หลังจากตรวจพบผู้ป่วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงทั่วประเทศประมาณ 3.6 ล้านคน และเสี่ยงที่จะป่วยเพิ่มอีกประมาณ 4.2 ล้านคน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กำชับให้ทุกจังหวัดเร่งดำเนินการรณรงค์ให้ความรู้ สร้างพฤติกรรมสุขภาพดีให้ประชาชนทั้งในกลุ่มปกติ กลุ่มเสี่ยงที่จะป่วย และผู้ที่ป่วยแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ป่วย หรือควบคุมอาการไม่ให้รุนแรงจนเกิดโรคแทรกซ้อน หนุนการใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้าน ในการรักษาโรค
นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าว่า ปัจจุบันคนไทยป่วยด้วยโรคที่เกิดจากวิถีชีวิตมากขึ้น โดยเฉพาะโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ซึ่งสาเหตุมาจากการดำเนินชีวิตประจำวัน และส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัวมาก่อนว่าป่วย จะรู้ก็ต่อเมื่อโรคกำเริบแล้ว ทำให้การรักษามีความยุ่งยากซับซ้อนและเสียค่าใช้จ่ายสูงมาก บางโรครักษาไม่หายขาด ต้องใช้ยาควบคุมอาการตลอดชีวิต ในปีนี้จึงมีนโยบายให้ทุกจังหวัดเน้นการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรค โดยจัดทีมออกตรวจสุขภาพประชาชนถึงบ้าน โดยจัดทำโครงการสนองน้ำพระทัยในหลวง ห่วงใยสุขภาพประชาชนขึ้น ถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระชนมายุครบ 84 พรรษา ในปี 2554 แบ่งเป็น 2 ระยะ
ระยะที่ 1 ดำเนินเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน – 5 ธันวาคม 2552 ที่ผ่านมา พบป่วยด้วยโรคเบาหวานและความดันโลหิตสูงประมาณ 3.6 ล้านคน และพบมีโรคแทรกซ้อนทางตา ไต หัวใจ สมอง และเท้า แล้วเกือบ 2 แสนคน และยังพบผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะป่วยเป็นโรคเบาหวานหรือความดันโลหิตสูงอีก ประมาณ 4.2 ล้าน จึงได้กำชับให้นายแพทย์สาธารณสุขทุกจังหวัดให้จัดโครงการระยะที่ 2 เพื่อรณรงค์ให้ความรู้การดูแลสุขภาพในกลุ่มปกติเพื่อไม่ให้ป่วย สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่จะป่วย ให้รณรงค์ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยง เช่นการรับประทานอาหาร ออกกำลังกาย ลดละเลิกสุรา บุหรี่ ความเครียด ส่วนผู้ที่ป่วยแล้ว นำเข้าสู่ระบบบริการสาธารณสุข เพื่อควบคุมอาการไม่ให้รุนแรงจนเกิดโรคแทรกซ้อนได้ รวมทั้งสนับสนุนการใช้ภูมิปัญญาพื้นบ้าน ในการรักษาโรค ซึ่งจะดำเนินต่อเนื่อง และประเมินผลในปี 2554
ที่มา กระทรวงสาธารณสุข