ก สังกะสี อะลูมิเนียม แมกนีเซียม ซึ่งอยู่ในหาหารได้ทำให้การดูดซึมของยาลดลง จึงแนะนำให้รับประทานยานี้ห่างจากมื้ออาหารประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อให้ยาดูดซึมได้ดีขึ้น ทำให้ตัวยาไปยังอวัยวะที่ต้องการรักษาได้ดีขึ้น ในกรณีของการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะจึงแนะนำให้รับประทานแบบนี้จะให้ผลที่ดีกว่า แต่สำหรับการติดเชื้อในทางเดินอาหารซึ่งจะก่อให้เกิดอาการท้องเสีย เชื้อก่อโรคจะอยู่ในทางเดินอาหารจึงไม่จำเป็นต้องอาศัยการดูดซึมเนื่องจากต้องการให้ยาอยู่ในทางเดินอาหาร การรับประทานหลังอาหารจึงมีประโยชน์ในการรับประทานยานี้

panupong 27 เมษายน 2553 - 09:58 (#971)

ขอบคุณที่แนะนำในการรับประทานยา

wanvisa (182.53.150.151) 05 มีนาคม 2554 - 14:57 (#1806)
« ก่อนหน้า หน้า 1 จาก 1 ถัดไป »
แสดงความคิดเห็น
captcha
 
ยกเลิก หรือ

หมายเหตุ เว็บไซต์นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาวะ ไม่ใช่คำแนะนำทางการแพทย์ หรือ ถาม-ตอบปัญหาสุขภาพ หากมีปัญหาสุขภาพโปรดปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ

เพื่อนแนะนำ : เงินด่วน 30 นาทีถูกกฎหมาย, เราชนะรอบ 4, ยืมเงิน 3000 ด่วน, แอพผ่อนของ, กู้เงิน, สมัครบัตรเครดิต, สินเชื่อไม่เช็ค บูโรถูกกฎหมาย