นาฬิกาชีวิต และ ปริมาณน้ำตาลในเลือดมีความสัมพันธ์กันอย่างแน่ชัด นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด กล่าว และเปิดเผยอีกว่า เป็นที่น่าตกใจว่า สัญญาณนาฬิกาของร่างกาย ส่งผลต่อส่วนอื่นๆ หนึ่งในนั่นที่สำคัญก็คือระบบการเผาผลาญ หรือ เมตาบอลิซึมของร่างกาย
นักวิจัยพบว่า ความผันผวนของฮอร์โมนในแต่ละวัน จากฮอร์โมนที่เรียกว่า กลูโคคอร์ติคอยด์(glucocorticoids) มักจะเกิดขึ้นตามนาฬิกาของร่างกายซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระบบการทำงานที่ส่งผลโดยตรงต่อปริมาณน้ำตาลในเลือด งานวิจัยนี้ยังช่วยนำเสนอแนวทางในการควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยเบาหวานได้ และยังสร้างความเข้าใจมากขึ้นเกี่ยวกับเหตุผลที่ว่า ผู้ที่ทำงานกลางคืน เสี่ยงที่จะเป้นโรคอ้วนและโรคเบาหวาน
และงานวิจัยนี้ยังช่วยในการหาแนวทางเพื่อลดผลข้างเคียงของการทานยาฮอร์โมนกลูโคคอร์ติคอยด์ อาทิ พรีนิสสัน ซึ่งจะไปหยุดระบบภูมิคุ้มกันบางประเภท ที่ใช้เพื่อการรักษาโรคหอบหืด โรคมะเร็ง และอื่นๆ นอกจากนั้นยังสามารถส่งผลข้างเคียงคือ น้ำหนักเพิ่มขึ้น น้ำตาลในเลือดต่ำ และโรคเบาหวานตามมา
วิธีการใช้ กลูโคคอร์ติคอยด์ อาจเปลี่ยนไปแม้ว่ามันจะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคเบาหวานก็ตาม ด้วยการใช้ยาประเภทนี้ควรเป็นไปตามเสียงของร่างกาย นั่นคือ ทานตอนรุ่งเช้า ซึ่งอาจสามารถดความเสี่ยงต่อเบาหวานได้ นักวิจัยกล่าวทิ้งท้าย
ที่มาhealth