คณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์จาห์รอม (Jahrom U of Medical Science) อิหร่าน ทำการศึกษาในกลุ่มตัวอย่างที่เป็นหวัดใน 24 ชั่วโมงแรก 60 คน
แบ่งเป็น 2 กลุ่ม... กลุ่มหนึ่งให้การรักษาแบบสมัยใหม่ เช่น ให้ยาลดน้ำมูก ยาแก้ไข้-แก้ปวด ฯลฯ อีกกลุ่มหนึ่งให้น้ำผึ้งวันละ 2 ออนซ์ = 60 มิลลิลิตร = 4 ช้อนโต๊ะมาตรฐาน = 8 ช้อนกินข้าวไทย (ช้อนกินข้าวไทยมีขนาดประมาณ 1/2 ของช้อนโต๊ะมาตรฐาน = 7-9 มิลลิลิตร)
การศึกษานี้ติดตามผลการรักษาจากอาการ เช่น น้ำมูกไหล ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ไข้ ไอ จาม ฯลฯ โดยไม่ให้ผู้สังเกตการณ์รู้ว่า กลุ่มไหนได้ยาหรือน้ำผึ้ง
ผลการศึกษาพบว่า กลุ่มที่ได้น้ำผึ้งมีอาการทุเลาลงเร็วกว่า และอาการหวัดหายไปเร็วกว่า 2 วัน
กลไกที่เป็นไปได้คือ น้ำผึ้งมีสารพฤกษเคมี หรือสารคุณค่าพืชผัก เช่น กรดฟีโนลิค (phenolic acid), ฟลาโวนอยด์ (flavonoids) ฯลฯ
การศึกษาก่อนหน้านี้ทำโดยศูนย์การแพทย์ดูไบ ศึกษาในผู้ใหญ่ 16 คนที่มีแผลร้อนในซ้ำซาก และให้ทาน้ำผึ้งภายในชั่วโมงแรกที่พบมีแผลในช่องปาก โดยใช้ผ้าก๊อซชุบน้ำผึ้งปะแผลไว้ 15 นาที วันละ 4 ครั้ง
ผลการศึกษาพบว่า แผลหายเร็วขึ้น อาการปวดหายไปเร็วขึ้นประมาณ 2/3
วงการแพทย์มีการนำน้ำผึ้งมาใช้ในการทำแผล รักษาแผลมานานแล้ว การศึกษานี้มีส่วนบุกเบิกแนวคิดใหม่ คือ นำน้ำผึ้งมาใช้รักษาโรคในช่องปาก (ทำได้ยากกว่า เนื่องจากมีน้ำลายชะล้างอยู่ตลอดเวลา)
การนำน้ำผึ้งมาใช้บรรเทาอาการหวัดมีข้อควรระวังคือ ระวังอ้วนหรือน้ำหนักขึ้น ซึ่งทำได้โดยการลดอาหารกลุ่มแป้ง-น้ำตาลอื่น ๆ ให้น้อยลงไปด้วยเสมอ
ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนาน ๆ ครับ
MailOnline รายงาน
ภาพจาก Flickr.com