หน้าที่ของต่อมน้ำเหลือง
คือการเก็บภูมิคุ้มกันไว้ให้กับร่างกายเพื่อปลดปล่อยไป กำจัดเชื้อโรคที่บุกรุกเข้าสู่ร่างกาย ช่วยในการทำงานของระบบเม็ดเลือดขาวให้ดีขึ้น
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองจะทำให้ต่อมน้ำเหลืองโตเร็วมาก มักพบบริเวณ ต่อมน้ำเหลือง ที่คอ รักแร้ และขาหนีบ ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาแต่ต้นแล้ว มะเร็งจะกระจายไปสู่ระบบต่างๆ ของร่างกาย และทำให้การทำงานของร่างกาย ล้มเหลวถึงแก่ชีวิตได้
การรักษาด้วยการให้เคมีบำบัดหรือการให้แอนติบอดี้ไปทำลายเซลล์มะเร็ง การฉายแสงรวมไปถึงการปลูกถ่ายไขกระดูก การดูแลทางด้านอาหารเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหนึ่ง เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน เพื่อให้ผู้ป่วยมีภูมิต้านทานที่ดี สามารถรับการรักษาได้.
หมวดคาร์โบไฮเดรต
อาหารประเภทข้าว แป้ง ไม่ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูงมากนัก เพราะพบความสัมพันธ์ของอาหารในกลุ่มที่มีดัชนีน้ำตาลสูงกับการเกิดมะเร็งต่อมน้ำเหลืองมากขึ้น ซึ่งอาหารในกลุ่ม ได้แก่ ข้าวขัดสีจนขาว ขนมปังขาว น้ำตาล เป็นต้น ดังนั้นจึงควรเลือกรับประทานข้าวไม่ขัดสี ธัญพืช หลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งแปรรูป อาทิ เส้นหมี่ ก๋วยเตียว พาสต้า มักกะโรนี และการได้รับน้ำตาลในปริมาณที่มากเกิน
หมวดโปรตีน การได้รับเนื้อสัตว์จำพวกเนื้อวัว เนื้อสะโพกหมูหรือส่วนที่มีไขมันแทรกอยู่มาก ควรหลีกเลี่ยงในผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เพราะมีการพบความสัมพันธ์ของการได้รับเนื้อสัตว์ดังกล่าวกับการเกิดมะเร็ง
ดังนั้นเนื้อสัตว์ที่ควรรับประทานคือ เนื้อปลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งปลาทะเล ไข่ขาว ควรงดการรับประทานพวกชีส รวมไปถึงลดปริมาณการรับประทานผลิตภัณฑ์จากนมด้วย เนื่องจากมีรายงานถึงความสัมพันธ์ของการได้รับพวก dairyproduct สัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งได้
หมวดไขมัน ยังไม่พบข้อบ่งชี้ถึงการรับประทานไขมันกับการเกิดโรคดังกล่าวแน่ชัด อย่างไรก็ตามการได้รับอาหารที่มีแคลอรี่สูงเกินไปสามารถส่งเสริมให้เกิดโรคมะเร็งได้มาก
ดังนั้นแม้ว่าแหล่งอาหารที่มีพลังงานมากที่สุดคือไขมัน แต่ก็ควรบริโภคไขมันอย่างความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงแหล่งไขมันที่จะทำให้เพิ่มพลังงานมากจนเกินความต้องการ เลือกใช้น้ำมันชนิดดีอาทิ น้ำมันรำข้าว น้ำมันเมล็ดทานตะวัน น้ำมันเมล็ดชา สามารถรับประทานได้แต่ไม่ควรเกิน 2-3 ช้อนโต๊ะต่อวัน
หมวดวิตามินแร่ธาตุ งานวิจัยของคณะแพทย์เมโยคลินิก รัฐมินเนโซตาผลการศึกษาผู้ใหญ่ชาวอเมริกันกว่า 800 คน ทั้งที่เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนันฮอดจ์กินส์ และไม่เป็น
พบว่าผู้ที่รับประทานผักใบเขียวมากที่สุด มีโอกาสเป็นมะเร็งชนิดนี้น้อยกว่าคนที่รับประทานน้อยที่สุดถึงร้อยละ 42 ยิ่งเป็นบล็อคโคลี ผักโขม ดอกกะหล่ำ ให้ผลป้องกันมะเร็งต่อมน้ำเหลืองนันฮอดจ์กินส์ได้ สารอาหาร 2 ชนิดในผักใบเขียวที่ให้ผลในเรื่องนี้คือ ลูทีนและซีแซนทีน เช่นเดียวกับสังกะสีที่ได้จากเนื้อสัตว์และถั่ว และมีการแนะนำว่าการรับประทานผักให้มากกว่าวันละ 5 ทัพพีคณะนักวิจัยสันนิษฐานว่า คำตอบในเรื่องนี้เกิดจากการที่สารอาหารในผักใบเขียว ช่วยต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้เซลล์เกิดความเสียหายและนำไปสู่การเป็นมะเร็ง
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองนันฮอดจ์กินส์เกิดขึ้นเมื่อเซลล์ในต่อมน้ำเหลือง ที่ทำหน้าที่ต่อสู้เชื้อโรคเกิดความผิดปกติและแบ่งตัวอย่างควบคุมไม่ได้
ส่วนผลไม้สามารถรับประทานได้ทุกชนิด แต่ให้งดเว้นผลไม้ที่มีรสหวานจัดหรือมีค่าดัชนีน้ำตาลมากเช่น กล้วยหอม กล้วยไข่ ขนุน ทุเรียน มังคุด ลำไย เป็นต้น
เพราะจะเกิดผลเสียต่อผู้ป่วยได้ นอกจากนี้ควรจะรับประทานผลไม้แต่เพียงพอดี เพราะหากได้รับผลไม้มากเกินความจำเป็นก็ส่งผลให้ร่างกายได้รับพลังงานมาก เกินทำให้เพิ่มปัจจัยกับเซลล์มะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้
การใช้ชีวิตแบบสายกลางไม่กินมากไปไม่เครียดมากไปจะเป็นยาชั้นดีที่สามารถต้านทานโรคภัยไข้เจ็บที่มารุมเร้าได้เป็นอย่างดี
อ้างอิงจาก – ชมรมฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยโรคมะเร็ง /Food Facts Asia เข้าถึงได้จาก www. Afic.org
เรียบเรียงโดย พรพิศ เรืองขจร