เป็นที่ทราบกันดีว่าประสิทธิภาพการขับรถจะลดลงเมื่อพักผ่อนไม่เพียงพอ (ง่วงนอน) ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ มีอาการขาดน้ำ หรือขับรถในขณะมึนเมา
เมื่อเร็วๆนี้ Telegraph รายงานว่าการขับรถขณะที่มีอาการเมาค้างนั้นก็จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติเช่นกัน โดยได้ทำการทดสอบให้มีการขับรถในขณะปกติไม่มีอาการมึนเมา เปรียบเทียบกับการขับรถในขณะที่มีอาการเมาค้าง ปรากฎว่าการขับรถในขณะที่มีอาการเมาค้างนั้นจะขับรถเร็วกว่าปกติ ขับออกนอกเลนบ่อยครั้ง และขับรถฝ่าสัญญาณไฟจราจรมากกว่าปกติ
คนส่วนใหญ่เชื่อว่าตนเองสามารถขับรถได้เป็นปกติในขณะที่มีอาการเมาค้าง ในระยะทางใกล้ๆ ซึ่งความจริงแล้วไม่เป็นอย่างที่คิดและยังเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุมากกว่าปกติด้วย นอกจากไม่ควรขับรถขณะมึนเมาแล้วควรหลีกเลี่ยงการขับรถขณะที่มีอาการเมาค้างด้วย
ภาพจาก Flickr.com
เมาแล้วขับรถจักรยานยนต์ล้ม สลบหรือไม่ ไม่มีใครรู้ พอฟื้นก็ไปดื่มกับเพื่อน ๆ ต่อ ใครจะแนะนำใครไม่ใส่ใจ ทุกคนเมาค้างต่อเนื่องจนหลับไป ตื่นเช้ามาทุกคนตื่นหมด ยกเว้นคนที่บาดเจ็บไม่ตื่นเลยอ่ะค่ะ เขาเสียชีวิตแล้ว มารู้ภายหลังเนื่องจากมีเลือดออกในสมองเป็นเหตุให้เสียชีวิต น่าเสียดายมากเลยค่ะ
คนเมามีความเสี่ยงทุกเรื่องเลยนะคะ