อ่าน: 3853
Small_font Large_font

Diltiazem (ดิลไทอาเซม )

คำอธิบายพอสังเขป

ดิลไทอาเซม (diltiazem) จัดเป็นยาในกลุ่มต้านแคลเซียม (calcium antagonist) โดยปิดกั้นช่องแคลเซียม (calcium channel blocker) โครงสร้างของยานี้อยู่ในกลุ่มที่ไม่ใช่ไดไฮโดรไพริดีน (non-dihydropyridine) โดยมีโครงสร้างประเภทเบนโซไทอาซีพีน (benzothiazepine) ออกฤทธิ์รบกวนการส่งแคลเซียมเข้ากล้ามเนื้อหัวใจทำให้ลดการกระตุ้นหัวใจส่งผลให้การเต้นของหัวใจลดลง ลดการทำงานของหัวใจ มีผลขยายหลอดเลือด ส่งผลให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น และเพิ่มออกซิเจนเข้าสู่กล้ามเนื้อหัวใจ

ยานี้ใช้ในการรักษาความดันเลือดสูง, ความดันสูงในหลอดเลือดแดงปอด (pulmonary hypertension), บรรเทาอาการปวดเค้นหัวใจ (agina pectoris), ป้องกันโรคปวดเค้นหัวใจแบบเสถียรเรื้อรัง (chronic stable angina pectoris), ป้องกันและรักษาภาวะหัวใจเต้นเสียจังหวะ (cardiac arrythmia) อาจใช้รักษาอาการเคลื่อนไหวโดยไม่ตั้งใจ (tardive dyskinesia) และภาวะกล้ามเนื้อฝ่อในเด็ก (duchenne muscular dystrophy)

ยานี้ไม่ได้ใช้เพื่อรักษาความดันเลือดสูงให้หาย เพียงแต่ช่วยควบคุมความดันเลือด ภาวะความดันเลือดสูงที่ไม่ได้รับการรักษาจะทำให้เกิดปัญหาร้ายแรง เช่น หัวใจล้มเหลว, โรคหลอดเลือด, โรคลมเหตุหลอดเลือดสมอง (stroke) และ โรคไต

ก่อนการใช้ยา

การแพ้ยา

โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านเคยมีอาการผิดปกติใด ๆ หรือมีประวัติการแพ้ยาดิลไทอาเซม (diltiazem) หรือ ยาในกลุ่มเบนโซไทอาซีพีน (benzothiazepine) ตัวอื่น หรือ ส่วนประกอบใด ๆ ในยานี้ รวมทั้งการมีประวัติเคยแพ้สารอื่น เช่น อาหาร, สารกันเสีย, สี เป็นต้น

ตัวอย่าง อาการแพ้ยา เช่น ผื่น, คัน, ลมพิษ, ตาบวม, หน้าบวม, ปากบวม, ลิ้นบวม, แน่นหน้าอก, หายใจลำบาก, หายใจมีเสียงหวีด (wheezing), ปฏิกิริยารุนแรงที่ผิวหนัง, บวมกดไม่บุ๋ม, ลักษณะผิวหนังแดงแบบหลายรูป (erythema multiforme), ไข้, ผิวหนังอักเสบหลุดลอกเป็นแผ่น (exfoliative dermatitis), กลุ่มอาการสตีเวนส์จอห์นสัน (Stevens Johnson syndrome)

อาหารและเครื่องดื่มที่ต้องระวัง

  • หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อลดการเกิดอาการวิงเวียน หน้าแดง และหัวใจเต้นเร็ว
  • หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือสมุนไพรบางชนิด เช่น ขิง, โสม, มาฮวง (ma huang หรือ ephedra), เซนต์เจอห์นเวิร์ท (St John’s wort) , แคลเซียม, น้ำเกรพฟรุ๊ท (grapefruit juice), กระเทียม, โยฮิมบีน (yohimbe), ชะเอม
  • แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงการดื่มกาแฟ การสูบบุหรี่ และยาเสพติด เนื่องจากอาจมีผลต่อการทำงานของยานี้

ตั้งครรภ์

ABCDX

รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'C' สำหรับสตรีมีครรภ์

จากการศึกษาในสัตว์พบว่ายาทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์ แต่ไม่มีรายงานการศึกษาที่ควบคุมอย่างดีในมนุษย์ หรือ ไม่มีรายงานการศึกษาในมนุษย์และสัตว์ถึงผลของยาต่อตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์ ดังนั้น ควรใช้ยานี้เมื่อมีการประเมินแล้วว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์

สตรีมีครรภ์ ไม่ควรใช้ยานี้ อาจพิจารณาใช้เฉพาะรายที่มีความจำเป็น ยานี้สามารถผ่านรกไปสู่ทารกได้และ มีรายงานการเป็นพิษต่อทารกในสัตว์ทดลอง

กำลังให้นมบุตร

สตรีให้นมบุตร ไม่ควรใช้ยานี้ เพราะยาสามารถผ่านทางน้ำนมได้

เด็ก

ไม่แนะนำให้ใช้ในเด็ก และห้ามใช้ในเด็กแรกเกิด

ผู้สูงอายุ

ควรระมัดระวังการใช้ยานี้ในผู้สูงอายุ อาจมีการปรับขนาดยาในผู้สูงอายุ

ยาอื่นที่ใช้อยู่

ก. ห้ามการใช้ยานี้ร่วมกับยาต่อไปนี้ ราโนลาซีน (ranolazine)

ข.หลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ร่วมกับยาดังต่อไปนี้ และต้องแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ เนื่องจากยาเหล่านี้อาจเพิ่มผลของยาดิลไทอาเซม ((diltiazem) และอาจก่อให้เกิดพิษได้ ได้แก่

  • ยาสำหรับความดันเลือดสูง ยากลุ่มปิดกั้นบีต้า-แอดรีเนอจิก (beta-adrenergic blocking agents) เช่น อะทีโนลอล (atenolol), เบแทกโซลอล (betaxolol), เมโทโพรลอล (metoprolol), โพรแพรโนนอล (propranolo), ไทโมลอล (timolol) และยาขับปัสสาวะ รวมถึงยาลดความดันตัวอื่นในกลุ่มนี้ (calcium channel blocker) และยาลดความดันกลุ่มอื่น
  • ยากลุ่มเบนโซไดอาซีพีน (benzodiazepines) เช่น อัลพราโซแลม (alprazolam), โคลแนซีแพม (clonazepam), คอลราซีเพต (clorazepate), ไดแอซิแพม (diazepam), ลอแรซีแพม (lorazepam) เป็นต้น
  • ยาสำหรับกดภูมิคุ้มกัน เช่น ไซโคลสพอริน (cyclosporin), แทโครลิมัส (tacrolimus)
  • ยากลุ่มสแททิน (statins) เช่น อะทอร์วาสแททิน (atorvastatin), ซิมวาสแททิน (simvastatin)
  • ยารักษาเชื้อรากลุ่มเอโซล (azole antifungals) เช่น ฟลูโคนาโซล (fluconazole), อิทราโคนาโซล (itraconazole), คีโทโคนาโซล (ketoconazole)
  • ยากลุ่มยับยั้งโปรตีเอส (protease inhibitors) เช่น อินดินาเวียร์ (indinavir), ริโทนาเวียร์ (ritonavir), ซาควินาเวียร์ (saquinavir)
  • ยาปฏิชีวนะกลุ่มแมคโคไลด์ (macrolide antibiotics) เช่น คลาริโทรไมซิน (clarithromycin), อีริโทรไมซิน (erythromycin)
  • ยาอื่น ๆ เช่น บิวสไพโรน (buspirone), คาร์บามาซีพีน (carbamazepine), ดิจอกซิน (digoxin), คอร์ติโคสเตอรอยด์ (corticosteroids), ลิเทียม (lithium), เฟนิทอยน์ (phenytoin), ควินิดีน (quinidine), แซลเมเทอรอล (salmeterol), ริทูซีแมบ (rituximab), ไซเมทิดีน (cimetidine)

ค.ยาที่มีผลลดผลของยาดิลไทอาเซม (diltiazem) ได้แก่

  • โคลพิโดเกรล (clopidogrel), แคลเซียม, คาร์บามาซีพีน (carbamazepine), ไรแฟมพิน (rifampin), ไรฟามัยซิน (rifamycin), ดีเฟอราซีรอก (deferasirox)

ง.ยังมียาหลายชนิดที่ไม่ควรใช้ร่วมกับยาดิลไทอาเซม ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบว่าท่านกำลังใช้ยาใดอยู่ในขณะนี้

ภาวะโรคร่วม

  • ห้ามใช้กับผู้ที่มีการหดแคบของเอออร์ตา (aortic stenosis), ภาวะหัวใจขัดชนิดเอวี (การนำกระแสประสาทจากหัวใจห้องบนไปยังหัวใจห้องล่างถูกขัด หรือ AV block), หัวใจห้องบนเต้นแผ่วระรัว (atrial fibrillation) ในผู้ป่วยที่ผ่าตัดหัวใจ, อาการปวดเค้นแบบไม่เสถียร (unstable agina pectoris), ช็อกเหตุหัวใจ (cardiogenic chock), กลุ่มอาการเกี่ยวกับหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ (coronary artery syndrome), ความดันเลือดต่ำรุนแรง, หัวใจห้องล่างเต้นเร็ว (ventricular tachycardia), กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันร่วมกับมีภาวะเลือดคั่งในปอด (acute mycocardial infarction with pulmonary congestion)
  • ระมัดระวังการใช้ยานี้ในผู้ที่อาการหัวใจล้ม (heart attack), ความดันเลือดต่ำ, ความดันเลือดสูงแบบวิกฤติ (hypertensive crisis), ผู้ป่วยโรคตับ, กล้ามเนื้อหัวใจตายเหตุขาดเลือด (myocardial infarction), ความดันเลือดต่ำ, มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร, ผู้สูงอายุ, ผู้ป่วยโรคไต, ผู้ป่วยโรคตับ, กลุ่มอาการที่มีจังหวะของหัวใจเต้นผิดปกติจากการทำงานผิดปกติของ sinus node (sick-sinus syndrome), ผู้ที่มีเนื้อตายเน่า (gangrene), มีภาวะกำเริบของอาการปวดเค้นหัวใจ (aggravated angina pectoris) หลังได้รับยา, ผู้ที่มีภาวะหัวใจโต (cardiomegaly), ผู้ที่ภาวะการหายใจถูกกด, ภาวะหัวใจห้องล่างซ้ายผิดปกติรุนแรง, หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

การใช้ที่ถูกต้อง

  • เวลาที่เหมาะสมในการรับประทานยานี้คือ เวลาท้องว่างหรือห่างจากมื้ออาหาร (ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมงหรือหลังอาหาร 2 ชั่วโมง) ทั้งนี้อาจรับประทานหลังอาหารได้หากรู้สึกไม่สบายท้องเมื่อรับประทานยานี้ตอนท้องว่าง
  • รับประทานยาในเวลาเดียวกันทุกวันเป็นประจำ ไม่ควรหยุดรับประทานยาเองโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
  • อาจแบ่งครึ่งเม็ดยา หากไม่สามารถกลืนได้ทั้งเม็ด ห้ามเคี้ยวหรือบดยาประเภทที่ออกฤทธิ์นานเนื่องจากประสิทธิภาพของยาจะลดลง
  • ยาแต่ละบริษัทจะมีผลต่อประสิทธิภาพในการรักษาด้วยยานี้ การเปลี่ยนยี่ห้อควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาและเภสัชกร

ขนาดยา

ขนาดยาของยาดิลไทอาเซม (diltiazem) อาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรอย่างเคร่งครัด

เมื่อลืมใช้ยา

ให้รับประทานทันทีทีนึกได้ ถ้าใกล้เวลาของมื้อต่อไป ให้ข้ามไปรับประทานมื้อถัดไปโดยใช้ขนาดยาตามแพทย์สั่ง ห้ามรับประทานยาเพิ่มเป็น 2 เท่า ไม่ควรเปลี่ยนขนาดยาหรือหยุดยา

การเก็บรักษา

  • เก็บยาในภาชนะปิดสนิท อย่าให้โดนแสงโดยตรง อย่าเก็บในที่ร้อน
  • เก็บยาที่อุณหภูมิห้อง ไม่ควรเกิน 25 องศาเซลเซียส รูปแบบยาประเภทควบคุมการปลดปล่อยอาจเก็บยาอยู่ในช่วง 15 – 30 องศาเซลเซียส
  • เก็บยาในที่แห้ง อย่าเก็บในที่ชื้น เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว
  • เก็บยาทุกชนิดให้พ้นสายตา มือเด็ก และสัตว์เลี้ยง รวมถึงไม่แบ่งยาให้กับผู้อื่น
  • ไม่ใช้ยานี้หลังจากวันหมดอายุ
  • ไม่ควรทิ้งยานี้ผ่านท่อน้ำทิ้งหรือร่วมกับขยะจากครัวเรือนควร ปรึกษาเภสัชกรสำหรับการกำจัดยา

ข้อควรระวัง

  • หลีกเลี่ยงการขับขี่ยวดยาน และการทำงานกับเครื่องจักรที่อันตราย เนื่องจากยาอาจทำให้เกิดอาการเวียนศีรษะ ง่วงซึม จนกว่าจะรู้ว่ายามีผลต่อตนเองอย่างไร
  • มีความจำเป็นที่ต้องรับประทานยานี้และพบแพทย์ตามนัดเป็นประจำ ไม่ควรหยุดยาเองหรือหยุดยาทันทีควรปรึกษาแพทย์ ควรมีการลดขนาดยาลงช้า ๆ จนกว่าจะหยุด
  • ไม่ควรนั่งหรือลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในผู้สูงอายุเนื่องจากจะทำให้วิงเวียน
  • แจ้งแพทย์ให้ทราบว่าท่านกำลังใช้ยานี้อยู่ หากท่านมีภาวะดังต่อไปนี้ กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร, โรคตับ, โรคไต, การเต้นของหัวใจผิดปกติ, มีประวัติหัวใจวาย, มีปัญหาเกี่ยวกับทางเดินอาหาร หรือต้องได้รับการผ่าตัด
  • ควรตรวจวัดชีพจรเป็นประจำ และปริกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีการวัดชีพจรด้วยตนเอง เนื่องจากผู้ใช้ยานี้จำเป็นที่จะต้องวัดเป็นประจำ และหากมีชีพจรต่ำกว่า 50 ครั้งต่อนาที ควรปรึกษาแพทย์

อาการไม่พึงประสงค์

ยาอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์บางอย่างที่ไม่ต้องการ ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดกับผู้ใช้ยาทุกราย แต่หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้นควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม

ก. อาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง ต้องหยุดยาแล้วรีบไปพบแพทย์ทันที อาการที่พบ เช่น

  • อาการแพ้ยา
  • ภาวะหัวใจวายเหตุเลือดคั่ง (congestive heart fuilure), ภาวะหัวใจเต้นช้าจากความผิดปกติของการส่งผ่านกระแสไฟฟ้า โดย มีการขัดขวางกระแสไฟฟ้าให้ช้าลง หรือทำให้กระแสไฟฟ้าไม่สามารถผ่านจากหัวใจห้องบนไปกระตุ้นส่วนของหัวใจห้องล่างได้ (atrioventricular block), กล้ามเนื้อหัวใจตาย (myocardial infarction), หัวใจหยุดนิ่ง (asystole), เจ็บหน้าอก, ภาวะหัวใจเสียจังหวะ (cardiac arrythmia), อัตราหัวใจเต้นเร็ว (tachycardia), หัวใจเต้นแผ่วระรัว (cardiac fibrillation), อาการใจสั่น (palpitation), หัวใจเต้นตุบ ๆ (heart pounding), หัวใจเต้นช้า (bradycardia), หายใจลำบาก (dyspnea), เหนื่อยอย่างมากและไม่ยอมหาย, ความดันเลือดต่ำ
  • ภาวะเสียความจำ, ภาวะซึมเศร้า, ความรู้สึกรับรสเสื่อมลง, ความผิดปรกติชนิดเอ็กซ์ทราพีรามิดัล (extrapyramidal) เช่น เคลื่อนไหวโดยไม่ตั้งใจ (tardive dyskinesia), สั่นและแข็งเกร็ง, กระวนกระวาย, กล้ามเนื้อหดเกร็ง
  • การทำหน้าที่ของตับผิดปกติ เช่น ตับอักเสบ, ดีซ่าน, เอนไซม์ตับสูงขึ้น, ตัวหรือตาเหลือง
  • มีเลือดออกใต้ผิวหนัง การแข็งตัวของเลือดผิดปกติ โลหิตจางจากภาวะเม็ดเลือดแตก ภาวะเกล็ดเลือดน้อย
  • อาการบวมน้ำบริเวณตาตุ่มหรือข้อเท้า ปอดบวมน้ำ ปวดตามกล้ามเนื้อหรือข้อ
  • ตามัว หมดสติ

ข. อาการไม่พึงประสงค์ที่ไม่รุนแรง
หากเกิดขึ้นอาจไม่จำเป็นต้องหยุดยา แต่ควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรทราบ เช่น เหงือกงอกมากเกิน (gingival hyperplasia), ตัวบวม, อาการปวดศีรษะ, ภาวะไวต่อแสง, เต้านมโตในผู้ชาย, น้ำตาลในเลือดสูง, ท้องผูก, ท้องร่วง, คลื่นไส้, อาเจียน, อาหารไม่ย่อย, รู้สึกปวดมวนหรือไม่สบายในท้อง, เวียนศีรษะ, อาการประสาทอ่อน, ฝันร้าย, วิตกกังวล, อาการหน้าแดง, กล้ามเนื้อกระตุก, อ่อนเปลี้ย, เยื่อจมูกอักเสบ, คอหอยอักเสบ (pharyngitis), คัดจมูก, มีอาการคล้ายโรคเอสเอลอี (SLE), โรคเก๊าต์, แต่ถ้ามีอาการรุนแรงให้ไปพบแพทย์ทันที

ค. หากเกิดอาการผิดปกติอื่น ๆ ที่คาดว่าน่าจะเกิดจากยานี้ ให้ไปพบแพทย์หรือเภสัชกร

กลุ่มยา

ยานี้จัดอยู่ในกลุ่มยาต่อไปนี้

ยาที่เกี่ยวข้อง

ยานี้เกี่ยวข้องกับยาต่อไปนี้

Amlodipine, Cinnarizine, Felodipine, Flunarizine, Nifedipine (Controlled release), Nifedipine (Immediate-release), Nifedipine (Retard, Sustained release), Verapamil

ชื่อทางการค้า

ยานี้มีชื่อทางการค้าต่อไปนี้

Cardil CR tablets, Cascor XL capsules, Denazox tablets, Dilcardia tablets, Dilcardia SR capsules, Dilizem tablets, Diltec tablets, Ditizem tablets, Herbesser tablets, Herbesser 90 SR capsules, Herbesser R capsules , Herbie tablets

ข้อมูลนี้ไม่สมบูรณ์ ยานี้อาจจะยังมีชื่อทางการค้าอื่นที่ไม่ได้แสดงในนี้ หรือชื่อทางการค้าที่แสดงในนี้อาจจะไม่อนุญาตให้จำหน่ายแล้ว

ชื่อภาษาไทยอื่นที่อาจมีการใช้

ยานี้มีชื่อภาษาไทยอื่นที่มีการใช้ดังต่อไปนี้

ดิวเทียเซม, ดิลทิอาเซม

ข้อมูลนี้ไม่สมบูรณ์ ยานี้อาจจะยังมีชื่อภาษาไทยอื่นที่อาจมีการใช้ ซึ่งไม่ได้แสดงในนี้

แหล่งอ้างอิง

  1. CPM medica. MIMS Thailand Online. Available at http://www.mims.com. Access Date: 5 May, 2010.
  1. DRUGDEX® System:Klasco RK (Ed): DRUGDEX® System (electronic version). Thomson Micromedex, Greenwood Village, Colorado, USA. Available at: http://www.thomsonhc.com. Access Date: 3 March, 2010.
  2. Lacy CF, Armstrong LL, Goldman MP, Lance LL. Drug Information Handbook with international trade names index. 18th ed. Ohio: Lexi Comp In;2009.
  3. MedlinePlus Trusted Health Information for You. Calcium channel blocker. Available at http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/druginfo/drug_Aa.html. Access Date: March 17, 2005.

panupong puttarak
โพยม วงศ์ภูวรักษ์
04 พฤษภาคม 2553 12 ตุลาคม 2553
เพื่อนแนะนำ : เงินด่วน 30 นาทีถูกกฎหมาย, เราชนะรอบ 4, ยืมเงิน 3000 ด่วน, แอพผ่อนของ, กู้เงิน, สมัครบัตรเครดิต, สินเชื่อไม่เช็ค บูโรถูกกฎหมาย