คีโทโพรเฟน (ketoprofen) เป็นยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์หรือเรียกว่า NSAIDs (เอ็น-เสด) ใช้ในการบรรเทาอาการบางอาการที่มีสาเหตุมาจากข้ออักเสบ (ข้ออักเสบรูมาตอยด์) การอักเสบ บวม ตึง และเจ็บข้อ อย่างไรก็ตามยานี้ไม่ได้ใช้รักษาข้ออักเสบเพียงแค่ช่วยบรรเทาอาการของท่านให้ดีขึ้นเท่านั้น
ยานี้ใช้ในการบรรเทาอาการปวดของสภาวะต่างๆ เช่น
อาการไม่พึงประสงค์บางอย่างทำให้เกิดความเจ็บปวดหรือไม่สบายตัวหรืออาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลและอาจทำให้เสียชีวิตได้ หากท่านจะใช้ยานี้นานกว่า 1-2 เดือน หรือใช้ในปริมาณมากๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อจะได้ทราบถึงการปฏิบัติตัวที่สามารถช่วยลดความเสี่ยงนั้นได้
โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านเคยมีอาการผิดปกติใดๆ หรือมีประวัติการแพ้ยาคีโทโพรเฟน (ketoprofen) หรือ กลุ่มยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ตัวอื่น หรือ ส่วนประกอบใด ๆ ในยานี้ หรือ ยาต่อไปนี้ รวมทั้งการมีประวัติเคยแพ้สารอื่นๆ เช่น อาหาร สารกันเสียหรือสี เป็นต้น
โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านกำลังได้รับคำแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีโซเดียมต่ำ (low-salt) หรือน้ำตาลต่ำ เนื่องจากยาบางประเภทอาจมีส่วนประกอบของโซเดียมและน้ำตาล
รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'B' สำหรับสตรีมีครรภ์
จากการศึกษาในสัตว์พบว่ายาไม่มีความเสี่ยงในการทำให้เกิดความผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์ แต่ไม่มีรายงานการศึกษาในมนุษย์ หรือ จากการศึกษาในสัตว์พบว่ายามีความเสี่ยงในการทำให้เกิดความผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์ แต่ไม่พบผลดังกล่าวจากการศึกษาในมนุษย์ ดังนั้น ยาที่จัดอยู่ในประเภทนี้สามารถใช้ในสตรีมีครรภ์ได้ค่อนข้างปลอดภัย
รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'B' สำหรับสตรีมีครรภ์
จากการศึกษาในสัตว์พบว่ายาไม่มีความเสี่ยงในการทำให้เกิดความผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์ แต่ไม่มีรายงานการศึกษาในมนุษย์ หรือ จากการศึกษาในสัตว์พบว่ายามีความเสี่ยงในการทำให้เกิดความผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์ แต่ไม่พบผลดังกล่าวจากการศึกษาในมนุษย์ ดังนั้น ยาที่จัดอยู่ในประเภทนี้สามารถใช้ในสตรีมีครรภ์ได้ค่อนข้างปลอดภัย
รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'D' สำหรับสตรีมีครรภ์
ยามีความเสี่ยงในการก่อให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์ อย่างไรก็ตาม อาจใช้ยานี้ได้ หากพิจารณาแล้วว่าประโยชน์จากการใช้ยามีมากกว่าความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ ดังนั้นการพิจารณาใช้ยาให้อยู่ในดุลยพินิจของแพทย์
ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ เว้นแต่แพทย์พิจารณาแล้วว่าจำเป็นต้องใช้โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนคลอดเพราะยังไม่มีการศึกษาการใช้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ในสตรีมีครรภ์ อย่างไรก็ตามอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์เกี่ยวกับหัวใจหรือความดันโลหิตของตัวอ่อนในครรภ์หรือทารกแรกคลอดได้หากรับประทานยาเหล่านี้เป็นประจำใน 2-3 เดือนสุดท้ายของการมีครรภ์
การศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่า หากรับประทานยาเหล่านี้ใน 2-3 เดือนสุดท้ายของการมีครรภ์ อาจทำให้การมีครรภ์นานขึ้น, ระยะเวลาของการคลอดนานขึ้นทำให้เกิดปัญหาในการคลอด
การศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่าคีโทโพรเฟน (ketoprofen) ไม่มีผลต่อตัวอ่อนในครรภ์
แม้ว่ายาส่วนใหญ่ไม่มีผลต่อตัวอ่อนในครรภ์ของสัตว์ทดลอง แต่ยาเหล่านี้อาจเป็นอันตรายต่อตัวอ่อนในครรภ์ เมื่อให้ยาเหล่านี้ปริมาณมากจะทำให้สัตว์ทดลองที่มีครรภ์เกิดอาการป่วย
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าคีโทโพรเฟน (ketoprofen) สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมได้หรือไม่
ยังไม่มีข้อมูลเฉพาะเกี่ยวกับการใช้คีโทโพรเฟน (ketoprofen) ในเด็ก
อาการไม่พึงประสงค์บางอย่างเช่น สับสน , หน้าบวม แขนหรือขาบวม , ปริมาณปัสสาวะลดลง อาจเกิดขึ้นได้ในผู้สูงอายุซึ่งไวต่อฤทธิ์ของยามากกว่าในวัยอื่นๆ ดังนั้นหากยาส่งผลต่อกระเพาะอาหาร ผู้สูงอายุอาจรู้สึกไม่สบายตัวได้มากกว่าวัยอื่นๆ
ถึงแม้ว่ายาบางอย่างไม่ควรใช้ร่วมกัน ในบางกรณีที่จำเป็นอาจใช้ร่วมกันได้ถึงแม้ว่าอันตรกิริยาอาจเกิดขึ้นก็ตาม โดยแพทย์อาจปรับเปลี่ยนขนาดยาหรืออาจมีข้อควรระวังอื่นๆ ที่จำเป็น เมื่อท่านต้องการจะรับประทานคีโทโพรเฟน (ketoprofen) ท่านต้องแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านกำลังใช้ยาต่อไปนี้อยู่
ปัญหาความเจ็บป่วยอื่นที่ท่านเป็นอยู่อาจส่งผลต่อการใช้คีโทโพรเฟน (ketoprofen) ท่านควรแจ้งแพทย์หากท่านมีสภาวะเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น
รับประทานยาพร้อมน้ำประมาณ 240 มิลลิลิตร ห้ามนอนประมาณ 15–30 นาทีหลังรับประทานยา เพื่อป้องกันการระคายเคืองทางเดินอาหาร
ควรรับประทานยาพร้อมอาหารหรือยาลดกรดเพื่อลดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร หากท่านรับประทานยารูปแบบปลดปล่อยตัวยาในลำไส้เล็ก (enteric-coated) ท่านไม่จำเป็นต้องรับประทานยาร่วมกับอาหารหรือยาลดกรด เนื่องจากยารูปแบบปลดปล่อยตัวยาในลำไส้เล็ก (enteric-coated) จะช่วยป้องกันการระคายเคืองกระเพาะอาหารจากตัวยาอยู่
หากท่านต้องการรับประทานยานี้ร่วมกับยาลดกรด ควรเลือกยาลดกรดที่ประกอบด้วยแมกนีเซียมและอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์หรือใช้ยาลดกรดตามที่แพทย์สั่ง ไม่ควรผสมยาในรูปแบบของเหลวของไอบิวโพรเฟน (ibuprofen) เข้ากับยาลดกรด เนื่องจากทำให้ยาเสื่อมคุณภาพ หากท่านมีอาการไม่สบายท้อง (อาหารไม่ย่อย, คลื่นไส้, อาเจียน, ปวดท้อง, ท้องร่วง) อย่างต่อเนื่องหรือสงสัยว่าควรรับประทานยาอย่างไร ควรปรึกษาบุคลากรทางการแพทย์
ยาบางประเภทต้องกลืนทั้งเม็ด ห้ามบด เคี้ยวหรือหักแบ่ง ยาในรูปแบบแคปซูลห้ามแกะแคปซูลก่อนการรับประทานยา รวมถึงยาในรูปแบบที่ออกฤทธิ์ที่ลำไส้เล็ก (enteric-coated), ยาเม็ดหรือยาแคปซูลที่ออกฤทธิ์เนิ่น (extended-release) หากท่านไม่แน่ใจว่ายาที่ท่านกำลังรับประทานเป็นรูปแบบใดควรสอบถามจากเภสัชกร
ขนาดของยานี้อาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ หรือ เภสัชกร หรือ ตามที่ระบุไว้บนฉลากยา
จำนวนของแคปซูลหรือยาเม็ดหรือจำนวนช้อนชาของยาน้ำแขวนตะกอนที่รับประทานหรือจำนวนยาเหน็บขึ้นกับความแรงของยา จำนวนครั้งของการใช้ยาในแต่ละวัน, ระยะห่างของการรับประทานยาในแต่ละครั้งและระยะเวลาที่ท่านใช้ยาขึ้นอยู่ว่าท่านกำลังรับประทานยานี้ในรูปแบบออกฤทธิ์นานหรือรูปแบบออกฤทธิ์สั้นและกับสภาวะของท่านที่ท่านต้องใช้ยานี้
ผู้ป่วยโรคข้ออักเสบจำเป็นต้องใช้ยาทั้งขณะมีอาการและไม่มีอาการของข้ออักเสบ ดังนั้นขนาดยาอาจต้องเพิ่มขึ้นหรือลดลงขึ้นอยู่กับอาการของท่าน
หากแพทย์สั่งให้ท่านรับประทานยานี้แล้วท่านลืมรับประทานยา ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ ถ้าใกล้มื้อต่อไปให้ข้ามมื้อที่ลืมและรับประทานยาต่อในมื้อถัดไปในขนาดยาปกติ (สำหรับยาที่ออกฤทธิ์นานหรือออกฤทธิ์เนิ่นที่รับประทานวันละ 1–2 ครั้ง หากมื้อที่ลืมอยู่ภายใน 1–2 ชั่วโมงของมื้อนั้นให้รับประทานยาทันที แต่ถ้าเกิน 1–2 ชั่วโมงแล้วให้ข้ามมื้อนั้นไปแล้วรับประทานยาตามปกติ) ห้ามเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
หากท่านจะใช้ยานี้เป็นเวลานานสำหรับบรรเทาอาการข้ออักเสบ ท่านควรพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลไม่พึงประสงค์ที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้ยา การตรวจบางอย่างมีความจำเป็นมากเนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง รวมถึงแผลในกระเพาะอาหาร , เลือดออกในกระเพาะอาหารหรือปัญหาเกี่ยวกับเลือด ซึ่งอาจเกิดในผู้ป่วยที่ไม่ทราบคำเตือนนี้มาก่อน
การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ในขณะที่ทำการรักษาด้วยการใช้ยานี้อาจเกิดปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร
หากท่านดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าวันละ 3 แก้ว ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานี้
การรับประทานยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) 2 ชนิดหรือมากกว่า 2 ชนิดร่วมกันอาจทำให้โอกาสการเกิดอาการไม่พึงประสงค์เพิ่มขึ้น การใช้ยาพาราเซทามอล (paracetamol), แอสไพริน (aspirin) หรืออนุพันธ์ซาลิซิเลต (salicylates) หรือคีโตโรแล็ค (ketorolac) ในขณะที่ใช้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์อาจทำให้โอกาสในการเกิดอาการไม่พึงประสงค์เพิ่มขิ้น ความเสี่ยงขึ้นอยู่กับจำนวนยาที่รับประทานในแต่ละวันและขึ้นกับระยะเวลาที่ประทานยาร่วมกัน หากแพทย์ให้ท่านรับประทานยานี้ร่วมกันเป็นประจำ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
ห้ามรับประทานพาราเซทามอล (paracetamol) หรือแอสไพริน (aspirin) หรืออนุพันธ์ของซาลิซิเลต (salicylates) ร่วมกับยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) มากกว่า 2-3 วัน และห้ามรับประทานร่วมกับคีโทโรแลก (ketorolac) ในขณะที่ท่านกำลังรับประทานยานี้ยกเว้นแพทย์สั่งและพบแพทย์ตามนัด
ก่อนทำการผ่าตัดใดๆ (รวมทั้งการผ่าตัดทางทันตกรรม) โปรดแจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์ว่าท่านกำลังรับประทานยานี้อยู่ ถ้าเป็นไปได้ควรบอกตอนที่กำลังวางแผนผ่าตัด ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) บางตัวทำให้โอกาสในการเกิดเลือดออกในระหว่างและหลังผ่าตัดเพิ่มขึ้น บางครั้งอาจจำเป็นต้องหยุดรับประทานยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ชั่วคราวหรือเปลี่ยนไปใช้ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ตัวอื่นที่ทำให้เกิดเลือดออกน้อยกว่า
ยานี้อาจทำให้ผู้ป่วยบางรายรู้สึกสับสน, หาวนอน , รู้สึกหวิวๆ , กระปี้กระเป่าน้อยกว่าปกติ บางครั้งยาอาจทำให้เกิดอาการตาพร่าหรือปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็นในผู้ป่วยบางราย ดังนั้นควรตรวจสอบตัวเองให้แน่ใจก่อนว่าไม่มีอาการเหล่านี้จากยา ก่อนที่จะขับรถยนต์หรือทำกิจกรรมที่เสี่ยงอันตราย หากท่านมีอาการเหล่านี้และรู้สึกว่ารบกวนกิจวัตรประจำวันของท่าน ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ผู้ป่วยบางรายที่รับประทานคีโทโพรเฟน (ketoprofen) อาจไวต่อแสงมากกว่าปกติ การสัมผัสแสงแดดเพียงไม่นานก็อาจเป็นสาเหตุให้เกิดผิวหนังไหม้เกรียมผิดปกติได้, เกิดถุงน้ำใต้ผิวหนัง, เกิดผื่น, แดง ,คัน ,หรือสีซีดจางลงได้ หรืออาจทำให้การมองเห็นผิดปกติไปเมื่อเริ่มใช้ยานี้
อาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง รวมถึงการเกิดแผลในกระเพาะอาหารหรือมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร สามารถเกิดขึ้นได้ในระหว่างใช้ยานี้ บางครั้งอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรงอาจเกิดขึ้นโดยที่ท่านไม่ได้รับการเตือนมาก่อน อาการแสดงที่เกิดขึ้นบ่อยที่สามารถเตือนว่าท่านอาจได้รับอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรงได้แก่ การปวดท้องหรือปวดเกร็งท้องมากๆ , เจ็บท้องหรือปวดแสบปวดร้อนในท้อง , อุจจาระสีดำเหมือนน้ำมันดิน (ทาร์), คลื่นไส้รุนแรงหรือติดต่อกันเป็นเวลานาน, แสบยอดอก, อาหารไม่ย่อย, หรืออาเจียนมีเลือดปนหรือมีสีคล้ายกาแฟ ควรหยุดยาและไปพบแพทย์ทันที หากท่านมีอาการดังกล่าว
ควรพบแพทย์ทันที หากท่านมีอาการหนาวสั่น, มีไข้, ปวดหรือเจ็บกล้ามเนื้อหรือมีอาการเหมือนเป็นไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะถ้าเกิดเป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนหรือเกิดพร้อมกับมีผื่นที่ผิวหนังซึ่งพบได้น้อยมาก หากมีอาการเหล่านี้ อาจเป็นอาการเตือนที่บ่งบอกถึงปฏิกิริยารุนแรงที่เกิดจากยา
คีโทโพรเฟน (ketoprofen) อาจทำให้เกิดการแพ้ทางภูมิคุ้มกันที่รุนแรงได้ที่เรียกว่า แอนาฟิแล็กซิส (anaphylaxis) ถึงแม้ว่าพบได้น้อยมากแต่ก็อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยที่เคยมีประวัติแพ้ยาแอสไพริน (aspirin) หรือยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)
แอนาฟิแล็กซิส (anaphylaxis) ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน อาการเตือนที่รุนแรงที่สุดของปฏิกิริยานี้คือหายใจเร็วมากและผิดปกติ อ้าปากหายใจหอบ หายใจเข้ามีเสียงหวีด หรือเป็นลม อาการเตือนอื่นๆ เช่น การเปลี่ยนแปลงสีผิวของใบหน้า หัวใจหรือชีพจรเต้นเร็วและผิดปกติ ผิวหนังบวมมีลักษณะคล้ายรังผึ้งและหนังตาหรือรอบๆ ตาบวมหรือพอง ถ้ามีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น ต้องรีบได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน รีบขอความช่วยเหลือให้นำส่งห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด ถ้าทำตามนี้ไม่ได้ห้ามพยายามขับรถด้วยตนเอง แต่ให้รีบเรียกรถพยาบาล นอนลง รักษาตัวเองให้อุ่นและประคองให้เท้าสูงกว่าศีรษะ อยู่ในท่านั้นจนกว่าจะได้รับการช่วยเหลือ
ยาอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์บางอย่างที่ไม่ต้องการ ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดกับผู้ใช้ยาทุกราย แต่หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้นควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม
ก. ควรหยุดยาและได้รับการช่วยเหลือจากแผนกฉุกเฉินในทันทีหากมีอาการเหล่านี้
พบน้อยมาก
ข. ควรหยุดยาและพบแพทย์ทันทีหากมีอาการเหล่านี้
พบน้อย
ค. ควรพบแพทย์ทันที หากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น
พบบ่อย
พบน้อย
ง. อาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา อาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้จะหายไปในระหว่างการรักษาเนื่องจากร่างกายจะปรับตัวเข้ากับยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถ้าอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้เกิดขึ้นติดต่อกันนานหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของท่าน
พบบ่อย
พบน้อย
แม้ว่าอาการต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้นอาจไม่ได้เกิดขึ้นทั้งหมด แต่จะเกิดขึ้นอย่างน้อยหนึ่งอย่าง ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) แต่ละตัวมีความคล้ายคลึงกันมาก จึงอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ดังกล่าวได้คล้ายกัน
จ. อาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยบางราย หากท่านสังเกตเห็นอาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ยานี้จัดอยู่ในกลุ่มยาต่อไปนี้
ยานี้เกี่ยวข้องกับยาต่อไปนี้
Aspirin, Celecoxib, Diclofenac, Diflunisal, Flurbiprofen, Ibuprofen, Indomethacin, Mefenamic acid, Meloxicam, Nabumetone, Naproxen, Nimesulide, Phenylbutazone, Piroxicam, Sodium salicylate, Sulindac, Tenoxicam
ยานี้มีชื่อทางการค้าต่อไปนี้
ข้อมูลนี้ไม่สมบูรณ์ ยานี้อาจจะยังมีชื่อทางการค้าอื่นที่ไม่ได้แสดงในนี้ หรือชื่อทางการค้าที่แสดงในนี้อาจจะไม่อนุญาตให้จำหน่ายแล้ว
ยานี้มีชื่อภาษาไทยอื่นที่มีการใช้ดังต่อไปนี้
คีโตโพรเฟน, คีโทโปรเฟน, คีโตโปรเฟน
ข้อมูลนี้ไม่สมบูรณ์ ยานี้อาจจะยังมีชื่อภาษาไทยอื่นที่อาจมีการใช้ ซึ่งไม่ได้แสดงในนี้