ค้นหาโรคและความเจ็บป่วย / อาการ

คำจำกัดความ

เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า Chlamydia trachomatis ผู้ที่ติดเชื้อนี้ส่วนใหญ่ไม่มีอาการโดยพบว่าผู้หญิงร้อยละ 70 ผู้ชายร้อยละ 50 ติดเชื้อโดยที่ไม่มีอาการ ทำให้ไม่ได้รับการตรวจและรักษา โรคนี้หากวินิจฉัยได้ก็สามารถรักษาให้หายขาด แต่หากไม่ทราบอาจจะก่อให้เกิดโรคแทรกซ้อน พบว่าผู้ติดเชื้อนี้และไม่ได้รักษาจะเกิดการอักเสบของอุ้งเชิงกรานร้อยละ 40 ร้อยละ 20เป็นหมัน ร้อยละ18ปวดท้องเรื้อรัง ร้อยละ9เป็นตั้งครรภ์นอกมดลูก

อาการ

โรคหนองในเทียมจะค่อนข้างสังเกตได้ยากว่าเป็นโรคนี้หรือไม่ เพราะว่าในระยะแรกของการติดเชื้อ จะมีอาการและอาการแสดงน้อยมากหรือไม่มีเลย ซึ่ง อาการและอาการแสดงจะเกิดขึ้นเมื่อผ่านไปประมาณ 1-3 สัปดาห์ แม้ว่าอาการและอาการแสดงจะเกิดขึ้นแล้ว อาการมักจะเป็นไม่รุนแรงซึ่งอาจจะทำให้คนไข้ละเลยก็เป็นได้

อาการและอาการแสดงของโรคหนองในเทียมประกอบด้วย

• ปัสสาวะแสบ
• ปวดบริเวณท้องน้อย
• มีสารคัดหลั่งออกมาบริเวรปากช่องคลอดหรือจากองคชาติ
• เจ็บเวลามีเพศสัมพันธ์ซึ่งมักจะเป็นในเพศหญิง
• เจ็บอัณฑะ

ผู้หญิง
ผู้ป่วย4ใน5มักจะไม่มีอาการ อาการในเบื้องต้นจะมีตกขาวหลังได้รับเชื้อ 14 วัน บางคนตกขาวจะมีกลิ่นแรง ปัสสาวะขัด หากเชื้อลามเข้าในช่องท้องจะมีอาการตกเลือด ปวดท้องขณะร่วมเพศ ปวดท้องน้อย ไข้และคลื่นไส้อาเจียน
ผู้ชาย
อาการมักเกิดหลังติดเชื้อประมาณ 1-3 สัปดาห์ โดยจะมีอาการแสบที่ปลายท่อปัสสาวะ ปัสสาวะแสบขัดเล็กน้อย บางรายอาจคันหรือระคายเคืองท่อปัสสาวะ หรือปวดหน่วงตรงฝีเย็บใกล้ทวารหนัก มีหนองซึม ลักษณะเป็นมูกใสหรือมูกขุ่น (หนองในแท้ หนองจะมีลักษณะข้นกว่า) มีออกเพียงเล็กน้อย ในระยะแรกอาจรู้สึกแสบๆในท่อปัสสาวะ และมีมูกออกเล็กน้อยเฉพาะในช่วงเช้าเท่านั้น ต่อมาจะเริ่มแสดงอาการมากขึ้น หากเชื้อลามลงอัณฑะจะทำให้อัณฑะบวมและเจ็บ

สาเหตุ

หนองในเทียมเกิดจากการติดเชื่อแบคทีเรีย Clamydia trachomatis ซึ่งมักจะเกิดการแพร่กระจายของเชื้อทางการมีเพศสัมพันธุ์หรือกิจกรรมทางเพศอื่นๆ ซึ่งมีการสัมผัสกับบริเวณอวัยวะเพศและรูทวาร แล้วก็อาจจะเกิดการแพร่กระจายจากแม่สู่ลูกได้ในช่วงเวลาที่คลอดซึ่งเป็นเหตุทำให้เกิดปอดบวม (pneumonia) และเกิดการติดเชื้อที่ตาอย่างรุนแรงก็ได้เหมือนกัน

การวินิจฉัย

• การเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากช่องคลอดและองคชาติ
• การตรวจปัสสาวะ

ภาวะแทรกซ้อน

ผู้หญิง

• เกิดอุ้งเชิงกรานอักเสบโดยพบว่าร้อยละ 40 ของผู้ที่เป็นโรคนี้แล้วไม่ได้รักษาจะเกิดโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ
• เป็นหมัน
• ตั้งครรภ์นอกมดลูก
• กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
• ปากมดลูกอักเสบ
• ผลต่อการตั้งครรภ์อาจจะทำให้คลอดก่อนกำหนด หรือเด็กที่เกิดในขณะที่แม่เป็นโรคนี้อยู่อาจจะทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุตา

• ต่อมลูกหมากอักเสบ
• ท่อปัสสาวะตีบ
• เป็นหมัน
• อัณฑะอักเสบ

การรักษาและยา

• ให้ยา Doxycyclin 100 mg หนึ่งเม็ดเช้า-เย็นเป็นเวลา 10 วัน
• ต้องรักษาด้วยยาทั้งผู้ป่วย และคู่นอน
• รับประทานยาให้ครบแม้ว่าจะไม่มีอาการแล้วก็ตาม
• หรือ ofloxacin วันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 7 วัน
• ในคนตั้งครรภ์ห้ามให้ doxycycline หรือ ofloxacin ให้ใช้ Erythromycin แทนการป้องกัน
• วิธีดีที่สุดคือการงดเพศสัมพันธ์
• ใช้ถุงยางอนามัย
• มีสามีหรือภรรยาคนเดียว
• หากต้องการมีคู่นอนคนใหม่ต้องตรวจเช็คก่อนทุกครั้ง
• หากคุณเป็นโรคหนองในเทียมให้งดการมีเพศสัมพันธ์
• ให้รักษาทั้งตัวคุณเองและคู่ครอง

ข้อควรจำ

• ควรรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
• หลีกเลี่ยงการร่วมเพศ 7 วันหลังจากที่สิ้นสุดการรักษา
• ถ้าคุณติดเชื้อกามโรค อย่างหนองในเทียมแล้วไม่ได้รับการรักษา คุณอาจติดเชื้อHIVง่ายยิ่งขึ้น
• ใช้ถุงยางอนามัย เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อ
• เป็นไปได้ที่คุณจะสามารถติดเชื้อโรคมากกว่าหนึ่งครั้ง

ยาที่เกี่ยวข้อง

ยาที่ใช้บ่อย Doxycycline ,

แหล่งอ้างอิง

1. Chlamydia fact sheet. Centers for Disease Control and Prevention. http://www.cdc.gov/std/chlamydia/STDFact-Chlamydia.htm. Accessed Feb. 27, 2009.
2. Centers for Disease Control and Prevention, et al. Sexually transmitted diseases treatment guidelines, 2006. MMWR Recommendations and Reports. 2006;55:1. http://www.cdc.gov/mmwr/preview/mmwrhtml/rr5511a1.htm. Accessed Feb. 2, 2009.
3. Stamm WE. Chlamydial infections. In: Fauci AS, et al. Harrison’s Principles of Internal Medicine. 17th ed. New York, N.Y.: McGraw-Hill Medical; 2008. http://www.accessmedicine.com/content.aspx?aid=2895329. Accessed March 2, 2009.
4. Zenilman JM. Genital chlamydia trachomatis infections in women. http://www.uptodate.com/home/index.html. Accessed Feb. 27, 2009.
5. Zenilman JM. Genital chlamydia trachomatis infections in men. http://www.uptodate.com/home/index.html. Accessed Feb. 27, 2009.
6. Miller KE. Diagnosis and treatment of Chlamydia trachomatis infection. American Family Physician. 2006;73:1411.
7. Miller WC, et al. Prevalence of chlamydial and gonococcal infections among young adults in the United States. Journal of the American Medical Association. 2004;291:2229
8. ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยมหิดล : หนองในเทียม [online].,Available from ; URL : http://www.gj.mahidol.ac.th/thai/index.php?option=com_mamboboard&Itemid=0&func=view&id=932&catid=15
9. นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ, ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ: หนองในเทียม [online].,Available from ; URL : http://www.bangkokhealth.com/index.php/2009-01-19-03-19-57/1836-2009-01-23-03-29-52