กาติฟลอกซาซิน (gatifloxacin) เป็นยากลุ่มฟลูออโรควิโนโลน (fluoroquinolones) ใช้สำหรับรักษาการติดเชื้อตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ออกฤทธิ์โดยฆ่าเชื้อแบคทีเรียหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย อย่างไรตามยาเหล่านี้ไม่เหมาะสมสำหรับรักษาไข้หวัดหรือการติดเชื้อไวรัส อาจใช้ในกรณีอื่นตามดุลยพินิจของแพทย์
โปรดแจ้งแพทย์หากท่านเคยมีอาการผิดปกติใดๆ หรือมีประวัติการแพ้ยากาติฟลอกซาซิน (gatifloxacin) หรือ ยากลุ่มฟลูออโรควิโนโลน (fluoroquinolones) ตัวอื่น หรือยาที่เกี่ยวข้องอื่น เช่น ซินอกซาซิน (cinoxacin) หรือกรดนาลิดิซิก (nalidixic acid) หรือ ส่วนประกอบใด ๆ ในยานี้ รวมทั้งการมีประวัติเคยแพ้สารอื่นๆ เช่น อาหาร สารกันเสียหรือสี เป็นต้น
ห้ามดื่มนมหรือรับประทานอาหารที่ทำจากนมพร้อมยานี้ เพราะแคลเซียมในนมสามารถจับกับยา ทำให้การดูดซึมยาเข้าสู่ร่างกายลดลง หากจำเป็น ให้รับประทานยาห่างจากอาหารเหล่านี้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง
รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'C' สำหรับสตรีมีครรภ์
จากการศึกษาในสัตว์พบว่ายาทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์ แต่ไม่มีรายงานการศึกษาที่ควบคุมอย่างดีในมนุษย์ หรือ ไม่มีรายงานการศึกษาในมนุษย์และสัตว์ถึงผลของยาต่อตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์ ดังนั้น ควรใช้ยานี้เมื่อมีการประเมินแล้วว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์
ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้เว้นแต่แพทย์พิจารณาแล้วว่าจำเป็นต้องใช้เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาในมนุษย์ อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ในระหว่างตั้งครรภ์เนื่องจากมีรายงานในสัตว์ทดลองว่าทำให้เกิดปัญหาด้านพัฒนาการของกระดูก
ยากลุ่มฟลูออโรควิโนโลน (fluoroquinolones) บางตัวผ่านเข้าสู่น้ำนมได้ ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ในระหว่างให้นมบุตรเนื่องจากมีรายงานในสัตว์ทดลองว่ากาติฟลอกซาซิน (gatifloxacin) ทำให้เกิดปัญหาด้านพัฒนาการของกระดูก
มีการทดลองการใช้ยานี้ในผู้สูงอายุในขนาดยาที่ให้ผลการรักษาพบว่าไม่ทำให้เกิดผลการรักษาหรืออาการข้างเคียงที่แตกต่างกันในผู้สูงอายุกับวัยอื่น
ถึงแม้ว่ายาบางอย่างไม่ควรใช้ร่วมกัน ในบางกรณีที่จำเป็นอาจใช้ร่วมกันได้ถึงแม้ว่าอันตรกิริยาอาจเกิดขึ้นก็ตาม โดยแพทย์อาจปรับเปลี่ยนขนาดยาหรืออาจมีข้อควรระวังอื่นๆ ที่จำเป็น เมื่อท่านต้องการจะรับประทานกาติฟลอกซาซิน (gatifloxacin) ท่านต้องแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านกำลังใช้ยาต่อไปนี้อยู่
ก. การใช้ยาเหล่านี้ร่วมกับกาติฟลอกซาซิน (gatifloxacin) อาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ เช่น ชีพจรเต้นผิดปกติ
ข. หลีกเลี่ยงการรับประทานยาลดกรดที่มีส่วนผสมของอะลูมินัม (aluminum) แคลเซียม (calcium) และ/หรือแมกนีเซียม (magnesium), ไดดาโนซีน (didanosine), ธาตุเหล็กและซูคราลเฟต (sucralfate) ร่วมกับกาติฟลอกซาซิน (gatifloxacin)
ปัญหาความเจ็บป่วยอื่นที่ท่านเป็นอยู่อาจส่งผลต่อการใช้กาติฟลอกซาซิน (gatifloxacin) ท่านควรแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านมีสภาวะเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น
ห้ามรับประทานกาติฟลอกซาซิน (gatifloxacin) ขณะตั้งครรภ์ ห้ามรับประทานกาติฟลอกซาซิน (gatifloxacin) ในทารก, เด็กหรือวัยรุ่น ยกเว้นแพทย์สั่ง เนื่องจากมีรายงานในสัตว์ทดลองว่าทำให้เกิดปัญหาด้านพัฒนาการของกระดูก
รับประทานยานี้แล้วดื่มน้ำตามมากๆ (ประมาณ 8 ออนซ์ หรือ 240 ซีซี) ยกเว้นแพทย์สั่ง
ควรรับประทานกาติฟลอกซาซิน (gatifloxacin) พร้อมอาหารหรือตอนท้องว่าง
เพื่อให้ยากำจัดเชื้อได้อย่างสมบูรณ์ ท่านควรใช้ยานี้ตลอดการรักษา แม้ว่าท่านจะมีอาการดีขึ้นแล้วหลังจากใช้ยาเพียงไม่กี่วันก็ตาม หากท่านหยุดใช้ยานี้เร็วเกินไปอาจทำให้เกิดการกลับเป็นซ้ำ
ยานี้ออกฤทธิ์ได้ดีที่สุดเมื่อระดับยาในเลือดหรือในปัสสาวะคงที่ เพื่อรักษาระดับยาให้คงที่จึงไม่ควรลืมรับประทานยา และจะดีที่สุดหากระยะห่างของการรับประทานยาแต่ละครั้งในตอนกลางวันและตอนกลางคืนเท่ากัน เช่น หากท่านรับประทานยาวันละ 2 ครั้ง ควรรับประทานห่างกัน 12 ชั่วโมง หากสิ่งเหล่านี้รบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของท่านหรือท่านต้องการความช่วยเหลือในการวางแผนช่วงเวลาที่จะรับประทานยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ขนาดยาของกาติฟลอกซาซิน (gatifloxacin) อาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ หรือ เภสัชกร หรือ ตามที่ระบุไว้บนฉลากยา
จำนวนเม็ดหรือปริมาณยาน้ำแขวนตะกอนที่ท่านรับประทานขึ้นกับความแรงของยา จำนวนครั้งของการรับประทานยาในแต่ละวัน, ระยะห่างของการรับประทานยาในแต่ละครั้งและระยะเวลาที่ท่านรับประทานยาขึ้นอยู่กับสภาวะโรคของท่านที่ท่านต้องรับประทานกาติฟลอกซาซิน (gatifloxacin)
หากท่านลืมรับประทานยาให้รีบรับประทานทันทีที่นึกได้ ถ้าใกล้ถึงมื้อต่อไปให้ข้ามมื้อที่ลืมและรับประทานยาต่อในมื้อถัดไปในขนาดยาปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วันหรืออาการยิ่งแย่ลงกว่าเดิม ควรกลับไปพบแพทย์
ก. ห้ามรับประทานยานี้ร่วมกับยาลดกรดที่มีส่วนผสมของอะลูมินัม (aluminum) หรือแมกนีเซียม (magnesium) หรือซูคราลเฟต (sucralfate)
ข. ผู้ป่วยบางรายที่รับประทานกาติฟลอกซาซิน (gatifloxacin) อาจไวต่อแสงแดดมากกว่าปกติ การสัมผัสกับแสงแดดแม้ในช่วงเวลาสั้นๆ อาจทำให้เกิดผิวหนังแสบไหม้รุนแรงหรือเกิดผื่นที่ผิวหนัง แดง คัน หรือผิวหนังเปลี่ยนสีได้ ขณะที่รับประทานยานี้
หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดหรือแสงสังเคราะห์ (เช่น โคมไฟหรือผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผิว) ต่ออีก 5 วันหรือจนกระทั่งไม่มีอาการ
ค. กาติฟลอกซาซิน (gatifloxacin) อาจทำให้ผู้ป่วยบางรายมีอาการมึนงง, รู้สึกหวิว, ง่วงซึมหรือตื่นตัวน้อยกว่าปกติ ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ การใช้เครื่องจักรหรือกิจกรรมที่เสี่ยงอันตรายหากท่านมีอาการมึนงงหรือไม่ตื่นตัว หากอาการเหล่านี้รบกวนท่านควรปรึกษาแพทย์
ง. กาติฟลอกซาซิน (gatifloxacin) อาจทำให้เกิดการอักเสบรุนแรงหรือเส้นเอ็น (เส้นที่เชื่อมกล้ามเนื้อกับกระดูก) ฉีกขาดได้น้อยมาก หยุดรับประทานกาติฟลอกซาซิน (gatifloxacin) หากท่านปวดเส้นเอ็นเฉียบพลันหลังจากออกกำลังกาย (เช่น ปวดบริเวณข้อเท้า, หลังหัวเข่าหรือขา, ไหล่, ข้อศอกหรือข้อมือ) พักผ่อนและห้ามออกกำลังกายจนแพทย์แน่ใจว่าท่านไม่มีอาการบาดเจ็บหรือเอ็นฉีกขาด
ยาอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงบางอย่างที่ไม่ต้องการ ถึงแม้ว่าอาการข้างเคียงต่อไปนี้อาจไม่ได้เกิดขึ้นทั้งหมด แต่หากเกิดอาการข้างเคียงขึ้นควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม
ก. ควรพบแพทย์ทันที หากมีอาการข้างเคียงต่อไปนี้เกิดขึ้น
พบบ่อย
พบน้อย
พบน้อยมาก
ข. อาการข้างเคียงอื่นๆ อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา อาการข้างเคียงเหล่านี้จะหายไปในระหว่างการรักษาเนื่องจากร่างกายจะปรับตัวเข้ากับยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถ้าอาการข้างเคียงเหล่านี้เกิดขึ้นติดต่อกันนานหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของท่าน
พบบ่อย
พบน้อยหรือน้อยมาก
ค. อาการข้างเคียงอื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยบางราย หากท่านสังเกตเห็นอาการข้างเคียงอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
กาติฟลอกซาซิน (gatifloxacin) สามารถใช้ในการรักษาโรคเหล่านี้ได้อีกด้วย
ข้อมูลข้างต้นยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้ที่ถูกต้องเหมาะสม, ข้อควรระวังหรืออาการข้างเคียงของการใช้ในข้อบ่งใช้เหล่านี้
เขียนโดย โพยม วงศ์ภูวรักษ์, นรวร เจนณรงค์, หทัยรัตน์ คังคะสุวรรณ
เขียนเมื่อ 15 Oct 2009 21:10 แก้ไขเมื่อ 19 Aug 2010 14:08