สูงอายุที่มีภาวะสมองเสื่อมนั้นเมื่อออกกำลังกายเป็นประจำจะมีสุขภาพจิตและสุขภาพกายดีขึ้นมากกว่าผู้สูงอายุที่ไม่ได้ออกกำลังกาย
เมื่อเร็วๆ นี้ NaturalNews รายงานว่ามีงานวิจัยพบว่าเมื่อทำการตรวจสมองของผู้ป่วยอัลไซเมอร์ด้วยเครื่องตรวจคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า( MRI) นั้น สมองของผู้ป่วยอัลไซเมอร์จะมีขนาดเล็กกว่าสมองของผู้สูงอายุที่ไม่ได้เป็นโรคอัลไซเมอร์ นักวิจัยพบว่าผู้สูงอายุที่ออกกำลังกายเป็นประจำจะทำให้สมองฝ่อน้อยกว่าผู้สูงอายุที่ไม่ได้ออกกำลังกาย แต่ผลงานวิจัยเรื่องนี้ก็ยังไม่สรุปว่าถูกต้อง ชัดเจน
นอกจากนี้ยังมีงานวิจัยเกี่ยวกับการออกกำลังกายของผู้สูงอายุ พบว่าผู้สูงอายุที่ออกกำลังกาย 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยใช้เวลาครั้งละ 30-60 นาที นั้นจะทำให้ผลคะแนนการทดสอบเกี่ยวกับความจำ การบอกชื่อสิ่งของ การอ่าน การเขียน และการรับรู้เรื่องสถานที่และเวลาดีกว่าผู้สูงอายุที่ไม่ได้ออกกำลังกาย และยังสามารถในการปฏิบัติกิจวัตรประจำวัน เช่น อาบน้ำ แต่งตัว และรับประทานอาหารได้เอง ความสามารถของการออกกำลังกายและกำลังของกล้ามเนื้อดีขึ้นด้วย
ภาพจาก Flickr.com
มาเพิ่มเติมนิดหนึ่งว่า
การออกกำลังกาย“เต้นลีลาศ” ค่อนข้างเป็นที่ยอมรับ ว่า ไม่เพียงแต่ทำให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว ยังนับว่าเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยป้องกัน ภาวะสมองเสื่อม ได้ดี
เนื่องจาก1.ได้ใช้การเคลื่อนไหว ยืด หด กล้ามเนื้อ 2.ได้ฝึกฝนการฟังจังหวะ ฟังเสียงดนตรี พร้อมกันนั้นต้องใช้สมองนับ,จดจำท่าเต้นฯลฯ
เท่ากับได้ฝึกสมองไปด้วย 3.และเมื่อฝึกฝน ก้าวหน้ายิ่งขึ้น ได้พัฒนาการการเคลื่อนไหว การอ่านภาษากายของคู่เต้นไปด้วย เพราะมีการเต้นที่ complicate ยิ่งขึ้น 4.บางคู่และบางคนคิดท่าเต้นขึ้นเอง เป็นการสร้างเสริมความคิดด้าน creative ค่ะ
สรุป...มาเต้นลีลาศกันดีกว่า
...ถ้อยพังเพย..เปรียบเปรยไว้.งว่าหัวใจ..ของหญิงนั่น..(ปนเนื้อเพลงเข้ามา คงไม่เป็นไรนะคะ..บีกิน ค่ะ..หนึ่ง..สอง..สาม)