อ่าน: 1190
Small_font Large_font

Sulfisoxazole and Phenazopyridine (ยาสูตรผสมซัลฟิซอกซาโซลและฟีนาโซไพริดีน)

คำอธิบายพอสังเขป

ยาสูตรผสมซัลฟิซอกซาโซลและฟีนาโซไพริดีน(sulfisoxazole and phenazopyridine) ใช้สำหรับรักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะที่มีอาการปวด แสบขัดขณะปัสสาวะ

  • ซัลฟิซอกซาโซล(sulfisoxazole) เป็นยาต้านเชื้อแบคทีเรียในกลุ่มซัลโฟนาไมด์ ออกฤทธิ์ยับยั้งการสร้างกรดโฟลิก (folic acid) ที่จำเป็นต่อการเจริญของเชื้อแบคทีเรีย
  • ฟีนาโซไพริดีน (phenazopyridine) เป็นสารสีเอโซ (azo dye) ที่ใช้บรรเทาอาการปวดทางเดินปัสสาวะ มักใช้ร่วมกับยาปฏิชีวนะ หรือยาต้านเชื้อแบคทีเรีย ในโรคติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ

ก่อนการใช้ยา

การแพ้ยา

โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านเคยมีอาการผิดปกติใดๆหรือมี ประวัติการแพ้ยากลุ่มซัลโฟนาไมด์ (sulfonamides) หรือซัลฟา (sulfa medicines), ฟูโรซีไมด์ (furosemide) หรือยาขับปัสสาวะกลุ่มไทอาไซด์ (thiazide diuretics), ยาลดน้ำตาลในเลือดชนิดรับประทาน (oral antidiabetics), ยารักษาต้อหินชนิดรับประทาน เช่น อะเซทาโซลาไมด์ (acetazolamide) เมทาโซลาไมด์ (methazolamide) หรือ ฟีนาโซไพริดีน(phenazopyridine) หรือส่วนประกอบใด ๆ ในยานี้ รวมทั้งการมีประวัติเคยแพ้สารอื่นๆ เช่น อาหาร, สารกันเสีย, สี เป็นต้น

อาหารและเครื่องดื่มที่ต้องระวัง

  • ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานวิตามินซี น้ำผลไม้ หรืออาหารที่มีความเป็นกรดในปริมาณมากระหว่างรับประทานยานี้ เพื่อป้องกันการเกิดผลึกในปัสสาวะ (crystalluria) จากยาซัลฟิซอกซาโซล(sulfisoxazole)
  • ยาสูตรผสมซัลฟิซอกซาโซลและฟีนาโซไพริดีน (sulfisoxazole and phenazopyridine) อาจทำให้ผิวหนังไวต่อแสง ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือยาที่มีส่วนผสมเซนต์จอห์นเวิร์ธ (St John’s wort) เนื่องจากอาจทำให้ผิวหนังมีความไวต่อแสงมากขึ้น

ตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 1

ABCDX

รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'C' สำหรับสตรีมีครรภ์

จากการศึกษาในสัตว์พบว่ายาทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์ แต่ไม่มีรายงานการศึกษาที่ควบคุมอย่างดีในมนุษย์ หรือ ไม่มีรายงานการศึกษาในมนุษย์และสัตว์ถึงผลของยาต่อตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์ ดังนั้น ควรใช้ยานี้เมื่อมีการประเมินแล้วว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์

จากการศึกษาในหนูทดลองพบว่ายาในกลุ่มซัลโฟนาไมด์ หรือซัลฟา (sulfonamides or sulfas) บางชนิด ก่อให้เกิดความผิดปกติตัวตัวอ่อนหนูทดลอง เช่น ปากแหว่งเพดานโหว่ และมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับกระดูก นอกจากนี้อาจก่อให้เกิดปัญหาต่อตับในทารกได้ สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ เว้นแต่แพทย์พิจารณาแล้วว่าจำเป็นต้องใช้

ตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 2

ABCDX

รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'C' สำหรับสตรีมีครรภ์

จากการศึกษาในสัตว์พบว่ายาทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์ แต่ไม่มีรายงานการศึกษาที่ควบคุมอย่างดีในมนุษย์ หรือ ไม่มีรายงานการศึกษาในมนุษย์และสัตว์ถึงผลของยาต่อตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์ ดังนั้น ควรใช้ยานี้เมื่อมีการประเมินแล้วว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์

จากการศึกษาในหนูทดลองพบว่ายาในกลุ่มซัลโฟนาไมด์ หรือซัลฟา (sulfonamides or sulfas) บางชนิด ก่อให้เกิดความผิดปกติตัวตัวอ่อนหนูทดลอง เช่น ปากแหว่งเพดานโหว่ และมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับกระดูก นอกจากนี้อาจก่อให้เกิดปัญหาต่อตับในทารกได้ สตรีมีครรภ์ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ เว้นแต่แพทย์พิจารณาแล้วว่าจำเป็นต้องใช้

ตั้งครรภ์ไตรมาสที่ 3

ABCDX

รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'D' สำหรับสตรีมีครรภ์

ยามีความเสี่ยงในการก่อให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์ อย่างไรก็ตาม อาจใช้ยานี้ได้ หากพิจารณาแล้วว่าประโยชน์จากการใช้ยามีมากกว่าความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ ดังนั้นการพิจารณาใช้ยาให้อยู่ในดุลยพินิจของแพทย์

การใช้ยานี้ในช่วงใกล้คลอดอาจทำให้ทารกมีตัวเหลือง ตาเหลือง และเป็นอันตรายได้ อย่างไรก็ตามทารกแรกเกิดอาจมีตัวเหลือง ตาเหลืองจากสภาวะโรคของทารกเองซึ่งพบได้บ่อย โดยไม่เกี่ยวข้องกับยา

หากจำเป็นต้องใช้ยานี้ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานี้และการใช้ยานี้ระหว่างตั้งครรภ์ควรใช้เมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น

กำลังให้นมบุตร

ยาในกลุ่มซัลโฟนาไมด์ (sulfonamides)สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมได้
ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ระหว่างให้นมบุตร อาจเกิดอาการไม่พึงประสงค์ต่อตับ เกิดภาวะเลือดจาง ในทารกที่ได้รับน้ำนม โดยเฉพาะทารกที่มีภาวะพร่องเอนไซม์กลูโคส-6-ฟอสเฟตดีไฮโดรจีเนส [glucose-6-phosphate dehydrogenase (G6PD)]

เด็ก

มีการศึกษาการใช้ยานี้ในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป ในขนาดยาที่ให้ผลการรักษา ยังไม่พบว่ายาก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ใด ๆ ที่แตกต่าง กับการใช้ยานี้ในวัยอื่นๆ

ผู้สูงอายุ

ผู้ป่วยสูงอายุมักจะไวต่อยาในกลุ่มซัลโฟนาไมด์ (sulfonamides)โดยจะมีอาการไม่พึงประสงค์ทางผิวหนัง หรืออาการไม่พึงประสงค์ทางระบบเลือดที่รุนแรง

ยาอื่นที่ใช้อยู่

ถึงแม้ว่ายาบางอย่างไม่ควรใช้ร่วมกัน ในบางกรณีที่จำเป็นอาจใช้ร่วมกันได้ถึงแม้ว่าอันตรกิริยาอาจเกิดขึ้นก็ตาม โดยแพทย์อาจปรับเปลี่ยนขนาดยาหรืออาจมีข้อควรระวังอื่นๆ ที่จำเป็น ท่านต้องแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านกำลังใช้ยาต่อไปนี้ร่วมอยู่ด้วย

  • พาราเซทามอล (paracetamol) ในขนาดยาสูงๆ และใช้เป็นระยะเวลานาน
  • นาลทรีโซน (naltrexone) ในขนาดยาสูงๆ และใช้เป็นระยะเวลานาน
  • กรดวาลโพรอิก (valproic acid) การใช้ร่วมกันอาจเพิ่มอาการไม่พึงประสงค์ต่อตับ
  • มีเทนามีน (methenamine) การใช้ร่วมกันอาจเพิ่มอาการไม่พึงประสงค์ของยากลุ่มซัลโฟนาไมด์ (sulfonamides)
  • ยาลดระดับน้ำตาลในเลือดชนิดรับประทาน (oral antidiabetics) การใช้ยาร่วมกันอาจเพิ่มอาการไม่พึงประสงค์ต่อระบบเลือด และ/หรือ อาการไม่พึงประสงค์ของยาลดระดับน้ำตาลในเลือดชนิดรับประทาน
  • วิตามินเค (vitamin K) การใช้ยาร่วมกันอาจเพิ่มอาการไม่พึงประสงค์ต่อระบบเลือด
  • ยาอื่น ๆ ได้แก่
อะมิโอดาโรน (amiodarone) แนนโดรโลน (nandrolone) ออกซานโดรโลน ( oxandrolone)
ออกซีเมโทโลน (oxymetholone) สตาโนโซลอล (stanozolol) ฮอร์โมนเพศชาย (androgens)
ยาต้านไทรอยด์ (antithyroid agents) คาร์บามาซีพีน (carbamazepine คาร์มัสทีน (carmustine)
คลอโรควิน (chloroquine) แดนโทรลีน (dantrolene) ดาวโนรูบิซิน (daunorubicin)
ไดซัลฟิแรม (disulfiram) ฮอร์โมนเพศหญิง (estrogens) เกลือทอง (gold salts)
เมอร์แคปโทเพียวรีน (mercaptopurine) ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน (oral contraceptive) อะซีโทเฟนาซีน (acetophenazine)
คลอร์โพรมาซีน (chlorpromazine) ฟลูเฟนาซีน (fluphenazine) เมโซริดาซีน (mesoridazine)
เพอร์เฟนาซีน (perphenazine) โพรคลอร์เพอราซีน (prochlorperazine) โพรมาซีน (promazine)
โพรเมทาซีน (promethazine) ไทออริดาซีน (thioridazine) ไทรฟลูออโรเพอราซีน (trifluoroperazine)
ไทรฟลูโพรมาซีน (triflupromazine) ไทรเมพราซีน (trimepazine) พลิคามัยซิน (plicamycin)
กรดอะซีโทไฮดรอกซามิค (acetohydroxamic acid) ฟิวราโซลิโดน (furazolidone) ไนโทรฟิวแรนทอยน์ (nitrofurantoin)
ไพรมาควิน (primaquine) โพรเคนาไมด์ (procainamide) ควินิดีน (quinidine)
ควินีน (quinine) ยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulants) ไฮดรอกซีคลอโรควิน (hydroxychloroquine)
แดพโซน (dapsone) เมทโทเทรกเซต (methotrexate) เฟนิทอยน์ (phenytoin)
เมทิลโดพา (methyldopa)

ภาวะโรคร่วม

ปัญหาความเจ็บป่วยอื่นที่ท่านเป็นอยู่อาจส่งผลต่อการใช้ยาสูตรผสมระหว่างยาสูตรผสมซัลฟิซอกซาโซลและฟีนาโซไพริดีน(sulfisoxazole and phenazopyridine) ท่านควรแจ้งแพทย์หากท่านมีภาวะเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น

  • เลือดจาง หรือโรคอื่นทางระบบเลือด
  • ภาวะพร่องเอนไซม์กลูโคส-6-ฟอสเฟตดีไฮโดรจีเนส [glucose-6-phosphate dehydrogenase (G6PD)]
  • โรคตับอักเสบ (hepatitis) หรือโรคไต
  • พอร์ฟีเรีย (Porphyria) ซึ่งเป็นโรคพันธุกรรมซึ่งผู้ป่วยขาดเอนไซม์บางชนิดในการสังเคราะห์ฮีม (heme) ส่งผลให้เกิดการคั่งของพอร์เฟอริน จนมีการขับออกมากทางปัสสาวะทำให้ปัสสาวะมีสีม่วงแดง และเกิดอาการต่าง ๆ เช่นปวดท้องและผิวหนังมีความไวต่อแสงผิดปรกติ เป็นต้น

การใช้ที่ถูกต้อง

  • ควรรับประทานยาในขณะท้องว่าง (ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมงหรือหลังอาหาร 2 ชั่วโมง)
  • ระหว่างรับประทานยานี้ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อลดอาการไม่พึงประสงค์จากยา เว้นแต่ว่าท่านได้รับคำแนะนำให้จำกัดน้ำ
  • ยานี้จะใช้ได้ผลดีเมื่อมีระดับยาในเลือดคงที่จึงไม่ควรลืมรับประทานยา และรับประทานยาในเวลาเดียวกันของทุกวัน
  • รับประทานยานี้ติดต่อกันทุกวันจนยาหมด แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม

ยาเม็ดและแคปซูล

  • กลืนยาทั้งเม็ด เเล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ

ขนาดยา

ขนาดยาของยาสูตรผสมซัลฟิซอกซาโซลและฟีนาโซไพริดีน (sulfisoxazole and phenazopyridine) อาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ควรใช้ยาตามคำแนะนำของ แพทย์หรือเภสัชกรหรือตามที่ฉลากระบุ จำนวนครั้งของการรับประทานยาในแต่ละวัน, ระยะห่างของการรับประทานยาในแต่ละครั้งและระยะเวลาที่ท่านรับประทานยาขึ้น อยู่กับสภาวะโรคของท่าน

เมื่อลืมใช้ยา

หากท่านลืมรับประทานยาให้รีบรับประทานทันทีที่นึกได้ ถ้าใกล้ถึงมื้อต่อไปให้ข้ามมื้อที่ลืมและรับประทานยาต่อในมื้อถัดไปในขนาดยา ปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า

การเก็บรักษา

  • เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก
  • เก็บให้ห่างจากความร้อนและหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
  • ห้ามเก็บยาไว้ในห้องน้ำ ใกล้อ่างล้างมือหรือที่ชื้น เนื่องจากความร้อนหรือความชื้นอาจเป็นสาเหตุให้ยาเสื่อมคุณภาพ
  • ทิ้งยาเมื่อยาหมดอายุ

ข้อควรระวัง

  • ก่อนใช้ยาสูตรผสมซัลฟิซอกซาโซลและฟีนาโซไพริดีน(sulfisoxazole and phenazopyridine) ควรแน่ใจก่อนว่าผู้ป่วยไม่เคยมีประวัติแพ้ยาอื่นในกลุ่มซัลโฟนาไมด์ (sulfanamides) หรือซัลฟา (sulfas) และควรสังเกตอาการแพ้ยาอย่างใกล้ชิดถ้าผู้ป่วยเคยมีประวัติแพ้ยาดังกล่าวและได้รับยานี้ เพราะมีโอกาสเกิดการแพ้ข้ามกันได้
  • การใช้ยาสูตรผสมซัลฟิซอกซาโซลและฟีนาโซไพริดีน (sulfisoxazole and phenazopyridine) จะเปลี่ยนแปลงเชื้อที่อาศัยอยู่ตามปกติในลำไส้ใหญ่ และอาจทำให้เชื้อคลอสทริเดีย(clostridia) เจริญมากเกินไป ทำให้เกิดท้องร่วงจากเชื้อแบคทีเรีย คลอสทริเดียม ดิฟฟิไซล์ ( Clostridium difficile associated diarrhea) รวมทั้งลำไส้ใหญ่อักเสบเหตุจากยาต้านจุลชีพ (pseudomembranous colitis) ควรพบแพทย์ทันทีหากมีอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำหรือท้องร่วงรุนแรงซึ่งอาจมีเลือดปนโดยมีหรือไม่มีอาการปวดเกร็งหน้าท้องและไข้ก็ได้ และห้ามใช้ยารักษาอาการท้องร่วง โดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน เพราะการใช้ยาแก้ท้องร่วงอาจทำให้อาการเหล่านี้ยิ่งรุนแรงขึ้น
หมายเหตุ อาการปวดเกร็งหน้าท้องและถ่ายเหลวเป็นน้ำหรือท้องร่วงรุนแรงซึ่งอาจมีเลือดปน อาจเกิดขึ้นได้หลังจากที่หยุดใช้ยานี้แล้วเป็นเวลาหลายสัปดาห์
  • การใช้ยาสูตรผสมซัลฟิซอกซาโซลและฟีนาโซไพริดีน(sulfisoxazole and phenazopyridine) เป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการดื้อยาและการเจริญมากไปของเชื้อที่ดื้อยาได้ ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ซ้ำซ้อนได้ (superinfection)
  • การใช้ยาสูตรผสมซัลฟิซอกซาโซลและฟีนาโซไพริดีน(sulfisoxazole and phenazopyridine) อาจทำให้ผิวหนังไวต่อแสงมากขึ้น ซึ่งแสดงออกโดยผิวหนังแดงและอักเสบได้ง่ายเมื่อสัมผัสแสงแดด ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด และไม่สัมผัสกับแสงแดดโดยตรง ควรสวมเสื้อผ้าที่ป้องกันแสงแดด แว่นตากันแดด ใช้ครีมกันแดด ที่มีเอสพีเอฟ (SPF 15) ขึ้นไป โดยอาการนี้อาจยังคงอยู่หลายเดือนหลังจากหยุดยาไปแล้ว ควรรีบพบแพทย์ถ้ามีอาการรุนแรงขึ้น
  • การใช้ยานี้อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาการแพ้รุนแรง เช่น การตายแยกสลายของหนังกำพร้า (epidermal necrolysis), ผิวหนังอักเสบหลุดลอกเป็นแผ่น (exfoliative dermatis), กลุ่มอาการสตีเวนส์จอห์นสัน (Stevens-Johnson syndrome), การแพ้ที่เหมือนกับการแพ้เซรุ่ม (serum sickness), กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบจากการแพ้ (allergic myocarditis)

นอกจากนี้อาจเกิดผื่นชนิดรุนแรงเล็กน้อยถึงปานกลาง ซึ่งอาจเกิดขึ้นหลังจากเริ่มใช้ยาไปแล้ว 7-14 วัน เช่น ผื่นแดง (erythematous), ผื่นนูนปนกับผื่นราบ (maculopapular), ผื่นคล้ายหัด (morbilliform) และ/หรือผื่นคัน (pruritic)

  • การใช้ยานี้เป็นระยะเวลานานอาจทำให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ต่อระบบเลือด ซึ่งอาจส่งผลให้ติดเชื้อโรคบางชนิดได้ง่าย แผลหายช้า มีเลือดออกได้ง่าย ควรระมัดระวังการใช้ไหมขัดฟัน หรือไม้จิ้มฟัน และแจ้งทันตแพทย์ทุกครั้งว่าใช้ยานี้อยู่
  • การใช้ยานี้อาจทำให้ผิวหนังไวต่อแสงมากขึ้น ซึ่งแสดงออกโดยผิวหนังแดงและอักเสบได้ง่ายเมื่อสัมผัสแสงแดด จึงควรหลีกเลี่ยงแสงแดด หรือสวมเสื้อผ้าที่ป้องกันแสงแดด แว่นตากันแดด ใช้ครีมกันแดด ที่มีค่าเอสพีเอฟ (SPF) 15 ขึ้นไป ควรรีบพบแพทย์ถ้ามีอาการรุนแรงขึ้น
  • ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ เพื่อป้องกันการเกิดผลึกของยาในปัสสาวะ (crystalluria) และการเกิดนิ่ว (stone formation)
  • การใช้ยานี้อาจทำให้ปัสสาวะ เหงื่อ น้ำตา มีสีส้ม หรือแดง ขณะใช้ยานี้ควรงดใส่เลนส์สัมผัสชนิดอ่อน (soft contact lens) เนื่องจากอาจทำให้เลนส์เปลี่ยนสีได้

อาการไม่พึงประสงค์

ยาอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์บางอย่างที่ไม่ต้องการ ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดกับผู้ใช้ยาทุกราย แต่หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้นควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม

ก .พบแพทย์ทันทีหากมีอาการต่อไปนี้

พบบ่อย

  • ผื่นผิวหนัง คัน

พบน้อย

  • ปวดข้อหรือกล้ามเนื้อ, กลืนลำบาก, ซีด, ผิวหนังลอก, เจ็บคอหรือมีไข้, มีเลือดออกง่ายหรือจ้ำเลือด, เพลียเหนื่อยง่าย, ตัวเหลืองตาเหลือง

พบน้อยมาก

  • ปวดเกร็งหน้าท้อง, ท้องร่วงอย่างรุนแรง อาจมีเลือดปน, ปัสสาวะเป็นเลือด,หายใจลำบาก, ปัสสาวะมากขึ้นหรือลดลง, เห็นภาพหลอน, ปวดศีรษะ, กระหายน้ำ, ปวดบั้นเอว, เจ็บขณะปัสสาวะ

ข. พบแพทย์โดยเร็ว หากมีอาการต่อไปนี้

พบบ่อย

  • ผิวหนังมีความไวต่อแสงมากขึ้น

ค.อาการไม่พึงประสงค์อื่นๆ อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา อาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้จะหายไปในระหว่างการรักษาหรือหยุดยาไปแล้วเนื่องจากร่างกายจะปรับตัว เข้ากับยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถ้าอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้เกิดขึ้นติดต่อกันนาน หรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของท่าน
พบบ่อย

  • ท้องร่วง, ปวดศีรษะ, เบื่ออาหาร , คลื่นไส้ อาเจียน, อ่อนเพลีย

ง. อาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยบางราย หากท่านสังเกตเห็นอาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

กลุ่มยา

ยานี้จัดอยู่ในกลุ่มยาต่อไปนี้

ยาที่เกี่ยวข้อง

ยานี้เกี่ยวข้องกับยาต่อไปนี้

Silver sulfadiazine (Topical) , Sulfacetamide (Ophthalmic) , Sulfadiazine, Sulfadimidine (Sulphadimidine), Sulfadimidine, Sulfadiazine, and Sulfamerazine , Sulfadoxine and Pyrimethamine , Sulfasalazine, Tetracycline, Sulfamethizole, and Phenazopyridine

ชื่อทางการค้า

ยานี้มีชื่อทางการค้าต่อไปนี้

Urozone tablets (ยาเม็ดยูโรโซน), Pyrizone tablets (ไพริโซล ชนิดเม็ด), Urozone capsules (ยูโรโซล แค๊ปซูล), Baner (tablets) (บาเนอร์ เม็ด), Baner capsules (บาเนอร์ แคปซูล)

ข้อมูลนี้ไม่สมบูรณ์ ยานี้อาจจะยังมีชื่อทางการค้าอื่นที่ไม่ได้แสดงในนี้ หรือชื่อทางการค้าที่แสดงในนี้อาจจะไม่อนุญาตให้จำหน่ายแล้ว

แหล่งอ้างอิง

  1. กองควบคุมยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข. สืบค้นทะเบียนยาสามัญสำหรับยาเดี่ยว.sulfadiazine . Available at: http://wwwapp1.fda.moph.go.th/ed2547/?url=14 Access Date: May 24, 2010.
  2. McEvoy GK, Snow EK, Miller J et al. AHFS Drug information 2009. the American Society of Health-System Pharmacists,Inc.Bestheda. 2009. p431-442
  3. Micromedex Thomson Healthcare. Advice for the Patient Drug Information in Lay Language USP DI, volume ll. 25th ed. Massachusetts: Micromedex Thomson Healthcare, 2005: p 1512-1514.

ไตรรัตน์ แก้วเรือง
โพยม วงศ์ภูวรักษ์
31 พฤษภาคม 2553 17 ตุลาคม 2553
เพื่อนแนะนำ : เงินด่วน 30 นาทีถูกกฎหมาย, เราชนะรอบ 4, ยืมเงิน 3000 ด่วน, แอพผ่อนของ, กู้เงิน, สมัครบัตรเครดิต, สินเชื่อไม่เช็ค บูโรถูกกฎหมาย