ประชากรประมาณ 24 ล้านคนในสหรัฐอเมริกาและ 246 ล้านคนทั่วโลกป่วยเป็นโรคเบาหวาน โดยส่วนใหญ่จะป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่มีคุณภาพและขาดการออกกำลังกาย ในประเทศสหรัฐอเมริกาต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายในการรักษาโรคดังกล่าวจำนวน 116 พันล้านดอลลาร์ต่อปี
งานวิจัยจากสหรัฐอเมริกาพบว่าผู้ที่อาศัยอยู่บริเวณใกล้เคียงกับทางเดินริมถนน สวนสาธารณะขนาดใหญ่ ที่ที่มีการคมนาคมที่ดี และสามารถหาซื้อผักผลไม้มารับประทานได้ง่าย จะมีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคเบาหวานน้อยลง 38% เมื่อเทียบกับผู้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อื่นๆ
นักวิจัยอธิบายว่าปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมที่แตกต่างกันจะส่งผลต่อการเกิดโรคเบาหวานที่ต่างกัน การสร้างสิ่งแวดล้อมที่ดีให้กับละแวกที่อยู่อาศัย จึงเป็นสิ่งที่ผู้กำหนดนโยบายสามารถทำได้เพื่อจัดการปัญหาการเพิ่มขึ้นของผู่ป่วยโรคเบาหวานอย่างรวดเร็ว
การวิจัยครั้งนี้ทำการศึกษาจากผู้ที่มีอายุ 45-84 ปี จำนวน 2,285 คนจาก 3 ชุมชนที่แตกต่างกันระหว่างปี 2000-2002 นักวิจัยทำการวัดระดับน้ำตาลในเลือดก่อนจะทำการวิจัยและหลังจากทำการวิจัยไปแล้ว โดยรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับอัตราการออกกำลังกาย น้ำหนักตัว และอาหารที่เขาเหล่านั้นรับประทาน
พบว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่มีสิ่งแวดล้อมที่ดี อุดมด้วยทรัพยากรอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จะส่งผลให้เกิดพฤติกรรมและการใช้ชีวิตเพื่อสุขภาพ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ช่วยลดอัตราการเกิดโรคเบาหวาน ในชุมชนที่มีแหล่งทรัพยากรเพื่อสุขภาพมากกว่าจะมีโอกาสในการออกกำลังเพิ่มขึ้น และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว จะมีแนวโน้มที่จะป่วยเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 น้อยลง 38% เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่อาศัยอยู่ในละแวกที่มีสิ่งแวดล้อมคุณภาพต่ำกว่า
งานวิจัยก่อนหน้านี้หลายชิ้นยังพบว่า การเข้าถึงอาหารที่มีประโยชน์ได้ยากในชุมชน จะทำให้ประชากรในชุมชนนั้นๆ ประสบกับโรคอ้วน และงานวิจัยชิ้นหนึ่งพบว่าเด็กที่เรียนในโรงเรียนซึ่งใกล้กับสถานที่ขายอาหารจานด่วน ซึ่งทำให้รับประทานผักและผลไม้ในปริมาณที่น้อยเกินไป บวกกับการดื่มเครื่องดื่มที่ไม่มีประโยชน์ จะมีแนวโน้มที่จะอ้วนมากกว่าเด็กในโรงเรียนอื่นๆ
นักวิจัยกล่าวว่าแม้ว่าจะเป็นการยากที่จะบังคับให้แต่ละคนเปลี่ยนแปลงที่อยู่เพื่อลดความเสี่ยงเบาหวาน แต่เป็นไปได้ที่จะลดอัตราการเกิดโรคเบาหวานในชุมชนด้วยการพัฒนาชุมชนให้ดีขึ้น เช่นจัดหาสถานที่สำหรับการออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์เป็นประจำสม่ำเสมอ เป็นต้น
สำนักข่าว REUTERS
ภาพจาก flickr.com
ดีมากๆค่ะ