แอสไพริน (aspirin) เป็นซาลิซิเลต (salicylates) ใช้สำหรับบรรเทาอาการปวดและลดไข้ ส่วนใหญ่ใช้เพื่อบรรเทาอาการบางอาการที่เกิดเนื่องจากข้ออักเสบ (รูมาตอยด์) เช่น บวม ข้อแข็งและปวดข้อ อย่างไรก็ตามยานี้ไม่ได้ใช้รักษาข้ออักเสบแต่จะช่วยบรรเทาอาการให้ดีขึ้น
แอสไพริน (aspirin) อาจใช้เพื่อลดโอกาสการเกิดหัวใจกำเริบ (heart attack) เส้นเลือดในสมองแตก (stroke) หรือป้องกันการแข็งตัวของเลือด อย่างไรก็ตามฤทธิ์ดังกล่าวของแอสไพริน (aspirin) อาจเพิ่มโอกาสการเกิดเลือดออกรุนแรงในผู้ป่วยบางราย ดังนั้นควรใช้แอสไพริน (aspirin) สำหรับอาการดังกล่าวตามแพทย์สั่งเท่านั้น ห้ามใช้แอสไพริน (aspirin) ในการป้องกันการแข็งตัวของเลือดหรือหัวใจกำเริบเองถ้าแพทย์ไม่ได้สั่ง
แอสไพริน (aspirin) อาจใช้ในกรณีอื่นตามแพทย์สั่ง
แอสไพริน (aspirin) บางตัวสามารถจำหน่ายได้ตามใบสั่งยาของแพทย์หรือใบสั่งยาของทันตแพทย์เท่านั้น ส่วนรูปแบบอื่นๆ อาจจำหน่ายได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งยาของแพทย์ แพทย์หรือทันตแพทย์อาจมีคำแนะนำพิเศษที่เหมาะสมในการใช้ขนาดยานี้สำหรับท่าน
โปรดแจ้งแพทย์หากท่านเคยมีอาการผิดปกติใดๆ หรือมีประวัติการแพ้ยาแอสไพริน (aspirin) หรืออนุพันธ์ของซาลิซิเลต (salicylates) รวมถึงเมทิลซาลิซิเลต (methyl salicylats) หรือ ส่วนประกอบใด ๆ ในยานี้ หรือยาดังต่อไปนี้
ไดโคลฟีแนก (diclofenac) | ไดฟลูนิซัล (diflunisal) | อีโตโดแลค (etodolac) |
ฟีโนโพรเฟน (fenoprofen) | ฟลอคตาฟินีน (floctafenine) | เฟลอบิโพรเฟน (flurbiprofen) |
ไอบิวโพรเฟน (ibuprofen) | อินโดเมทาซิน (indomethacin) | คีโทโพรเฟน (ketoprofen) |
มีโคลฟีนาเมท (meclofenamate) | กรดมีฟีนามิค (mefenamic acid) | เมทิลซาลิซิเลต (methyl salicylate) |
นาบูมีโทน (nabumetone) | นาพรอกเซน (naproxen) | อ็อกซาโปรซิน (oxaprozin) |
อ็อกซี่เฟนบิวทาโซน (oxyphenbutazone) | ฟีนิลบิวทาโซน (phenylbutazone) | เพียร็อกซิแคม (piroxicam) |
ซูลินแดค (sulindac) | ซูโพรเฟน (suprofen) | เทน็อกซิแคม (tenoxicam) |
กรดเทียโพรฟีนิก (tiaprofenic acid) | โทลมีติน (tolmetin) | โซมีพิแรค (zolmepirac) |
รวมทั้งการมีประวัติเคยแพ้สารอื่นๆ เช่น อาหาร สารกันเสียหรือสี เป็นต้น
โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์ให้ทราบหากท่านกำลังได้รับคำแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีโซเดียมต่ำ (low-salt)
รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'C' สำหรับสตรีมีครรภ์
จากการศึกษาในสัตว์พบว่ายาทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์ แต่ไม่มีรายงานการศึกษาที่ควบคุมอย่างดีในมนุษย์ หรือ ไม่มีรายงานการศึกษาในมนุษย์และสัตว์ถึงผลของยาต่อตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์ ดังนั้น ควรใช้ยานี้เมื่อมีการประเมินแล้วว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์
ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ เว้นแต่แพทย์พิจารณาแล้วว่าจำเป็นต้องใช้ เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาผลการเกิดทารกวิรูปจากการใช้ซาลิซิเลต (salicylates) ในมนุษย์ แต่มีการศึกษาผลการเกิดทารกวิรูปจากการใช้แอสไพริน (aspirin) ในสัตว์ทดลอง พบว่าซาลิซิเลต (salicylates) ทำให้เกิดทารกวิรูปได้ในสัตว์ทดลอง
มีบางรายงานแนะนำว่าการใช้แอสไพริน (aspirin) ที่มากเกินไปในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์อาจทำให้น้ำหนักของทารกลดลงและอาจทำให้ตัวอ่อนหรือทารกถึงแก่ชีวิต มารดาในรายงานดังกล่าวรับประทานแอสไพริน (aspirin) เป็นจำนวนมากกว่าขนาดที่ให้ผลการรักษา การศึกษาในมารดาที่รับประทานแอสไพริน (aspirin) ในขนาดที่ให้ผลการรักษาพบว่าไม่เกิดอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้ การใช้แอสไพริน (aspirin) ในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์อาจทำให้โอกาสการเกิดอาการไม่พึงประสงค์เกี่ยวกับหัวใจและเลือดที่ไปเลี้ยงตัวอ่อนหรือทารกเพิ่มขึ้น
รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'C' สำหรับสตรีมีครรภ์
จากการศึกษาในสัตว์พบว่ายาทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์ แต่ไม่มีรายงานการศึกษาที่ควบคุมอย่างดีในมนุษย์ หรือ ไม่มีรายงานการศึกษาในมนุษย์และสัตว์ถึงผลของยาต่อตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์ ดังนั้น ควรใช้ยานี้เมื่อมีการประเมินแล้วว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์
ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ เว้นแต่แพทย์พิจารณาแล้วว่าจำเป็นต้องใช้ เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาผลการเกิดทารกวิรูปจากการใช้ซาลิซิเลต (salicylates) ในมนุษย์ แต่มีการศึกษาผลการเกิดทารกวิรูปจากการใช้แอสไพริน (aspirin) ในสัตว์ทดลอง พบว่าซาลิซิเลต (salicylates) ทำให้เกิดทารกวิรูปได้ในสัตว์ทดลอง
มีบางรายงานแนะนำว่าการใช้แอสไพริน (aspirin) ที่มากเกินไปในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์อาจทำให้น้ำหนักของทารกลดลงและอาจทำให้ตัวอ่อนหรือทารกถึงแก่ชีวิต มารดาในรายงานดังกล่าวรับประทานแอสไพริน (aspirin) เป็นจำนวนมากกว่าขนาดที่ให้ผลการรักษา การศึกษาในมารดาที่รับประทานแอสไพริน (aspirin) ในขนาดที่ให้ผลการรักษาพบว่าไม่เกิดอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้ การใช้แอสไพริน (aspirin) ในช่วงท้ายของการตั้งครรภ์อาจทำให้โอกาสการเกิดอาการไม่พึงประสงค์เกี่ยวกับหัวใจและเลือดที่ไปเลี้ยงตัวอ่อนหรือทารกเพิ่มขึ้น
รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'D' สำหรับสตรีมีครรภ์
ยามีความเสี่ยงในการก่อให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์ อย่างไรก็ตาม อาจใช้ยานี้ได้ หากพิจารณาแล้วว่าประโยชน์จากการใช้ยามีมากกว่าความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ ดังนั้นการพิจารณาใช้ยาให้อยู่ในดุลยพินิจของแพทย์
การใช้แอสไพริน (aspirin) ในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดปัญหาเลือดออกในตัวอ่อนก่อนหรือระหว่างการคลอดหรือในทารกแรกเกิด การใช้แอสไพริน (aspirin) ในไตรมาส 3 ของการตั้งครรภ์ (3 เดือนสุดท้าย) อาจทำให้ระยะเวลาของการคลอดนานขึ้นอันเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาในระหว่างการคลอดหรือหลังการคลอด ดังนั้นห้ามใช้แอสไพริน (aspirin) ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ยกเว้นแพทย์สั่ง
แอสไพริน (aspirin) สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนม ถึงแม้ยังไม่มีรายงานว่าซาลิซิเลต (salicylates) ทำให้เกิดปัญหาในทารกที่ได้รับนมมารดาแต่อาจเกิดปัญหาขึ้นได้หากได้รับยาในปริมาณมาก เช่น การรักษาข้ออักเสบ (รูมาตอยด์)
ห้ามใช้แอสไพริน (aspirin) ในเด็กที่มีไข้หรือมีอาการอื่นของการติดเชื้อไวรัสโดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เช่น ไข้หวัดใหญ่หรืออีสุกอีใส เนื่องจากแอสไพริน (aspirin) อาจทำให้เกิดอาการที่รุนแรงซึ่งเรียกว่า Reye’s syndrome
เด็กบางรายอาจจำเป็นต้องได้รับแอสไพริน (aspirin) เป็นประจำ (เช่น สำหรับรักษาข้ออักเสบ) แพทย์อาจหยุดยานี้ขณะมีไข้หรือมีอาการอื่นๆ ของการติดเชื้อไวรัสเกิดขึ้น ดังนั้นหากเด็กมีไข้ท่านควรแจ้งบุคลากรทางการแพทย์ให้ทราบ
เด็กที่ไม่ได้ติดเชื้อไวรัสอาจมีความไวต่อผลของแอสไพริน (aspirin) โดยเฉพาะถ้าเด็กกำลังมีไข้หรือสูญเสียน้ำเป็นปริมาณมากเนื่องจากการอาเจียน ท้องเสียหรือสูญเสียเหงื่อ ทำให้มีโอกาสในการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ในระหว่างการรักษาเพิ่มขึ้น
ผู้สูงอายุมีความไวต่อฤทธิ์ของแอสไพริน(aspirin)เป็นพิเศษ อาจมีโอกาสการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ในระหว่างการรักษาเพิ่มขึ้น
ถึงแม้ว่ายาบางอย่างไม่ควรใช้ร่วมกัน ในบางกรณีที่จำเป็นอาจใช้ร่วมกันได้ถึงแม้ว่าอันตรกิริยาอาจเกิดขึ้นก็ตาม โดยแพทย์อาจปรับเปลี่ยนขนาดยาหรืออาจมีข้อควรระวังอื่นๆ ที่จำเป็น เมื่อท่านต้องการจะรับประทานซาลิซิเลต (salicylates) ท่านต้องแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านกำลังใช้ยาต่อไปนี้อยู่
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulants) | ยาฉีดคาร์เบนนิซิลลิน (carbenicillin by injection) | เซฟาแมนโดล (cefamandole) |
เซโฟเพอราโซน (cefoperazone) | เซโฟทีแทน (cefotetan) | ไดไพริดาโมล (dipyridamole) |
ไดวาลโปรเอ็กซ์ (divalproex) | เฮพาริน (heparin) | เพนท็อกซิฟิลลิน (pentoxifylline) |
พลิคาไมซิน (plicamycin) | ไทคาร์ซิลลิน (ticarcillin) | กรดวาลโพรอิก (valproic acid) |
ยาเบาหวาน (antidiabetics) | ซิโพรฟลอกซาซิน (ciprofloxacin) | อีน็อกซาซิน (enoxacin) |
อิทราโคนาโซล (itraconazole) | คีโตโคนาโซล (ketoconazole) | โลมีฟลอกซาซิน (lomefloxacin) |
นอร์ฟลอกซาซิน (norfloxacin) | โอฟลอกซาซิน (ofloxacin) | เททราไซคลีน (tetracyclines) |
เมโทเทรกเซต (methotrexate) | แวนโคไมซิน (vancomycin) | โพรเบนีซิด (probenecid) |
ซัลฟินไพราโซน (sulfinpyrazone) | ยาปรับความเป็นด่างของปัสสาวะ (urinary alkalizers) | ยาต้านอักเสบหรือยาบรรเทาปวด ยกเว้นนาร์โคติก (inflammation or pain medicine, except narcotics) |
ปัญหาการเจ็บป่วยอื่นที่ท่านเป็นอยู่อาจส่งผลต่อการใช้แอสไพริน (aspirin) ท่านควรแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านมีภาวะเหล่านี้ร่วมด้วย
รับประทานยานี้พร้อมอาหารหรือหลังอาหารทันที (ยกเว้นยาแคปซูลหรือยาเม็ดที่ปลดปล่อยตัวยาที่ลำไส้) เพื่อลดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร
รับประทานยาพร้อมกับน้ำเต็มแก้ว (8 ออนซ์หรือประมาณ 240 มิลลิลิตร) และห้ามเอนตัวลงนอนประมาณ 15-30 นาทีหลังจากรับประทานยา เพื่อป้องกันการระคายเคืองทางเดินอาหาร
ถ้าท่านกำลังรับประทาน
ขนาดของยานี้อาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ หรือ เภสัชกร หรือ ตามที่ระบุไว้บนฉลากยา
จำนวนของแคปซูลหรือยาเม็ดหรือจำนวนช้อนชาของยาที่รับประทานขึ้นอยู่กับความแรงของยาจำนวนของยาแคปซูลที่ท่านรับประทานขึ้นอยู่กับความแรงของยา จำนวนครั้งของการใช้ยาในแต่ละวัน, ระยะห่างของการรับประทานยาในแต่ละครั้งและระยะเวลาที่ท่านใช้ยาขึ้นอยู่ว่าท่านกำลังรับประทานยานี้ในรูปแบบออกฤทธิ์นานหรือรูปแบบออกฤทธิ์สั้นและกับสภาวะของท่านที่ท่านต้องใช้แอสไพริน (aspirin)
หากท่านลืมรับประทานยาให้รีบรับประทานทันทีที่นึกได้ ถ้าใกล้ถึงมื้อต่อไปให้ข้ามมื้อที่ลืมและรับประทานยาต่อในมื้อถัดไปในขนาดยาปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
โปรดตรวจสอบฉลากยาที่ท่านกำลังรับประทาน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรหากพบว่ามีแอสไพริน (aspirin) เป็นส่วนประกอบรวมถึงอนุพันธ์ของซาลิซิเลต (salicylates) [รวมถึงบิสมัทซับซาลิซิเลต (bismuth subsalicylate) หรือแชมพูใดๆ หรือยาสำหรับผิวหนังที่มีส่วนผสมของกรดซาลิซิลิก (salicylic acid)] การรับประทานหรือใช้ร่วมกับยานี้อาจทำให้ได้รับยาเกินขนาด
หากท่านจะใช้ยานี้เป็นเวลานาน (เช่น ใช้มากกว่า 5 วันในเด็กหรือใช้มากกว่า 10 วันในผู้ใหญ่) หรือใช้ในปริมาณมาก ควรกลับไปปรึกษาแพทย์
กลับไปพบแพทย์หรือทันตแพทย์
สำหรับผู้ป่วยที่รับประทานแอสไพริน (aspirin) เพื่อลดโอกาสการเกิดหัวใจกำเริบ, เส้นเลือดในสมองตีบหรือป้องกันการแข็งตัวของเลือด
การรับประทานแอสไพริน (aspirin) ร่วมกับยาอื่นอาจทำให้โอกาสในการเกิดอาการไม่พึงประสงค์เพิ่มขึ้น ความเสี่ยงขึ้นอยู่กับจำนวนของยาที่ท่านรับประทานในทุกๆ วันและระยะเวลาที่ได้รับยาร่วมกัน หากแพทย์หรือทันตแพทย์ให้รับประทานยาเหล่านี้ร่วมกัน โปรดปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ห้ามรับประทานยาต่อไปนี้ร่วมกับแอสไพริน (aspirin) เป็นเวลามากกว่า 2-3 วันยกเว้นแพทย์สั่ง
ไดโคลฟีแนก (diclofenac) | ไดฟลูนิซัล (diflunisal) | อีโตโดแลค (etodolac) |
ฟีโนโพรเฟน (fenoprofen) | ฟลอคตาฟินีน (floctafenine) | เฟลอบิโพรเฟน (flurbiprofen) |
ไอบิวโพรเฟน (ibuprofen) | อินโดเมทาซิน (indomethacin) | คีโทโพรเฟน (ketoprofen) |
มีโคลฟีนาเมท (meclofenamate) | กรดมีฟีนามิค (mefenamic acid) | เมทิลซาลิซิเลต (methyl salicylate) |
นาบูมีโทน (nabumetone) | นาพรอกเซน (naproxen) | อ็อกซาโปรซิน (oxaprozin) |
อ็อกซี่เฟนบิวทาโซน (oxyphenbutazone) | ฟีนิลบิวทาโซน (phenylbutazone) | เพียร็อกซิแคม (piroxicam) |
ซูลินแดค (sulindac) | คีโตโรแลค (ketorolac) | เทน็อกซิแคม (tenoxicam) |
กรดเทียโพรฟีนิก (tiaprofenic acid) | โทลมีติน (tolmetin) | พาราเซตามอล (paracetamol) |
สำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
หากท่านรับประทานแอสไพริน (aspirin) ในปริมาณสูงเป็นประจำอาจทำให้ผลการทดสอบน้ำตาลในปัสสาวะเป็นผลลบ
ขนาดยาที่น้อยกว่าหรือการใช้เป็นครั้งคราวมักไม่มีผลกับผลการตรวจน้ำตาลในปัสสาวะ หากท่านมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร (โดยเฉพาะหากท่านควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดี) ถ้า
ห้ามรับประทานยาที่มีแอสไพริน (aspirin) ภายใน 5 วันก่อนทำการผ่าตัดใดๆ รวมถึงการผ่าตัดทางทันตกรรม ถ้าแพทย์หรือทันตแพทย์ไม่ได้สั่ง การใช้แอสไพริน (aspirin) ในช่วงนี้อาจทำให้เกิดปัญหาเลือดออก
ยาอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์บางอย่างที่ไม่ต้องการ ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดกับผู้ใช้ยาทุกราย แต่หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้นควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม
ก. ควรได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ถ้ามีอาการของการได้รับยาเกินขนาดต่อไปนี้เกิดขึ้น
ข. อาการของการได้รับยาเกินขนาดในเด็ก
ค. ควรพบแพทย์ให้เร็วที่สุด ถ้ามีอาการไม่พึงประสงค์ต่อไปนี้เกิดขึ้น
พบน้อยหรือพบน้อยมาก
ง.อาการไม่พึงประสงค์อื่นๆ อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา อาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้จะหายไปในระหว่างการรักษาเนื่องจากร่างกายจะปรับตัวเข้ากับยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถ้าอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้เกิดขึ้นติดต่อกันนานหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของท่าน
พบบ่อย
พบน้อย
จ. อาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยบางราย หากท่านสังเกตเห็นอาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ยานี้จัดอยู่ในกลุ่มยาต่อไปนี้
ยานี้เกี่ยวข้องกับยาต่อไปนี้
Celecoxib, Diclofenac, Diflunisal, Flurbiprofen, Ibuprofen, Indomethacin, Ketoprofen, Mefenamic acid, Meloxicam, Nabumetone, Naproxen, Nimesulide, Phenylbutazone, Piroxicam, Sodium salicylate, Sulindac, Tenoxicam, Bismuth subsalicylate
ยานี้มีชื่อทางการค้าต่อไปนี้
A.S.A. cap, A.S.A-500 tab, Arpisine tab, Asatab 60 (อาซ่าแทป 60), Ascot (แอสคอท), Aspaco 300 (แอสปาโค 300), Aspent, Aspent-M, Aspilets chewable tablets (แอสพิเลทส์), Aspipac (แอสไพแพค), Aspirin Baby (แอสไพริน เบบี้), Aspirin BD tab, Aspirin SSP tab, Aspirine, Asrina (แอสรินา), B-Aspirin (บี-แอสไพริน), Bayer Aspirin tab, Buntaopoad-Bura tablet, Empirin tab, Entrarin enteric-coated tablets (เอนทราริน เอนเทอริคโค๊ต ชนิดเม็ด), Pirin (film enteric coated) (ไพริน), S.P. tab, Seferin-5/Seferin-10 enteric-coated tab, V-AS enteric-coated tab
ข้อมูลนี้ไม่สมบูรณ์ ยานี้อาจจะยังมีชื่อทางการค้าอื่นที่ไม่ได้แสดงในนี้ หรือชื่อทางการค้าที่แสดงในนี้อาจจะไม่อนุญาตให้จำหน่ายแล้ว