น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันพืชที่บริโภคมาตั้งแต่โบราณ หากแต่เมื่อเวลาผ่านไปความนิยมในการบริโภคน้ำมันมะพร้าวจึงค่อยๆ ลดลง เมื่อเร็วๆ นี้ NaturalNews รายงานว่าการบริโภคน้ำมันมะพร้าวอาจจะจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานได้
การศึกษาพบว่าร่างกายสามารถดูดซึมกรดไขมันในน้ำมันมะพร้าวได้ง่ายและสามารถนำไปเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ทันทีเนื่องจากน้ำมันมะพร้าวมีโมเลกุลขนาดเล็กและความยาวของกรดไขมันปานกลาง และยังช่วยลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน
นอกจากนี้ยังแนะนำอีกว่าผู้ป่วยเบาหวานควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารรสหวาน คาร์โบไฮเดรตสูง และหลีกเลี่ยงการปรุงอาหารด้วยน้ำมันพืชในกลุ่มของกรดไขมันไม่อิ่มตัวได้แก่ น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันดอกคำฝอย เป็นต้น เนื่องจากน้ำมันพืชเหล่านี้จะเข้าไปลดความสามารถของร่างกายในการนำอินซูลินไปใช้และลดความสามารถในการดูดซึมกลูโคลส จึงอาจจะทำให้มีระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นได้
นี่เป็นเพียงงานวิจัยที่มีการนำเสนอไว้ในต่างประเทศเท่านั้น ซึ่งไม่ได้เป็นข้อยืนยันว่าเมื่อรับประทานน้ำมันมะพร้าวแล้วจะเป็นผลดีกับผู้ป่วยโรคเบาหวานจริง ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้ง
ภาพเปรียบเทียบความยาวของสายกรดไขมันอิ่มตัวและกรดไขมันไม่อิ่มตัว
กรดไขมันอิ่มตัว : กรดลอริก
กรดไขมันไม่อิ่มตัว : กรดโอเลอิก
ภาพจาก Flickr.com
ผู้สื่อข่าว(ชาวไทย) ผลการวิจัย ทำนองนี้ อาจจะช่วย เตือนประชาชนไทยว่า อาจเพิ่งด่วนสรุปเชื่อว่า
จะดีกับผู้ป่วยเบาหวานทุกรายบางทีอาจจะเกิดโทษบางอย่างในระยะยาว ที่เขาอาจจะไม่ได้ติดตามนานเพียงพอ
บางทีผู้สื่อข่าว อาจจะต้องตามไปดูรายงานผลการวิจัยต้นเรื่องเลยว่า น่าเชื่อถือ หรือ อาจจะมีจุดอ่อนในการศึกษาวิจัยอะไรบ้าง
มรดกภูมิปัญญาไทย บอกว่า น้ำมะพร้าว ทานประจำ ไม่ดี เป็นโทษได้
การสื่อว่าอะไรดี แล้ว ไม่ตรงกับมรดกภูมิปัญญา ก็พึงตั้งข้อสังเกตุไว้ อย่ารีบเชื่อ ครับ ผลอาจจะดีกับ ผป.เบาหวาน บางคน และบางระยะ ก็ได้ครับ