อ่าน: 1490
Small_font Large_font

Aspirin (แอสไพริน )

คำอธิบายพอสังเขป

แอสไพริน (aspirin) เป็นซาลิซิเลต (salicylates) ใช้สำหรับบรรเทาอาการปวดและลดไข้ ส่วนใหญ่ใช้เพื่อบรรเทาอาการบางอาการที่เกิดเนื่องจากข้ออักเสบ (รูมาตอยด์) เช่น บวม ข้อแข็งและปวดข้อ อย่างไรก็ตามยานี้ไม่ได้ใช้รักษาข้ออักเสบแต่จะช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้น

แอสไพริน (aspirin) อาจใช้เพื่อลดโอกาสการเกิดหัวใจกำเริบ (heart attack) เส้นเลือดในสมองแตก (stroke) หรือป้องกันการแข็งตัวของเลือด อย่างไรก็ตามฤทธิ์ดังกล่าวของแอสไพริน (aspirin) อาจเพิ่มโอกาสการเกิดเลือดออกรุนแรงในผู้ป่วยบางราย ดังนั้นควรใช้แอสไพริน (aspirin) สำหรับอาการดังกล่าวตามแพทย์สั่งเท่านั้น ห้ามใช้แอสไพริน (aspirin) ในการป้องกันการแข็งตัวของเลือดหรือหัวใจกำเริบเองถ้าแพทย์ไม่ได้สั่ง

แอสไพริน (aspirin) อาจใช้ในกรณีอื่นตามแพทย์สั่ง

แอสไพริน (aspirin) บางตัวสามารถจำหน่ายได้ตามใบสั่งยาของแพทย์หรือใบสั่งยาของทันตแพทย์เท่านั้น ส่วนรูปแบบอื่นๆ อาจจำหน่ายได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยาของแพทย์ แพทย์หรือทันตแพทย์อาจมีคำแนะนำพิเศษที่เหมาะสมในการใช้ขนาดยานี้สำหรับท่าน

ก่อนการใช้ยา

การแพ้ยา

โปรดแจ้งแพทย์หากท่านเคยมีอาการผิดปกติใดๆ หรือมีประวัติการแพ้ยาแอสไพริน (aspirin) หรืออนุพันธ์ของซาลิซิเลต (salicylates) รวมถึงเมทิลซาลิซิเลต (methyl salicylats) หรือ ส่วนประกอบใด ๆ ในยานี้ หรือยาดังต่อไปนี้

ไดโคลฟีแนก (diclofenac) ไดฟลูนิซัล (diflunisal) อีโตโดแลค (etodolac)
ฟีโนโพรเฟน (fenoprofen) ฟลอคตาฟินีน (floctafenine) เฟลอบิโพรเฟน (flurbiprofen)
ไอบิวโพรเฟน (ibuprofen) อินโดเมทาซิน (indomethacin) คีโทโพรเฟน (ketoprofen)
มีโคลฟีนาเมท (meclofenamate) กรดมีฟีนามิค (mefenamic acid) เมทิลซาลิซิเลต (methyl salicylate)
นาบูมีโทน (nabumetone) นาพรอกเซน (naproxen) อ็อกซาโปรซิน (oxaprozin)
อ็อกซี่เฟนบิวทาโซน (oxyphenbutazone) ฟีนิลบิวทาโซน (phenylbutazone) เพียร็อกซิแคม (piroxicam)
ซูลินแดค (sulindac) ซูโพรเฟน (suprofen) เทน็อกซิแคม (tenoxicam)
กรดเทียโพรฟีนิก (tiaprofenic acid) โทลมีติน (tolmetin) โซมีพิแรค (zolmepirac)

รวมทั้งการมีประวัติเคยแพ้สารอื่นๆ เช่น อาหาร สารกันเสียหรือสี เป็นต้น

อาหารและเครื่องดื่มที่ต้องระวัง

โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์ให้ทราบหากท่านกำลังได้รับคำแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีโซเดียมต่ำ (low-salt)

ตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 1

ABCDX

รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'C' สำหรับสตรีมีครรภ์

จากการศึกษาในสัตว์พบว่ายาทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์ แต่ไม่มีรายงานการศึกษาที่ควบคุมอย่างดีในมนุษย์ หรือ ไม่มีรายงานการศึกษาในมนุษย์และสัตว์ถึงผลของยาต่อตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์ ดังนั้น ควรใช้ยานี้เมื่อมีการประเมินแล้วว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์

ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ เว้นแต่แพทย์พิจารณาแล้วว่าจำเป็นต้องใช้ เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาผลการเกิดทารกวิรูปจากการใช้ซาลิซิเลต (salicylates) ในมนุษย์ แต่มีการศึกษาผลการเกิดทารกวิรูปจากการใช้แอสไพริน (aspirin) ในสัตว์ทดลอง พบว่าซาลิซิเลต (salicylates) ทำให้เกิดทารกวิรูปได้ในสัตว์ทดลอง

มีบางรายงานแนะนำว่าการใช้แอสไพริน (aspirin) ที่มากเกินไปในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์อาจทำให้น้ำหนักของทารกลดลงและอาจทำให้ตัวอ่อนหรือทารกถึงแก่ชีวิต มารดาในรายงานดังกล่าวรับประทานแอสไพริน (aspirin) เป็นจำนวนมากกว่าขนาดที่ให้ผลการรักษา การศึกษาในมารดาที่รับประทานแอสไพริน (aspirin) ในขนาดที่ให้ผลการรักษาพบว่าไม่เกิดอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้ การใช้แอสไพริน (aspirin) ในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์อาจทำให้โอกาสการเกิดอาการไม่พึงประสงค์เกี่ยวกับหัวใจและเลือดที่ไปเลี้ยงตัวอ่อนหรือทารกเพิ่มขึ้น

ตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 2

ABCDX

รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'C' สำหรับสตรีมีครรภ์

จากการศึกษาในสัตว์พบว่ายาทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์ แต่ไม่มีรายงานการศึกษาที่ควบคุมอย่างดีในมนุษย์ หรือ ไม่มีรายงานการศึกษาในมนุษย์และสัตว์ถึงผลของยาต่อตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์ ดังนั้น ควรใช้ยานี้เมื่อมีการประเมินแล้วว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์

ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ เว้นแต่แพทย์พิจารณาแล้วว่าจำเป็นต้องใช้ เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาผลการเกิดทารกวิรูปจากการใช้ซาลิซิเลต (salicylates) ในมนุษย์ แต่มีการศึกษาผลการเกิดทารกวิรูปจากการใช้แอสไพริน (aspirin) ในสัตว์ทดลอง พบว่าซาลิซิเลต (salicylates) ทำให้เกิดทารกวิรูปได้ในสัตว์ทดลอง

มีบางรายงานแนะนำว่าการใช้แอสไพริน (aspirin) ที่มากเกินไปในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์อาจทำให้น้ำหนักของทารกลดลงและอาจทำให้ตัวอ่อนหรือทารกถึงแก่ชีวิต มารดาในรายงานดังกล่าวรับประทานแอสไพริน (aspirin) เป็นจำนวนมากกว่าขนาดที่ให้ผลการรักษา การศึกษาในมารดาที่รับประทานแอสไพริน (aspirin) ในขนาดที่ให้ผลการรักษาพบว่าไม่เกิดอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้ การใช้แอสไพริน (aspirin) ในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์อาจทำให้โอกาสการเกิดอาการไม่พึงประสงค์เกี่ยวกับหัวใจและเลือดที่ไปเลี้ยงตัวอ่อนหรือทารกเพิ่มขึ้น

ตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 3

ABCDX

รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'D' สำหรับสตรีมีครรภ์

ยามีความเสี่ยงในการก่อให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์ อย่างไรก็ตาม อาจใช้ยานี้ได้ หากพิจารณาแล้วว่าประโยชน์จากการใช้ยามีมากกว่าความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ ดังนั้นการพิจารณาใช้ยาให้อยู่ในดุลยพินิจของแพทย์

การใช้แอสไพริน (aspirin) ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดปัญหาเลือดออกในตัวอ่อนก่อนหรือระหว่างการคลอดหรือในทารกแรกเกิด การใช้แอสไพริน (aspirin) ในไตรมาส 3 ของการตั้งครรภ์ (3 เดือนสุดท้าย) อาจทำให้ระยะเวลาของการคลอดนานขึ้นอันเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาในระหว่างการคลอดหรือหลังการคลอด ดังนั้นห้ามใช้แอสไพริน (aspirin) ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ยกเว้นแพทย์สั่ง

กำลังให้นมบุตร

แอสไพริน (aspirin) สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนม ถึงแม้ยังไม่มีรายงานว่าซาลิซิเลต (salicylates) ทำให้เกิดปัญหาในทารกที่ได้รับนมมารดาแต่อาจเกิดปัญหาขึ้นได้หากได้รับยาในปริมาณมาก เช่น การรักษาข้ออักเสบ (รูมาตอยด์)

เด็ก

ห้ามใช้แอสไพริน (aspirin) ในเด็กที่มีไข้หรือมีอาการอื่นของการติดเชื้อไวรัสโดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เช่น ไข้หวัดใหญ่หรืออีสุกอีใส เนื่องจากแอสไพริน (aspirin) อาจทำให้เกิดอาการที่รุนแรงซึ่งเรียกว่า Reye’s syndrome

เด็กบางรายอาจจำเป็นต้องได้รับแอสไพริน (aspirin) เป็นประจำ (เช่น สำหรับรักษาข้ออักเสบ) แพทย์อาจหยุดยานี้ขณะมีไข้หรือมีอาการอื่นๆ ของการติดเชื้อไวรัสเกิดขึ้น ดังนั้นหากเด็กมีไข้ท่านควรแจ้งบุคลากรทางการแพทย์ให้ทราบ

เด็กที่ไม่ได้ติดเชื้อไวรัสอาจมีความไวต่อผลของแอสไพริน (aspirin) โดยเฉพาะถ้าเด็กกำลังมีไข้หรือสูญเสียน้ำเป็นปริมาณมากเนื่องจากการอาเจียน ท้องเสียหรือสูญเสียเหงื่อ ทำให้มีโอกาสในการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ในระหว่างการรักษาเพิ่มขึ้น

ผู้สูงอายุ

ผู้สูงอายุมีความไวต่อฤทธิ์ของแอสไพริน(aspirin)เป็นพิเศษ อาจมีโอกาสการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ในระหว่างการรักษาเพิ่มขึ้น

ยาอื่นที่ใช้อยู่

ถึงแม้ว่ายาบางอย่างไม่ควรใช้ร่วมกัน ในบางกรณีที่จำเป็นอาจใช้ร่วมกันได้ถึงแม้ว่าอันตรกิริยาอาจเกิดขึ้นก็ตาม โดยแพทย์อาจปรับเปลี่ยนขนาดยาหรืออาจมีข้อควรระวังอื่นๆ ที่จำเป็น เมื่อท่านต้องการจะรับประทานซาลิซิเลต (salicylates) ท่านต้องแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านกำลังใช้ยาต่อไปนี้อยู่

ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulants) ยาฉีดคาร์เบนนิซิลลิน (carbenicillin by injection) เซฟาแมนโดล (cefamandole)
เซโฟเพอราโซน (cefoperazone) เซโฟทีแทน (cefotetan) ไดไพริดาโมล (dipyridamole)
ไดวาลโปรเอ็กซ์ (divalproex) เฮพาริน (heparin) เพนท็อกซิฟิลลิน (pentoxifylline)
พลิคาไมซิน (plicamycin) ไทคาร์ซิลลิน (ticarcillin) กรดวาลโพรอิก (valproic acid)
ยาเบาหวาน (antidiabetics) ซิโพรฟลอกซาซิน (ciprofloxacin) อีน็อกซาซิน (enoxacin)
อิทราโคนาโซล (itraconazole) คีโตโคนาโซล (ketoconazole) โลมีฟลอกซาซิน (lomefloxacin)
นอร์ฟลอกซาซิน (norfloxacin) โอฟลอกซาซิน (ofloxacin) เททราไซคลีน (tetracyclines)
เมโทเทรกเซต (methotrexate) แวนโคไมซิน (vancomycin) โพรเบนีซิด (probenecid)
ซัลฟินไพราโซน (sulfinpyrazone) ยาปรับความเป็นด่างของปัสสาวะ (urinary alkalizers) ยาต้านอักเสบหรือยาบรรเทาปวด ยกเว้นนาร์โคติก (inflammation or pain medicine, except narcotics)

ภาวะโรคร่วม

ปัญหาการเจ็บป่วยอื่นที่ท่านเป็นอยู่อาจส่งผลต่อการใช้แอสไพริน (aspirin) ท่านควรแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านมีภาวะเหล่านี้ร่วมด้วย

  • โลหิตจาง
  • ไทรอยด์ทำงานมากเกินไป
  • แผลในกระเพาะอาหารหรือปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร แอสไพริน (aspirin) อาจทำให้สภาวะโรคของท่านรุนแรงขึ้น
  • หอบหืด ภูมิแพ้ หรือโรคริดสีดวงจมูก หรือผู้ที่เคยมีประวัติโรคดังกล่าว
  • ผู้ที่พร่องเอนไซม์กลูโคส-6-ฟอสเฟต ดีไฮโดรจีเนส (glucose-6-phosphate dehydrogenase (G6PD) deficiency)
  • โรคไต
  • โรคตับ โอกาสในการเกิดอาการไม่พึงประสงค์จะเพิ่มขึ้น
  • โรคเก๊าท์ แอสไพริน (aspirin) อาจทำให้อาการของโรคเก๊าท์แย่ลงหรือลดผลของยาที่ใช้ในการรักษาโรคเก๊าท์
  • โรคหัวใจ โอกาสในการเกิดอาการไม่พึงประสงค์จะเพิ่มขึ้น
  • ภาวะที่เลือดไหลไม่หยุดหรือเกิดปัญหาเลือดออกอื่นๆ โอกาสของการเกิดเลือดออกจะเพิ่มขึ้นเมื่อใช้แอสไพริน (aspirin)

การใช้ที่ถูกต้อง

รับประทานยานี้พร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที (ยกเว้นยาแคปซูลหรือยาเม็ดที่ปลดปล่อยตัวยาที่ลำไส้) เพื่อลดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร

รับประทานยาพร้อมกับน้ำเต็มแก้ว (8 ออนซ์หรือประมาณ 240 มิลลิลิตร) และห้ามเอนตัวลงนอนประมาณ 15-30 นาทีหลังจากรับประทานยา เพื่อป้องกันการระคายเคืองทางเดินอาหาร

  • ห้ามใช้ยาที่มีส่วนผสมของแอสไพริน (aspirin) ที่มีกลิ่นแรงคล้ายน้ำส้มสายชู กลิ่นนี้บ่งบอกว่ายาเสื่อมสภาพ หากท่านมีข้อสงสัยใดๆควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
  • หากท่านรับประทานยาใดๆ ที่มีแอสไพริน (aspirin) เป็นส่วนผสมภายใน 7 วันก่อนทำการผ่าตัดทอนซิล, ถอนฟันหรือการผ่าตัดทางทันตกรรมอื่นๆ
  • ห้ามวางยาที่มีส่วนผสมของแอสไพริน (aspirin) บนฟันหรือเหงือกโดยตรง เนื่องจากอาจทำให้แสบร้อนได้

ถ้าท่านกำลังรับประทาน

  • ยาเม็ดแอสไพรินชนิดเคี้ยว (chewable aspirin tablets) อาจเคี้ยว, ละลายในของเหลว, หักหรือกลืนทั้งเม็ด
  • ยาเม็ดแอสไพรินชนิดควบคุมการปลดปล่อยตัวยาที่ลำไส้ [delayed-release (enteric-coated) aspirin tablets] ต้องกลืนทั้งเม็ด ห้ามบดหรือหักแบ่งก่อนรับประทาน
  • ยาเม็ดแอสไพรินชนิดออกฤทธิ์เนิ่น [extended-release (long-acting) aspirin table] ควรปรึกษาเภสัชกรว่าควรรับประทานอย่างไร บางชนิดอาจหักแบ่งได้ (แต่ห้ามบด) ก่อนกลืน หากท่านไม่สามารถกลืนทั้งหมดได้ ส่วนรูปแบบอื่นไม่ควรหักแบ่งหรือต้องกลืนทั้งเม็ด

ขนาดยา

ขนาดของยานี้อาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ หรือ เภสัชกร หรือ ตามที่ระบุไว้บนฉลากยา

จำนวนของแคปซูลหรือยาเม็ดหรือจำนวนช้อนชาของยาที่รับประทานขึ้นอยู่กับความแรงของยาจำนวนของยาแคปซูลที่ท่านรับประทานขึ้นอยู่กับความแรงของยา จำนวนครั้งของการใช้ยาในแต่ละวัน, ระยะห่างของการรับประทานยาในแต่ละครั้งและระยะเวลาที่ท่านใช้ยาขึ้นอยู่ว่าท่านกำลังรับประทานยานี้ในรูปแบบออกฤทธิ์นานหรือรูปแบบออกฤทธิ์สั้นและกับสภาวะของท่านที่ท่านต้องใช้แอสไพริน (aspirin)

เมื่อลืมใช้ยา

หากท่านลืมรับประทานยาให้รีบรับประทานทันทีที่นึกได้ ถ้าใกล้ถึงมื้อต่อไปให้ข้ามมื้อที่ลืมและรับประทานยาต่อในมื้อถัดไปในขนาดยาปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า

การเก็บรักษา

  • เก็บให้พ้นมือเด็ก การได้รับยาเกินขนาดเป็นอันตรายมากสำหรับเด็ก
  • เก็บให้ห่างจากความร้อนและหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
  • ห้ามเก็บยาแคปซูลหรือยาเม็ดไว้ในห้องน้ำ ใกล้อ่างล้างมือหรือที่ชื้น เนื่องจากความร้อนหรือความชื้นอาจเป็นสาเหตุให้ยาเสื่อมคุณภาพ
  • ห้ามเก็บยารูปแบบของเหลวในช่องแช่แข็ง
  • ทิ้งยาเมื่อยาหมดอายุ

ข้อควรระวัง

โปรดตรวจสอบฉลากยาที่ท่านกำลังรับประทาน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรหากพบว่ามีแอสไพริน (aspirin) เป็นส่วนประกอบรวมถึงอนุพันธ์ของซาลิซิเลต (salicylates) [รวมถึงบิสมัทซับซาลิซิเลต (bismuth subsalicylate) หรือแชมพูใดๆ หรือยาสำหรับผิวหนังที่มีส่วนผสมของกรดซาลิซิลิก (salicylic acid)] การรับประทานหรือใช้ร่วมกับยานี้อาจทำให้ได้รับยาเกินขนาด

หากท่านจะใช้ยานี้เป็นเวลานาน (เช่น ใช้มากกว่า 5 วันในเด็กหรือใช้มากกว่า 10 วันในผู้ใหญ่) หรือใช้ในปริมาณมาก ควรกลับไปปรึกษาแพทย์

กลับไปพบแพทย์หรือทันตแพทย์

  • หากท่านกำลังรับประทานยานี้เพื่อบรรเทาปวดหรือยังคงมีอาการปวดมากกว่า 10 วัน (5 วันสำหรับเด็ก) หรือถ้าอาการปวดไม่ดีขึ้น , มีอาการใหม่เกิดขึ้นหรือมีอาการแดงหรือบวม สิ่งเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกสภาวะที่รุนแรงซึ่งจำเป็นต้องพบแพทย์
  • หากท่านกำลังรับประทานยานี้เพื่อลดไข้และยังคงมีไข้มากกว่า 3 วัน หรือถ้าอาการปวดไม่ดีขึ้น มีอาการใหม่เกิดขึ้นหรือมีการแดงหรือบวม สิ่งเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกสภาวะที่รุนแรงซึ่งจำเป็นต้องพบแพทย์
  • หากท่านกำลังรับประทานยานี้สำหรับรักษาอาการเจ็บคอและอาการเจ็บคอยังคงปวดมาก ยังคงมีอาการมากกว่า 2 วันหรือเกิดขึ้นร่วมกับอาการไข้, ปวดศีรษะ, ผื่นคัน คลื่นไส้หรืออาเจียน
  • หากท่านกำลังรับประทานยานี้สำหรับรักษาข้ออักเสบ (รูมาตอยด์) ตามปกติและท่านสังเกตว่ามีเสียงในหูหรือรุนแรงหรือปวดศีรษะติดต่อกัน อาการเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณแรกในการเตือนว่าท่านรับประทานซาลิซิเลต (salicylates) มากเกินไป แพทย์อาจต้องปรับเปลี่ยนขนาดยาที่ท่านรับประทาน

สำหรับผู้ป่วยที่รับประทานแอสไพริน (aspirin) เพื่อลดโอกาสการเกิดหัวใจกำเริบ, เส้นเลือดในสมองตีบหรือป้องกันการแข็งตัวของเลือด

  • รับประทานแอสไพริน (aspirin) ตามจำนวนที่แพทย์สั่งเท่านั้น หากท่านจำเป็นต้องใช้ยานี้เพื่อบรรเทาอาการปวด ลดไข้หรือข้ออักเสบ ควรกลับไปพบแพทย์ เพื่อป้องกันการได้รับยาในขนาดที่มากเกินไป
  • ห้ามหยุดรับประทานยานี้เองหากแพทย์ไม่ได้สั่ง

การรับประทานแอสไพริน (aspirin) ร่วมกับยาอื่นอาจทำให้โอกาสในการเกิดอาการไม่พึงประสงค์เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงขึ้นอยู่กับจำนวนของยาที่ท่านรับประทานในทุกๆ วันและระยะเวลาที่ได้รับยาร่วมกัน หากแพทย์หรือทันตแพทย์ให้รับประทานยาเหล่านี้ร่วมกัน โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ห้ามรับประทานยาต่อไปนี้ร่วมกับแอสไพริน (aspirin) เป็นเวลามากกว่า 2-3 วันยกเว้นแพทย์สั่ง

ไดโคลฟีแนก (diclofenac) ไดฟลูนิซัล (diflunisal) อีโตโดแลค (etodolac)
ฟีโนโพรเฟน (fenoprofen) ฟลอคตาฟินีน (floctafenine) เฟลอบิโพรเฟน (flurbiprofen)
ไอบิวโพรเฟน (ibuprofen) อินโดเมทาซิน (indomethacin) คีโทโพรเฟน (ketoprofen)
มีโคลฟีนาเมท (meclofenamate) กรดมีฟีนามิค (mefenamic acid) เมทิลซาลิซิเลต (methyl salicylate)
นาบูมีโทน (nabumetone) นาพรอกเซน (naproxen) อ็อกซาโปรซิน (oxaprozin)
อ็อกซี่เฟนบิวทาโซน (oxyphenbutazone) ฟีนิลบิวทาโซน (phenylbutazone) เพียร็อกซิแคม (piroxicam)
ซูลินแดค (sulindac) คีโตโรแลค (ketorolac) เทน็อกซิแคม (tenoxicam)
กรดเทียโพรฟีนิก (tiaprofenic acid) โทลมีติน (tolmetin) พาราเซตามอล (paracetamol)

สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

หากท่านรับประทานแอสไพริน (aspirin) ในปริมาณสูงเป็นประจำอาจทำให้ผลการทดสอบน้ำตาลในปัสสาวะเป็นผลลบ

ขนาดยาที่น้อยกว่าหรือการใช้เป็นครั้งคราวมักไม่มีผลกับผลการตรวจน้ำตาลในปัสสาวะ หากท่านมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร (โดยเฉพาะหากท่านควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี) ถ้า

  • ท่านไม่แน่ใจว่าท่านรับประทานแอสไพริน (aspirin) จำนวนเท่าไร
  • ท่านสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ ในผลการทดสอบน้ำตาลในปัสสาวะของท่าน
  • ท่านมีข้อสงสัยอื่นๆ เกี่ยวกับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

ห้ามรับประทานยาที่มีแอสไพริน (aspirin) ภายใน 5 วันก่อนทำการผ่าตัดใดๆ รวมถึงการผ่าตัดทางทันตกรรม ถ้าแพทย์หรือทันตแพทย์ไม่ได้สั่ง การใช้แอสไพริน (aspirin) ในช่วงนี้อาจทำให้เกิดปัญหาเลือดออก

อาการไม่พึงประสงค์

ยาอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์บางอย่างที่ไม่ต้องการ ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดกับผู้ใช้ยาทุกราย แต่หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้นควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม

ก. ควรได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ถ้ามีอาการของการได้รับยาเกินขนาดต่อไปนี้เกิดขึ้น

  • สูญเสียการได้ยิน
  • ปัสสาวะมีเลือดปน
  • สับสน, ชัก, ประสาทหลอน (เห็นภาพหลอน, หูแว่วหรือคิดไปเองในสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง),
  • ท้องร่วง (รุนแรงหรือเกิดขึ้นติดต่อเป็นเวลานาน), กลืนลำบาก, ปวดท้อง (รุนแรงหรือเกิดขึ้นติดต่อเป็นเวลานาน)
  • เวียนศีรษะ, อ่อนเพลียหรือรู้สึกคล้ายจะเป็นลม (รุนแรง), ง่วงซึม (รุนแรง), กระสับกระส่ายหรือกระวนกระวาย (รุนแรง), หายใจเร็วหรือลึก, หน้าแดง, ตัวแดงหรือผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีอื่น, เหงื่อออกมาก, หายใจสั้นและหายใจผิดปกติ, แน่นหน้าอก, หายใจมีเสียงหวีด, เปลือกตาบวม หน้าบวม หรือริมฝีปากบวม
  • มีไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ, ไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของมือได้ (โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ), มีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น

ข. อาการของการได้รับยาเกินขนาดในเด็ก

  • พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง, ง่วงซึมหรืออ่อนเพลีย (รุนแรง), หายใจเร็วและลึก

ค. ควรพบแพทย์ให้เร็วที่สุด ถ้ามีอาการไม่พึงประสงค์ต่อไปนี้เกิดขึ้น

พบน้อยหรือพบน้อยมาก

  • ปวดเกร็งหน้าท้อง, ปวดแสบปวดร้อน (รุนแรง)
  • อุจจาระมีเลือดปนหรือมีสีดำเหมือนน้ำมันดิน (ทาร์)
  • ปวดศีรษะ (รุนแรงหรือเกิดขึ้นติดต่อเป็นเวลานาน), ได้ยินเสียงในหู (เกิดขึ้นติดต่อเป็นเวลานาน)
  • ผื่นคัน, ผื่นลมพิษหรือคัน
  • อ่อนเพลียผิดปกติ, อาเจียนเป็นเลือดหรือมีลักษณะคล้ายสีกาแฟ

ง.อาการไม่พึงประสงค์อื่นๆ อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา อาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้จะหายไปในระหว่างการรักษาเนื่องจากร่างกายจะปรับตัวเข้ากับยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถ้าอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้เกิดขึ้นติดต่อกันนานหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของท่าน

พบบ่อย

  • ปวดเกร็งหรือรู้สึกไม่สบายท้อง (ไม่รุนแรงถึงปานกลาง), ปวดแสบปวดร้อนหน้าอกหรืออาหารไม่ย่อย, คลื่นไส้หรืออาเจียน

พบน้อย

  • มีปัญหาเกี่ยวกับการนอน, กระสับกระส่าย

จ. อาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยบางราย หากท่านสังเกตเห็นอาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

กลุ่มยา

ยานี้จัดอยู่ในกลุ่มยาต่อไปนี้

ยาที่เกี่ยวข้อง

ยานี้เกี่ยวข้องกับยาต่อไปนี้

Celecoxib, Diclofenac, Diflunisal, Flurbiprofen, Ibuprofen, Indomethacin, Ketoprofen, Mefenamic acid, Meloxicam, Nabumetone, Naproxen, Nimesulide, Phenylbutazone, Piroxicam, Sodium salicylate, Sulindac, Tenoxicam, Bismuth subsalicylate

ชื่อทางการค้า

ยานี้มีชื่อทางการค้าต่อไปนี้

A.S.A. cap, A.S.A-500 tab, Arpisine tab, Asatab 60 (อาซ่าแทป 60), Ascot (แอสคอท), Aspaco 300 (แอสปาโค 300), Aspent, Aspent-M, Aspilets chewable tablets (แอสพิเลทส์), Aspipac (แอสไพแพค), Aspirin Baby (แอสไพริน เบบี้), Aspirin BD tab, Aspirin SSP tab, Aspirine, Asrina (แอสรินา), B-Aspirin (บี-แอสไพริน), Bayer Aspirin tab, Buntaopoad-Bura tablet, Empirin tab, Entrarin enteric-coated tablets (เอนทราริน เอนเทอริคโค๊ต ชนิดเม็ด), Pirin (film enteric coated) (ไพริน), S.P. tab, Seferin-5/Seferin-10 enteric-coated tab, V-AS enteric-coated tab

ข้อมูลนี้ไม่สมบูรณ์ ยานี้อาจจะยังมีชื่อทางการค้าอื่นที่ไม่ได้แสดงในนี้ หรือชื่อทางการค้าที่แสดงในนี้อาจจะไม่อนุญาตให้จำหน่ายแล้ว

แหล่งอ้างอิง

  1. Micromedex Thomson Healthcare. Advice for the Patient Drug Information in Lay Language USP DI, volume ll. 25th ed. Massachusetts: Micromedex Thomson Healthcare, 2005: 1469-76.
  2. Klasco RK (Ed): DRUGDEX® System (electronic version). Thomson Micromedex, Greenwood Village, Colorado, USA. Available at: http://www.thomsonhc.com (cited: Oct 8, 2009).
  3. Sunthornraj N, Fun LF, Evangelista LF, Labandilo LD, Romano MB, Afable JO, et al. MIMs Thailand. 106th ed. Bangkok: MediMedia (Thailand); 2007.

นรวร เจนณรงค์ , หทัยรัตน์ คังคะสุวรรณ
โพยม วงศ์ภูวรักษ์
24 สิงหาคม 2552 10 ตุลาคม 2553
เพื่อนแนะนำ : เงินด่วน 30 นาทีถูกกฎหมาย, เราชนะรอบ 4, ยืมเงิน 3000 ด่วน, แอพผ่อนของ, กู้เงิน, สมัครบัตรเครดิต, สินเชื่อไม่เช็ค บูโรถูกกฎหมาย