![](../../../files/201004/strong.png)
มีการศึกษาวิจัยล่าสุด เพื่อตอบคำถามถึงระดับน้ำตาลที่ควรควบคุมสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 แต่
- การศึกษาได้ถูกพักช่วงกลางคัน หลังจากได้ทำการทดลองมา 3 ปี 6 เดือน เนื่องจากมีจำนวนผู้ป่วยเสียชีวิตเพิ่มมากขึ้น เมื่อมีการทำการทดลองอย่างเข้มข้น
- การศึกษาวิจัยชิ้นอื่นพบว่า ผู้ป่วยเบาหวานที่ได้รับการดูแลเป็นเวลา 5 ปีที่มีปริมาณน้ำตาลในเลือดสูงนั้นสามารถช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต (รวมทั้งโรคที่เกี่ยวข้องกับไต ดวงตา และระบบประสาท) แต่ไม่สามารถป้องกันโรคหัวใจวาย และโรคอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
- การศึกษาวิจัยจากผู้เชี่ยวชาญพบว่า หลังจาก 5 ปี อัตราการเสียชีวิตและอัตราการแทรกซ้อนของโรคของกลุ่มที่ได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดกับกลุ่มที่ได้รับการดูแลมาตรฐานจะมีปริมาณเท่ากัน
- การศึกษาวิจัยจากอังกฤษพบว่า กลุ่มผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ถูกควบคุมปริมาณน้ำตาลในระดับมาตรฐานมีโอกาสที่จะมีโรคแทรกซ้อนเกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิตน้อย และโอกาสเสี่ยงที่จะเสียชีวิตขณะที่อยู่ระหว่างการทดลองน้อยกว่ากลุ่มที่ได้รับการดูแลควบคุมอย่างใกล้ชิด และกลุ่มที่ได้รับการดูแลน้อย
Harvard Men’s Health Watch แนะนำบางสมมติฐานในการบำบัดรักษาโรคเบาหวาน ซึ่งค่อนข้างชัดเจนไว้ดังนี้
- ควบคุมการรับประทานอาหาร ออกกำลังกาย และควบคุมปริมาณน้ำหนัก
- การควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือดเป็นเรื่องที่สำคัญมาก โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 1 ที่การควบคุมปริมาณน้ำตาลจะสามารถช่วยป้องกันโรคแทรกซ้อนได้หลายโรค
- ผู้ที่ต้องรับอินซูลินต้องดูแลควบคุมปริมาณน้ำตาลในเลือดของตนเอง ควรเรียนรู้ลักษณะอาการที่จะเกิดขึ้นเมื่อมีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป เรียนรู้วิธีการเพิ่มปริมาณน้ำตาลในเลือดอย่างเร่งด่วนหากปริมาณน้ำตาลต่ำลง และเรียนรู้วิธีการปฏิบัติตนหากเกิดกรณีฉุกเฉินต่าง ๆ
การควบคุมปริมาณน้ำตาลนั้นเป็นเรื่องที่ผู้ป่วยแต่ละคนต้องใส่ใจ โดยใช้การตรวจ hemoglobin A1C (HbA1C) และควรรับการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดประมาณเดือนละหนึ่งครั้ง สำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ระดับของ HbA1C ควรอยู่ที่ร้อยละ 7 – 7.5 และปริมาณน้ำตาลในเลือดที่ 150 ถึง 170 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
ข่าวจาก: Harvard Health Publication