เรามีวิธีการมากมายที่จะตรวจสอบว่าอาหารทะเลนั้นสดและปลอดภัยจริง ๆ หรือไม่
“การได้กลิ่นทะเลอ่อน ๆ นั้นเป็นเรื่องปกติ แต่อาหารทะเลจะไม่มีกลิ่นคาวปลา เนื้อปลาที่หั่นแล้ว เปลือกหรือผิวของสัตว์ทะเลจำพวกกุ้ง ปู และหอย หรือปลาหมึกต่าง ๆ จะต้องชุ่มชื้น บริเวณขอบ ๆ ต้องไม่แห้ง” หนึ่งในคำบอกเล่าของกันธา เชลค์ (Kantha Shelke) ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร
นอกจากนั้นเธอแนะนำว่า ปลาสดนั้นจะต้องมีตาที่กลมใส ไม่ขุ่น ไม่แห้ง และซูบ เหงือกจะต้องมีสีแดงสด ไม่แดงช้ำ นอกจากนั้นตัวปลาต้องดูชุ่มชื้น เนื้อต้องสดไม่เหลวเละ
สำหรับสัตว์ตระกูลกุ้งนั้น หางต้องมีสีสดใส ส่วนหอย ตัวหอยต้องอยู่ภายในเปลือกที่ปิดสนิท ปลาหมึกเนื้อต้องดูสดเหมือนตอนมีชีวิต อีกทั้งควรจะมีป้ายบอกว่า สดวันนี้ และเมื่อเลือกซื้อหอยนางรม ตัวหอยจะต้องมีสีครีมตามธรรมชาติ และมีน้ำใส ๆ เคลือบอยู่
เชลค์ยังได้แนะนำว่า การเลือกซื้ออาหารทะเลนั้นควรซื้อแล้วนำมารับประทานทันที หากไม่สามารถทำได้ ควรซื้อแล้วนำมาเก็บไว้ในช่องแช่งแข็ง โดยมีคำแนะนำในการเก็บดังต่อไปนี้
1. ปลา กุ้ง หอยพัด กุ้งฝอย และกุ้งลอบสเตอร์ สามารถเก็บไว้ในถุงปิดสนิท หรือกล่องพลาสติกได้ แล้วนำไปใส่ไว้ในช่องแช่แข็ง ด้วยวิธีการนี้ กุ้ง หรือหอยสามารถเก็บได้ราว 3-4 วัน ปลาสามารถเก็บได้ราว 5-7 วัน
2. เนื้อหอย และเนื้อปลา สามารถเแช่ในน้ำแล้วเก็บแช่แข็งที่อุณหภูมิตั้งแต่ -17 องศาเซลเซียสลงไป สามารถเก็บไว้นาน 4-6 เดือน หากต้องการนำมาทำอาหาร ให้ย้ายมาใส่ไว้ในตุ้เย็นช่องปกติ 1 คืน เพื่อละลายน้ำแข็ง แล้วยกออกจากน้ำเมื่อต้องการนำไปทำอาหาร
3. สำหรับหอยเปลือกแข็งที่ยังมีชีวิต สามารถอยู่ในตู้เย็นปกติได้ราว 7-10 วันโดยรักษาอุณหภูมิที่ 1-3 องศาเซลเซียส
4. กุ้ง ลอบสเตอร์ หอยนางรม หอยแมลงภู่ ที่ยังสด สามารถเก็บไว้ในถุงแล้วนำแช่ช่องแช่แข็ง ซึ่งจะอยู่ได้สูงสุด 10 วัน
5. ปูนิ่ม สามารถเก็บไว้ได้นานสองวันโดยการห่อแล้วแช่ช่องแช่แข็ง แต่มันจะสามารถอยู่ได้นานถึง 6 เดือนหากห่อด้วยพลาสติดหลาย ๆ ชั้น แล้วเก็บไว้ในช่องแช่แข็งที่อุณหภูมิ -17 องศาเซลเซียส และหากต้องการนำมาทำอาหารจะต้องแช่ไว้ในตู้เย็นเป็นเวลาหนึ่งคืนเพื่อละลายน้ำแข็งเท่านั้น
ที่มา Health.com