รับประทานไข่อย่างน้อยวันละ 1 ฟอง ไม่ส่งผลต่อโรคเบาหวานชนิดที่สอง จากการศึกษาวิจัยผู้สูงอายุที่มีอายุมากกว่า 65 ปีขึ้นไป จำนวน 3,898 คน ที่กำลังอยู่ระหว่างการรักษาโรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต โดยใช้ระยะเวลาการติดตามพฤติกรรม 11 ปี พบว่าผู้สูงอายุจำนวน 313 ราย ป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่สอง ซึ่งสาเหตุของอาการป่วยดังกล่าวมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับการมีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน การไม่ออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์
แม้ว่าไข่จะมีเป็นอาหารชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยไขมัน แต่ไข่ก็เต็มไปด้วยโปรตีน วิตามิน และสารอาหารอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์แก่ร่างกาย โดยนักวิจัยยังไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างโคเลสเตอรอลในไข่กับการพัฒนาเป็นโรคเบาหวาน
การศึกษาวิจัยจากสถาบันการแพทย์ฮาร์วาร์ดในครั้งนี้พบว่า ผู้ชายมักจะรับประทานไข่มากกว่าผู้หญิง ผู้ที่รับประทานไข่ทุกวันสามารถส่งผลต่อการป่วยเป็นโรคเบาหวาน แต่ตัวเลขทางสถิติยังไม่ส่งผลต่อนัยยะสำคัญใด ๆ
มีการศึกษาวิจัยชิ้นอื่น ๆ ที่แสดงให้เห็นถึงผลของโคเลสเตอรอลในไข่ที่ส่งผลต่อการพัฒนาเป็นโรคเบาหวาน แต่อยู่ที่ปริมาณการรับประทานประมาณ 7-8 ฟองต่อสัปดาห์ แต่การศึกษาวิจัยครั้งนี้ โดยเฉลี่ยกลุ่มตัวอย่างรับประทานไข่น้อยกว่า 1 ฟองต่อสัปดาห์ ดังนั้นการรับประทานไข่จึงไม่มีผลใด ๆ ต่อการป่วยเป็นโรคเบาหวาน
ข่าวจาก: REUTERS
เป็นเบาหวานรู้ได้อย่างไรถ้าไม่ไปพบแพทย์ เขาบอกว่ากลางคืนปัดสาวะบ่อย คอแห้งหิวน้ำ เวลาปัดสาวะมดจะมากิน ผมอาการที่ว่านั้นไม่มีเลยแต่น้ำตาลในเลือดสูง หมอบอกว่าเป็นเบาหวาน อีกอย่างเวลาเป็นแผลก็รักษาไม่ยาก ไม่ต้องใส่ยาก็หายเอง กลางคืนปัดสาวะครั้งเดียว