อ่าน: 4509
Small_font Large_font

Diphenhydramine (ไดเฟนไฮดรามีน)

คำอธิบายพอสังเขป

ไดเฟนไฮดรามีน (diphenhydramine) เป็นยาต้านฮิสตามีน (antihistamines) ใช้สำหรับบรรเทาอาการหรือป้องกันไข้ละอองฟาง (hay fever) และการแพ้ชนิดต่าง ๆ ออกฤทธิ์โดยป้องกันผลของสารที่เรียกว่าฮิสตามิน (histamine) ซึ่งถูกสร้างขึ้นภายในร่างกาย ฮิสตามีน (histamine) ทำให้เกิดอาการคัน จาม น้ำมูกไหลหรือน้ำตาไหล รวมทั้งอาจทำให้หลอดลมหดตัวซึ่งส่งผลให้เกิดการหายใจลำบากในผู้ป่วยบางราย

ไดเฟนไฮดรามีน (diphenhydramine) สามารถใช้สำหรับป้องกันอาการแพ้ท้อง, คลื่นไส้, อาเจียนและวิงเวียนศีรษะได้ อาจนำมาใช้ในการลดอาการเกร็งและสั่นสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคพาร์คินสันได้ ไดเฟนไฮดามีน (diphenhydramine) ในรูปแบบยาน้ำเชื่อมสำหรับรับประทานสามารถนำมาใช้ในการบรรเทาอาการไอเนื่องจากหวัดหรือไข้ละอองฟางได้ นอกจากนี้อาการไม่พึงประสงค์ของยาต้านฮิสตามีน (antihistamines) ทำให้เกิดอาการง่วงซึมจึงมีการนำมาใช้ในการช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น

ก่อนการใช้ยา

การแพ้ยา

โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านเคยมีประวัติแพ้ยาไดเฟนไฮดรามีน (diphenhydramine) หรือ ส่วนประกอบใด ๆ ในยานี้ รวมทั้งการมีประวัติเคยแพ้สารอื่น ๆ เช่น อาหาร สารกันเสียหรือสี เป็นต้น

อาหารและเครื่องดื่มที่ต้องระวัง

โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านได้รับคำแนะนำให้รับประทานอาหารที่มีน้ำตาลต่ำหรืออาหารอื่น ๆ เนื่องจากเภสัชภัณฑ์ที่เป็นยาน้ำส่วนใหญ่มีน้ำตาลและแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ

ตั้งครรภ์

ABCDX

รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'B' สำหรับสตรีมีครรภ์

จากการศึกษาในสัตว์พบว่ายาไม่มีความเสี่ยงในการทำให้เกิดความผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์ แต่ไม่มีรายงานการศึกษาในมนุษย์ หรือ จากการศึกษาในสัตว์พบว่ายามีความเสี่ยงในการทำให้เกิดความผิดปกติของตัวอ่อนในครรภ์ แต่ไม่พบผลดังกล่าวจากการศึกษาในมนุษย์ ดังนั้น ยาที่จัดอยู่ในประเภทนี้สามารถใช้ในสตรีมีครรภ์ได้ค่อนข้างปลอดภัย

ควรหลีกเลี่ยงการใช้ไดเฟนไฮดรามีน (diphenhydramine) เว้นแต่แพทย์พิจารณาแล้วว่าจำเป็นต้องใช้เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาในสตรีมีครรภ์ อย่างไรก็ตามยานี้ไม่ทำให้เกิดความผิดปกติแก่ตัวอ่อนในครรภ์หรือปัญหาอื่นๆ ในการศึกษาในสัตว์ทดลอง

กำลังให้นมบุตร

ไดเฟนไฮดรามีน (diphenhydramine) สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมได้ในปริมาณเล็กน้อย ไม่แนะนำให้ใช้ในสตรีให้นมบุตรเนื่องจากเด็กทารกจะไวต่ออาการไม่พึงประสงค์ของยาต้านฮิสตามีน (antihistamines) มาก เช่น เกิดอาการกระตือรือร้นผิดปกติหรือกระสับกระส่ายในเด็กที่ได้รับนมมารดา และอาจทำให้สารคัดหลั่งต่างๆ ในร่างกายมารดาลดลง, อัตราการไหลของน้ำนมลดลงและปริมาณน้ำนมในสตรีบางรายลดลง

เด็ก

อาการไม่พึงประสงค์ที่สำคัญ เช่น ชัก มักเกิดในผู้ป่วยที่มีอายุน้อย โดยทารกมีความเสี่ยงมากกว่าเด็กเล็กและผู้ใหญ่ ในเด็กเล็กมากๆ มักไวต่อฤทธิ์ของยาต้านฮิสตามีน (antihistamines) มากกว่าวัยอื่นๆ ส่งผลทำให้ฝันร้าย, กระตือรือร้นผิดปกติหรือกระสับกระส่าย, อยู่ไม่นิ่งหรือควบคุมตัวเองไม่ได้

ผู้สูงอายุ

ผู้สูงอายุมักไวต่อฤทธิ์ของยา อาจทำให้เกิดอาการสับสน ปัสสาวะลำบากและเจ็บ มึนงง ง่วงซึม ปากแห้ง ในผู้สูงอายุที่ได้รับยานี้ อาจมีอาการฝันร้ายหรือกระตือรือร้นผิดปกติ กระสับกระส่าย กระวนกระวาย หรือหงุดหงิดได้

ยาอื่นที่ใช้อยู่

ถึงแม้ว่ายาบางอย่างไม่ควรใช้ร่วมกัน ในบางกรณีที่จำเป็นอาจใช้ร่วมกันได้ถึงแม้ว่าอันตรกิริยาอาจเกิดขึ้น โดยแพทย์อาจปรับเปลี่ยนขนาดยาหรืออาจมีข้อควรระวังอื่นๆที่จำเป็น เมื่อท่านจะรับประทานยาต้านฮิสตามีน (antihistamines) ท่านต้องแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านกำลังใช้ยาเหล่านี้อยู่

  • ยาต้านโคลิเนอร์จิก(anticholinergic) (ยาที่ใช้บรรเทาอาการปวดเกร็งท้อง) อาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ของฤทธิ์ต้านฮิสตามีน (antihistamines) หรือฤทธิ์ต้านโคลิเนอร์จิค (anticholinergics) เช่น ปากแห้ง เพิ่มขึ้น
  • อีริโทรไมซิน (erythromycin)
  • ยาที่กดระบบประสาทส่วนกลาง ฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลางหรือฤทธิ์ต้านฮิสตามีน (antihistamine) อาจรุนแรงขึ้น เช่น ง่วงซึม รวมทั้งการใช้มาโปรทิลีน (maprotiline) หรือยาต้านซึมเศร้าที่มีโครงสร้างเป็นไตรไซคลิก (tricyclic antidepressant) อาจทำให้อาการไม่พึงประสงค์ของยาเหล่านี้ เช่น ปากแห้ง เพิ่มขึ้น
  • ยาที่มีฤทธิ์ยับยั้งฤทธิ์ของเอนไซม์โมโนเอมีน อ็อกซิเดส [(monoamine oxidase (MAO) inhibitor activity)] หากท่านกำลังรับประทานยาเหล่านี้หรือเคยรับประทานยาเหล่านี้ใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา อาจทำให้อาการไม่พึงประสงค์ของยาต้านฮิสตามีน (antihistamines) รุนแรงยิ่งขึ้น ห้ามใช้ยา 2 กลุ่มนี้ร่วมกัน

ภาวะโรคร่วม

ปัญหาความเจ็บป่วยอื่นที่ท่านเป็นอยู่อาจส่งผลต่อการใช้ไดเฟนไฮดรามีน (diphenhydramine) โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านมีสภาวะเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น

  • ต่อมลูกหมากโต
  • ปัสสาวะคั่งหรือปัสสาวะลำบาก ฤทธิ์ต้านฮิสตามีนบางอย่างของไดเฟนไฮดรามีน (diphenhydramine) อาจทำให้ปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะรุนแรงขึ้น
  • โรคต้อหิน ไดเฟนไฮดรามีน (diphenhydramine) อาจมีผลทำให้ความดันภายในลูกตาเพิ่มขึ้น
  • ลำไส้อุดตัน
  • โรคตับ

การใช้ที่ถูกต้อง

ไดเฟนไฮดรามีน (diphenhydramine) เป็นยาต้านฮิสตามีน (antihistamines) ใช้สำหรับบรรเทาอาการหรือป้องกันสภาวะต่าง ๆ ห้ามรับประทานยานี้มากเกินไปหรือบ่อยเกินไปและห้ามรับประทานติดต่อกันเป็นระยะเวลานานกว่าที่ระบุไว้บนฉลากหรือเกินกว่าที่แพทย์สั่ง อาจทำให้โอกาสของการเกิดอาการไม่พึงประสงค์เพิ่มขึ้น

สำหรับผู้ป่วยที่รับประทานไดเฟนไฮดรามีน (diphenhydramine) เพื่อบรรเทาอาการเมารถเมาเรือควรรับประทานยานี้อย่างน้อย 30 นาทีหรือก่อนเดินทาง 1–2 ชั่วโมง

ขนาดยา

ขนาดของยานี้อาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ หรือ เภสัชกร หรือ ตามที่ระบุไว้บนฉลากยา

ข้อมูลต่อไปนี้เป็นเพียงขนาดยาเฉลี่ยของยานี้ ถ้าขนาดยาของท่านแตกต่างจากนี้ ห้ามปรับขนาดยาเอง ถ้าแพทย์หรือเภสัชกรไม่ได้แจ้งท่าน

จำนวนของแคปซูลหรือยาเม็ดหรือจำนวนช้อนชาของยาที่รับประทานขึ้นอยู่กับความแรงของยา เช่น จำนวนครั้งของการใช้ยาในแต่ละวัน, ระยะห่างของการรับประทานยาในแต่ละครั้งและระยะเวลาที่ท่านใช้ยาขึ้นอยู่ว่าท่านกำลังรับประทานยาต้านฮิสตามีน (antihistamines) ในรูปแบบออกฤทธิ์นานหรือรูปแบบออกฤทธิ์สั้น

ก. สำหรับใช้ไดเฟนไฮดรามีน (diphenhydramine) ในการป้องกันและบรรเทาอาการคลื่นไส้อาเจียน, วิงเวียนศีรษะ
รูปแบบยารับประทาน (ยาแคปซูล, ยาเม็ด, ยาน้ำ)

  • ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 25-50 มิลลิกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมงเมื่อมีอาการ
  • เด็ก รับประทานครั้งละ 1–1.5 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม ทุก 4-6 ชั่วโมงเมื่อมีอาการ

ข. สำหรับใช้ในโรคพาร์คินสัน
รูปแบบยารับประทาน (ยาแคปซูล, ยาเม็ด, ยาน้ำ)

  • ผู้ใหญ่ รับประทานครั้งละ 25 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้งเมื่อเริ่มการรักษา แพทย์อาจเพิ่มขนาดยาทีละน้อยเมื่อจำเป็น

เมื่อลืมใช้ยา

หากท่านต้องรับประทานยาตามปกติแล้วท่านลืมรับประทานยาให้รีบรับประทานทันทีที่นึกได้ หากใกล้ถึงมื้อต่อไปให้ข้ามมื้อที่ลืมและรับประทานยาต่อในมื้อถัดไปในขนาดยาปกติ ห้ามเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า

การเก็บรักษา

  • เก็บให้พ้นมือเด็ก
  • เก็บให้ห่างจากความร้อนและหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
  • ห้ามเก็บยาแคปซูลหรือยาเม็ดไว้ในห้องน้ำ ใกล้อ่างล้างมือหรือที่ชื้น เนื่องจากความร้อนหรือความชื้นอาจเป็นสาเหตุให้ยาเสื่อมคุณภาพ
  • ห้ามเก็บยารูปแบบน้ำเชื่อมในช่องแช่แข็ง
  • ทิ้งยาเมื่อยาหมดอายุ

ข้อควรระวัง

ก่อนที่ท่านจะทำการทดสอบการแพ้ที่ผิวหนัง โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์ทุกครั้งว่าท่านกำลังใช้ยานี้อยู่ เนื่องจากไดเฟนไฮดรามีน (diphenhydramine) อาจรบกวนผลการทดสอบนี้ได้

หากท่านใช้ยาต้านฮิสตามีน (antihistamines) ร่วมกับแอสไพริน (aspirin) ขนาดสูงเป็นประจำ (สำหรับรักษาข้ออักเสบรูมาตอยด์) ยาต้านฮิสตามีน (antihistamines) อาจบดบังผลของการได้รับแอสไพริน (aspirin) เกินขนาดเช่น ได้ยินเสียงในหู โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านใช้ยาดังกล่าวร่วมกัน

ยานี้จะเสริมฤทธิ์ของแอลกอฮอล์และยากดระบบประสาทส่วนกลางตัวอื่นๆ (ยาที่ทำให้เกิดอาการง่วงซึม) ตัวอย่างของยากดระบบประสาทส่วนกลาง ได้แก่ ยาต้านฮิสตามินหรือยาสำหรับไข้ละอองฟาง อาการแพ้อื่นๆ หรือไข้หวัด, ยากล่อมประสาทหรือยานอนหลับ, ยาบรรเทาปวดตามใบสังยาของแพทย์หรือนาร์โคติก, บาบิทูเรต (barbiturates), ยากันชัก, ยาคลายกล้ามเนื้อหรือยาสลบรวมถึงยาสลบที่ใช้ทางทันตกรรม ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาดังกล่าวในขณะที่ท่านกำลังใช้ยานี้

ยานี้อาจทำให้เกิดอาการง่วงซึมหรือเกิดความตื่นเต้นมากกว่าปกติในผู้ป่วยบางรายแม้ว่ารับประทานยาก่อนนอนก็ตาม ยาต้านฮิสตามีน (antishistamines) บางตัวอาจทำให้เกิดอาการง่วงซึมมากกว่าตัวอื่นๆ ท่านควรสำรวจตัวท่านเองว่าเกิดอาการง่วงซึมจากการใช้ยาต้านฮิสตามีน (antishistamines) หรือไม่ หากมีอาการง่วงซึมควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะหรือการทำงานที่เสี่ยงอันตราย

ไดเฟนไฮดรามีน (diphenhydramine) อาจทำให้ปากแห้ง คอแห้ง จมูกแห้ง ยาต้านฮิสตามีน (antihistamines) บางชนิดอาจทำให้เกิดอาการปากแห้งมากกว่าตัวอื่นๆ สำหรับการบรรเทาอาการปากแห้งชั่วคราวควรใช้ลูกอมหรือหมากฝรั่งที่ปราศจากน้ำตาล อมก้อนน้ำแข็งให้ละลายในปากหรือใช้สารทดแทนน้ำลาย หากท่านรู้สึกว่าปากแห้งติดต่อกันเป็นเวลามากกว่า 2 สัปดาห์ควรปรึกษาทันตแพทย์ อาการปากแห้งติดต่อกันเป็นเวลามากกว่า 2 สัปดาห์อาจทำให้เกิดโรคภายในช่องปากรวมถึงฟันผุ โรคเหงือกและติดเชื้อราได้ง่าย

การรับประทานยานี้สำหรับควบคุมอาการคลื่นไส้หรืออาเจียน สำหรับการออกฤทธิ์นี้ทำให้ยาต้านฮิสตามีนอาจบดบังอาการแสดงของการได้รับยาเกินขนาดของยาอื่นๆ หรืออาการของโรคไส้ติ่งอักเสบ จึงทำให้วินิจฉัยภาวะเหล่านี้ได้ยาก โปรดแจ้งแพทย์หากท่านกำลังรับประทานยานี้ ถ้าท่านมีอาการอื่นๆ เช่น ปวดท้องหรือปวดท้องส่วนล่าง เกร็งหรือเจ็บปวด หากท่านคิดว่าท่านอาจรับประทานายานี้เกินขนาด โปรดแจ้งแพทย์ว่าท่านกำลังรับประทานยานี้อยู่

อาการไม่พึงประสงค์

ยาอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์บางอย่างที่ไม่ต้องการ ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดในผู้ใช้ยาทุกราย หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้นควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม

ก. ควรพบแพทย์ทันทีหากมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้น

พบน้อยหรือน้อยมาก

  • หัวใจเต้นเร็วหรือผิดปกติ, มีไข้, ปวดท้องหรือกระเพาะอาหาร, แสบร้อน, สั่น, อุจจาระสีคล้ายดินหรือปัสสาวะสีเข้มขึ้น, ไอ, ท้องร่วง, กลืนลำบาก, วิงเวียนศีรษะ, หัวใจเต้นเร็ว, มีไข้, ปวดศีรษะ, มีผื่นลมพิษ คัน, มีความรู้สึกเหมือนมีอะไรทิ่มที่ผิวหนังอยู่ตลอดเวลา, เปลือกตา รอบตา ริมฝีปากหรือลิ้นบวม, ผิวหนังแดง, ชัก, หายใจสั้น, มีผื่นที่ผิวหนัง บวม, แน่นหน้าอก, เหนื่อยล้าหรืออ่อนเพลียมากผิดปกติ, หายใจมีเสียงหวีด, ปวดเหมือนถูกเข็มทิ่ม

ข. ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรหากมีอาการเหล่านี้

พบน้อยหรือน้อยมาก

  • เจ็บคอ, มีจ้ำเลือดหรือเลือดออกมากผิดปกติ, เหนื่อยล้าหรืออ่อนแรงมากผิดปกติ

อาการของการได้รับยาเกินขนาด

  • เดินไม่มั่นคงหรือทำอะไรงุ่มง่าม, ชัก, ง่วงซึม (รุนแรง), ปาก จมูก คอแห้ง (รุนแรง), รู้สึกเหมือนจะเป็นลม, หน้าแดง, ประสาทหลอน, หายใจสั้นหรือหายใจลำบาก, นอนหลับยาก

ค. อาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา อาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้จะหายไปในระหว่างการรักษาเนื่องจากร่างกายจะปรับตัวเข้ากับยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถ้าอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้เกิดขึ้นติดต่อกันนานหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของท่าน

พบบ่อย

  • ง่วงซึม, ปาก จมูกหรือคอแห้ง, ไม่สบายท้อง, ปวดท้อง, คลื่นไส้, ปวดศีรษะ, ความอยากอาหารมากขึ้นหรือน้ำหนักตัวเพิ่ม, น้ำมูกเหนียวข้น

พบน้อยหรือน้อยมาก

  • กระเพาะอาหารเป็นกรดมาก, เรอ, ตาพร่าหรือการมองเห็นผิดปกติไป, เดินไม่มั่นคงหรือทำอะไรงุ่มง่าม, ปวดตามร่างกาย, ภาวะน้ำคั่งในร่างกาย, ท้องผูก, ไอ, ท้องร่วง, ปัสสาวะแสบขัดหรือปัสสาวะลำบาก, เคลื่อนไหวลำบาก, ปวดท้องมากตอนประจำเดือนมา, วิงเวียนศีรษะ, ปาก จมูกหรือคอแห้ง, ประจำเดือนมาเร็วกว่าปกติ, หัวใจเต้นเร็ว, อ่อนล้า, มีไข้, ระคายเคืองทางเดินอาหาร, ปวดท้อง, คลื่นไส้, แสบยอดอก, เพิ่มความอยากอาหารและน้ำหนักเพิ่ม, เสียงแหบ, ผิวไวต่อแสง, เหงื่อออกมากขึ้น, อาหารไม่ย่อย, ไม่อยากอาหาร, ปวดข้อ, ปวด เกร็งกล้ามเนื้อ, ฝันร้าย, ได้ยินเสียงในหู, น้ำมูกไหล, ผื่นผิวหนัง, ข้อบวม, ไม่สบายท้อง, ต่อมที่คอบวม, น้ำมูกเหนียวข้นขึ้น, สั่น, ตื่นเต้นผิดปกติ, กระวนกระวาย อยู่ไม่นิ่งหรือควบคุมตัวเองไม่ได้, อาเจียน

ง. อาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ นอกเหนือจากที่ได้ระบุไว้อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยบางราย หากท่านสังเกตเห็นอาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

กลุ่มยา

ยานี้จัดอยู่ในกลุ่มยาต่อไปนี้

ยาที่เกี่ยวข้อง

ยานี้เกี่ยวข้องกับยาต่อไปนี้

Brompheniramine, Cetirizine, Chlorpheniramine, Cinnarizine, Desloratadine, Dimenhydrinate, Fexofenadine, Flunarizine, Hydrocortisone and Mepyramine (Topical) , Hydroxyzine, Loratadine

ชื่อทางการค้า

ยานี้มีชื่อทางการค้าต่อไปนี้

Benadryl, Codiphen tablet (โคดิเฟน ชนิดเม็ด), Sedatab (เซดาแทป), Sedi capsules (ซีได แคปซูล), Tussodryl capsules (ทัสโซดริล แคปซูล)

ข้อมูลนี้ไม่สมบูรณ์ ยานี้อาจจะยังมีชื่อทางการค้าอื่นที่ไม่ได้แสดงในนี้ หรือชื่อทางการค้าที่แสดงในนี้อาจจะไม่อนุญาตให้จำหน่ายแล้ว

ชื่อภาษาไทยอื่นที่อาจมีการใช้

ยานี้มีชื่อภาษาไทยอื่นที่มีการใช้ดังต่อไปนี้

ไดเฟนฮัยดรามีน

ข้อมูลนี้ไม่สมบูรณ์ ยานี้อาจจะยังมีชื่อภาษาไทยอื่นที่อาจมีการใช้ ซึ่งไม่ได้แสดงในนี้

แหล่งอ้างอิง

  1. Micromedex Thomson Healthcare. Advice for the Patient Drug Information in Lay Language USP DI, volume ll. 25th ed. Massachusetts: Micromedex Thomson Healthcare, 2005: 162-7.
  2. Klasco RK (Ed): DRUGDEX® System (electronic version). Thomson Micromedex, Greenwood Village, Colorado, USA. Available at: http://www.thomsonhc.com (cited: Oct 6, 2009).
  3. Sunthornraj N, Fun LF, Evangelista LF, Labandilo LD, Romano MB, Afable JO, et al. MIMs Thailand. 106th ed. Bangkok: MediMedia (Thailand); 2007.

นรวร เจนณรงค์ , หทัยรัตน์ คังคะสุวรรณ
โพยม วงศ์ภูวรักษ์
27 สิงหาคม 2552 12 ตุลาคม 2553
เพื่อนแนะนำ : เงินด่วน 30 นาทีถูกกฎหมาย, เราชนะรอบ 4, ยืมเงิน 3000 ด่วน, แอพผ่อนของ, กู้เงิน, สมัครบัตรเครดิต, สินเชื่อไม่เช็ค บูโรถูกกฎหมาย