โรคหอบหืด เป็นภาวะของโรคปอดเรื้อรัง ก่อให้เกิดปัญหาทางเดินหายใจอักเสบและตีบได้ ในปัจจุบันมีผู้คนจำนวนมากที่ป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคหอบหืด การรักษาอย่างถูกต้องเหมาะสมมีความจำเป็นมากสำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืด เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

การใช้ยาสามารถช่วยป้องกันหรือหยุดการกำเริบของโรคหอบหืดได้ การกำเริบของโรคหอบหืดนั้นเกิดขึ้นจากหลายเหตุปัจจัย เช่น แพ้อาหาร แพ้ฝุ่น ความเครียด ความชื้น การออกกำลังกาย และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ข่าวดีก็คือหลายๆ สิ่งเร้าเหล่านี้สามารถหลีกเลี่ยงได้ นอกจากนี้การรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด จะสามารถช่วยป้องกันการกำเริบของโรคหอบหืดได้อีกด้วย

ต่อไปนี้เป็นวิธีที่ทำให้ผู้ป่วยโรคหอบหืด คงไว้ซึ่งสุขภาพดี และป้องกันการกำเริบของโรคหอบหืด

ระวังการแพ้อาหาร

การแพ้อาหาร เช่น การแพ้ถั่วลิสง ข้าวสาลี หรือนม รวมทั้งการแพ้วัตถุกันเสีย หรือสารเจือปนในอาหาร เช่น สีผสมอาหาร หรือผงชูรส เป็นเหตุให้เกิดอาการกำเริบของโรคหอบหืด เพราะฉะนั้นผู้ป่วยควรให้ความสนใจกับอาหารก่อนที่จะรับประทาน โดยสังเกตว่ามีอาหารชนิดใดเป็นสาเหตุให้เกิดอาการหอบหืด เพื่อที่จะได้หลีกเลี่ยงอาหารเหล่านั้น อาหารสด อาหารเพื่อสุขภาพ และอาหารที่ผ่านการแปรรูปเพียงเล็กน้อยจะทำให้มีสุขภาพดีต่อไป

สนุกกับกรดไขมันดี

เมื่อมีการกำเริบของโรคหอบหืด และมีการอักเสบของหลอดลม การรับประทานอาหารจะสามารถช่วยให้ร่างกายปราศจากการอักเสบ และช่วยลดอาการของโรคหอบหืดได้ อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง จะช่วยลดการอักเสบของปอด ผู้ป่วยควรรับประทานอาหารที่ทำจาก ปลาแซลมอน ปลาทู และเมล็ดปอ หรืออาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 และหลีกเลี่ยงอาหารที่อุดมไปด้วยกรดไขมันไม่ดี เพราะจะไปทำให้การอักเสบในร่างกายเพิ่มมากขึ้น

คาร์โบไฮเดรตต่ำ

อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง จะสามารถเพิ่มการอักเสบในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ใช้ยาสเตียรอยด์ในการรักษาโรคหอบหืดและโรคภูมิแพ้ ควรเลือกรับประทานอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำและโปรตีนสูง เพื่อให้มีการอักเสบน้อยลง

เติมแครอท

อาหารที่อุดมไปด้วยสารเบต้าแคโรทีน เช่น แครอท บรอคโคลี่ และผักโขม จะเป็นอาหารที่มีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบได้เป็นอย่างดี จึงสามารถช่วยป้องกันการกำเริบของโรคหอบหืดได้

เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ

การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระให้มากขึ้น จะช่วยป้องกันปอดจากสารพิษและป้องกันการกำเริบของโรคหอบหืด เพราะฉะนั้นควรรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ ผักและผลไม้สดมากๆ ทุกวัน

รับประทานวิตามินบี 6 และบี 12 เพิ่มขึ้น

การศึกษาพบว่าผู้ป่วยโรคหอบหืดที่รับประทานยาที่มีส่วนผสมของ theophylline อาจจะทำให้ร่างกายขาดวิตามินบี 6 ได้ และการศึกษาก็ยังแสดงอีกว่าผู้ป่วยโรคหอบหืดที่รับประทานวิตามินบี 12 จะสามารถช่วยลดการกำเริบของเกิดโรคหอบได้ เพราะฉะนั้นในแต่ละวันผู้ป่วยควรพยายามรับประทานวิตามินบีรวม เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินเหล่านี้อย่างเพียงพอ

รับประทานแมกนีเซียม

ผู้ป่วยโรคหืดมักจะมีแมกนีเซียมในร่างกายน้อยเป็นสาเหตุให้ทางเดินหายใจตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อการกำเริบของโรคหอบหืด มีคำแนะนำว่า ควรเพิ่มแมกนีเซียมในอาหารวันละประมาณ 100-300 มิลลิกรัม จะทำให้อาการอักเสบของหลอดลมลดน้อยลงได้

พักผ่อนให้เพียงพอ

การนอนหลับจะช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงปราศจากโรคหวัดและการเจ็บป่วยอื่น ๆ ซึ่งนำไปสู่การกำเริบของโรคหอบหืดได้ มีคำแนะนำว่าควรนอนหลับให้ได้คืนละ 8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันโรคหอบหืด

หลีกเลี่ยงความเครียด

ความเครียดจะทำให้ภูมิคุ้มกันลดต่ำลง และทำให้ร่างกายต่อสู้กับการอักเสบได้ยากมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้โรคหอบหืดกำเริบ ควรพยายามลดความเครียดในชีวิตให้น้อยลง หรือควบคุมมันให้ได้ การออกกำลังกาย เล่นโยคะหรือนั่งสมาธิทุกวัน จะสามารถช่วยลดความเครียดในชีวิตได้

กำจัดควันบุหรี่

ถ้าคุณเป็นโรคหืด คุณต้องรู้ว่าไม่ควรสูบบุหรี่ ถ้าคุณเป็นสิงห์อมควัน คุณมีความจำเป็นที่เลิกสูบบุหรี่ เพื่อสุขภาพปอดและลดการกำเริบของโรคหอบหืดให้น้อยลง เพราะฉะนั้นต้องพยายามอยู่ห่างจากคนที่สูบบุหรี่ หรือหลีกเลี่ยงสถานที่ที่เต็มไปด้วยควันบุหรี่ อากาศบริสุทธิ์เป็นหนทางที่ดีที่จะทำให้ห่างไกลจากโรคหอบหืด

จดจำข้อมูลเบื้องต้น

ถ้าคุณเป็นโรคหืด คุณคงเคยได้ยินมาแล้วทุกคำแนะนำขั้นพื้นฐานที่จะช่วยให้ห่างไกลโรคหอบหืด แต่ไม่เป็นไรหากจะมาทบทวนกันใหม่ ควรดูแลบ้านให้สะอาดและปราศจากฝุ่นให้มากที่สุด สวมหน้ากากเมื่อต้องทำความสะอาด เพื่อที่คุณจะไม่หายใจเอาควันและฝุ่นละอองเข้าไป เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้โรคหอบหืดกำเริบขึ้นมาได้

แม้ว่าในปัจจุบันยังไม่มีวิธีการรักษาโรคหอบหืด ให้หายขาด แต่มีหลายวิธีที่จะควบคุมไม่ให้เกิดการกำเริบได้ ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และใช้ยาอย่างถูกต้อง และหากสามารถปฏิบัติตนได้หมดตามคำแนะนำข้างต้น ก็น่าที่จะทำให้คุณมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้แม้จะเป็นโรคหอบหืดก็ตาม

ข่าวจาก: examiner.com