อ่าน: 271
Minocycline (มิโนซัยคลิน )
มิโนซัยคลิน (minocycline) เป็นยาปฏิชีวนะในกลุ่มเททราซัยคลิน (tetracyclines) ใช้รักษาโรคติดเชื้อแบคทีเรียที่ไวต่อยานี้ เช่น โรคปอดอักเสบ โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ โรคติดเชื้อที่ผิวหนัง สิว และโรคติดเชื้อที่ระบบทางเดินปัสสาวะ เป็นต้น
- ยาในกลุ่มเททราซัยคลิน มีหลายชนิด แต่ละชนิดอาจใช้ในการรักษาการติดเชื้อที่ต่างกัน
- ยาตัวหนึ่ง ๆ ในกลุ่มนี้อาจใช้ทดแทนตัวอื่น ๆ ในกลุ่มเดียวกันไม่ได้ บางครั้งอาจให้ร่วมกับยาฆ่าเชื้อ (ยาปฏิชีวนะ) ตัวอื่น ๆ
- ยาในกลุ่มเททราซัยคลินไม่ได้ใช้รักษาไข้หวัดหรือการติดเชื้อไวรัสอื่น ๆ
โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านเคยมีอาการผิดปกติใดๆหรือมีประวัติการแพ้ยามิโนซัยคลิน (minocycline) หรือ ยาในกลุ่มเททราซัยคลิน (tetracyclines) ตัวอื่น หรือ ส่วนประกอบใด ๆ ในยานี้ รวมทั้งการมีประวัติเคยแพ้สารอื่นๆ เช่น อาหาร, สารกันเสีย, สี เป็นต้น
- การรับประทานยาร่วมกับนมและผลิตภัณฑ์นมอาจลดการดูดซึมยาได้ หากจำเป็นต้องรับประทานให้รับประทานห่างกันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
- ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริมที่มีธาตุเหล็ก หรือแคลเซียมเป็นส่วนประกอบระหว่างรับประทานยานี้ หากจำเป็นต้องรับประทานให้รับประทานห่างกันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
ABCDX
รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'D' สำหรับสตรีมีครรภ์
ยามีความเสี่ยงในการก่อให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์ อย่างไรก็ตาม อาจใช้ยานี้ได้ หากพิจารณาแล้วว่าประโยชน์จากการใช้ยามีมากกว่าความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ ดังนั้นการพิจารณาใช้ยาให้อยู่ในดุลยพินิจของแพทย์
ห้ามใช้ยานี้ระหว่างตั้งครรภ์ เนื่องจากอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสีของฟัน (เหลือง-เทา-น้ำตาล) ทารกในครรภ์และการเจริญเติบโตของกระดูกและฟันทารกในครรภ์ช้าลง นอกจากนี้เกิดทำให้เกิดพิษต่อตับในสตรีตั้งครรภ์ที่ใช้ยาในขนาดสูงฉีดเข้าหลอดเลือดดำ
ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ระหว่างให้นมบุตรเนื่องจากยาสามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมได้ และอาจทำให้ฟันของเด็กที่ได้รับน้ำนมมารดาเปลี่ยนสี และการเจริญของกระดูกและฟันช้าลง นอกจากนี้อาจทำให้เด็กที่ได้รับน้ำนมเกิดการแพ้แสงแดด และติดเชื้อราในช่องปากและช่องคลอดได้
ไม่ควรใช้ยานี้ในเด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี เนื่องจากอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนสีของฟันอย่างถาวร (เหลือง-เทา-น้ำตาล) และทำให้การเจริญของกระดูกช้าลง เว้นแต่ว่าแพทย์สั่ง
ยาหลายชนิดยังไม่มีการศึกษาในผู้สูงอายุ ดังนั้นจึงยังไม่ทราบผลที่แท้จริงว่าเป็นเช่นเดียวกันกับผู้ป่วยวัยอื่นหรือไม่ รวมทั้งยังไม่ทราบว่ายานี้ทำให้เกิดอาการข้างเคียง, ปัญหาใดๆ ที่แตกต่างกันในผู้สูงอายุกับวัยอื่นหรือไม่ เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการเปรียบเทียบการใช้ยากลุ่มเททราซัยคลิน (tetracyclines) ในผู้สูงอายุกับวัยอื่น ๆ
ถึงแม้ว่ายาบางอย่างไม่ควรใช้ร่วมกัน ในบางกรณีที่จำเป็นอาจใช้ร่วมกันได้ถึงแม้ว่าอันตรกิริยาอาจเกิดขึ้นก็ตาม โดยแพทย์อาจปรับเปลี่ยนขนาดยาหรืออาจมีข้อควรระวังอื่นๆ ที่จำเป็น เมื่อท่านต้องการจะรับประทานยามิโนซัยคลิน (minocycline) ท่านต้องแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านกำลังใช้ยาต่อไปนี้อยู่
| ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรับประทาน (oral contraceptives) |
แอซิทรีทิน (acitretin) |
| อะลูมินัมคาร์บอเนต (aluminum carbonate) |
อะลูมินัมไอดรอกไซด์ (aluminum hydroxide) |
| อะลูมินัมฟอสเฟต (aluminum phosphate) |
บิสมัทซับซาลิซิเลต (bismuth subsalicylate) |
| แคลเซียม (calcium) |
ซิซาทราคิวเรียม (cisatracurium) |
| ไดคิวมารอล (dicumarol) |
ดิจอกซิน (digoxin) |
| ไดไฮดรอกซีอะลูมินัมแอมิโนแอซิเทต (dihydroxyaluminum aminoacetate) |
ไดไฮดรอกซีอะลูมินัมโซเดียมคาร์บอเนต (dihydroxyaluminum sodium carbonate) |
| เอไทนิลเอสทราไดออล (ethinyl estradiol) |
ธาตุเหล็ก (iron) |
| ไอโซเทรทินอยด์ (isotretinoin) |
แมกอลเดรต (magaldrate) |
| แมกนีเซียมคาร์บอเนต (magnesium carbonate) |
แมกนีเซียมไฮดรอกไซด์ (magnesium hydroxide) |
| แมกนีเซียมออกไซด์ (magnesium oxide) |
แมกนีเซียมไทรซิลิเคต (magnesium trisilicate) |
| เมสทรานอล (mestranol) |
นอร์เอทินโดรน (norethindrone) |
| เพนิซิลลิน จี โพรเคน (penicillin G procaine) |
เพนิซิลลิน วี (penicillin V) |
| นอร์เจสเทรล (norgestrel) |
เพนิซิลลิน จี (penicillin G) |
| ราพาคิวโรเนียม (rapacuronium) |
วอร์ฟาริน (warfarin) |
| เอทาซานาเวียร์ (atazanavir) |
ลีโวนอร์เจสเทรล (levonorgestrel) |
| วิตามินเอ (vitamin A) |
ยาลดกรด (antacids) |
ปัญหาความเจ็บป่วยอื่นที่ท่านเป็นอยู่อาจส่งผลต่อการใช้ยามิโนซัยคลิน (minocycline) ท่านควรแจ้งแพทย์หากท่านมีภาวะเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น
- ควรใช้ยาอย่างระมัดระวัง ในผู้ป่วยที่มีการทำงานบกพร่องของตับและไต หรือร่วมกับยาที่มีแนวโน้มว่าเป็นพิษต่อตับ
- กลุ่มอาการภูมิต้านทานตนเอง (autoimmune syndromes)
ยานี้มีจำหน่ายในรูปแบบแคปซูล
- ควรรับประทานตอนท้องว่าง หนึ่งชั่วโมงก่อนอาหาร หรือสองชั่วโมงหลังอาหาร หากมีอาการคลื่นไส้อาเจียนอาจรับประทานพร้อมอาหารก็ได้
- รับประทานโดยกลืนยาทั้งเม็ด ห้ามบด เคี้ยวเม็ดยา แล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ
- รับประทานยานี้ติดต่อกันทุกวันจนยาหมด แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
- ยานี้จะใช้ได้ผลดีเมื่อมีระดับยาในเลือดคงที่จึงไม่ควรลืมรับประทานยา และอาจรับประทานยาตามเวลา เช่น รับประทานยาทุก 6 ชั่วโมง
- ถ้าจำเป็นต้องรับประทานธาตุเหล็กหรือแคลเซียมเสริม ควรรับประทานห่างจากยาอย่างน้อย 2 ชั่วโมง
- ยาลดกรดบางอย่างจะรบกวนการดูดซึมของยา ควรรับประทานห่างจากมิโนซัยคลิน (minocycline) อย่างน้อย 2 ชั่วโมง
ขนาดยาของยามิโนซัยคลิน (minocycline) อาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรหรือตามที่ฉลากระบุ
จำนวนครั้งของการรับประทานยาในแต่ละวัน, ระยะห่างของการรับประทานยาในแต่ละครั้งและระยะเวลาที่ท่านรับประทานยาขึ้น อยู่กับสภาวะโรคของท่านที่ท่านต้องรับประทานยามิโนซัยคลิน
หากท่านลืมรับประทานยาให้รีบรับประทานทันทีที่นึกได้ ถ้าใกล้ถึงมื้อต่อไปให้ข้ามมื้อที่ลืมและรับประทานยาต่อในมื้อถัดไปในขนาดยา ปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
- เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก
- เก็บให้ห่างจากความร้อนและหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
- ห้ามเก็บยาไว้ในห้องน้ำ ใกล้อ่างล้างมือหรือที่ชื้น เนื่องจากความร้อนหรือความชื้นอาจเป็นสาเหตุให้ยาเสื่อมคุณภาพ
- ทิ้งยาเมื่อยาหมดอายุ
หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน ( 2-3 สัปดาห์หรือเดือนสำหรับการรักษาสิว) หรืออาการยิ่งแย่ลงกว่าเดิม ควรกลับไปพบแพทย์
- ก่อนใช้ยามิโนซัยคลิน (minocycline) ควรแน่ใจก่อนว่าผู้ป่วยไม่เคยมีประวัติแพ้ยาอื่นในกลุ่มเททราซัยคลิน (tetracyclines) และควรสังเกตอาการแพ้ยาอย่างใกล้ชิดถ้าผู้ป่วยเคยมีประวัติแพ้ยาดังกล่าวและได้รับยาเททราซัยคลิน เพราะมีโอกาสเกิดการแพ้ข้ามกันได้
- การใช้มิโนซัยคลิน (minocycline) จะเปลี่ยนแปลงเชื้อที่อาศัยอยู่ตามปกติในลำไส้ใหญ่ และอาจทำให้เชื้อคลอสทริเดีย(clostridia) เจริญมากเกินไป ทำให้เกิดท้องร่วงจากเชื้อแบคทีเรีย คลอสทริเดียม ดิฟฟิไซล์ ( Clostridium difficile associated diarrhea) รวมทั้งลำไส้ใหญ่อักเสบเหตุจากยาต้านจุลชีพ (pseudomembranous colitis) ควรพบแพทย์ทันทีหากมีอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำหรือท้องร่วงรุนแรงซึ่งอาจมีเลือดปนโดยมีหรือไม่มีอาการปวดเกร็งหน้าท้องและไข้ก็ได้ และห้ามใช้ยารักษาอาการท้องร่วง โดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อน เพราะการใช้ยาแก้ท้องร่วงอาจทำให้อาการเหล่านี้ยิ่งรุนแรงขึ้น
หมายเหตุ อาการปวดเกร็งหน้าท้องและถ่ายเหลวเป็นน้ำหรือท้องร่วงรุนแรงซึ่งอาจมีเลือดปน อาจเกิดขึ้นได้หลังจากที่หยุดใช้ยานี้แล้วเป็นเวลาหลายสัปดาห์
- ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรับประทานมีส่วนผสมของเอสโทรเจน (estrogen) อาจออกฤทธิ์ไม่เต็มที่หากท่านใช้ยาคุมกำเนิดในขณะที่กำลังใช้มิโนซัยคลิน (minocycline) และอาจทำให้เกิดการตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ ท่านควรเลือกใช้วิธีคุมกำเนิดโดยวิธีอื่นหรือใช้วิธีคุมกำเนิดแบบอื่นร่วมด้วยในขณะที่ท่านกำลังใช้มิโนซัยคลิน หากท่านมีข้อสงสัยควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
- ก่อนการผ่าตัดหรือถอนฟันร่วมกับการใช้ยาสลบ ควรแจ้งแพทย์ว่าท่านกำลังใช้ยามิโนซัยคลิน (minocycline)
- การใช้ยามิโนซัยคลิน (minocycline) เป็นเวลานานอาจทำให้เกิดการดื้อยาและการเจริญมากไปของเชื้อที่ดื้อยาได้ ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ซ้ำซ้อนได้ (superinfection)
- การใช้ยามิโนซัยคลิน (minocycline) อาจทำให้ผิวหนังไวต่อแสงมากขึ้น ซึ่งแสดงออกโดยผิวหนังจะแดงและอักเสบได้ง่ายเมื่อถูกแสงแดด ควรหลีกเลี่ยงแสงแดด ต้องไม่สัมผัสกับแสงแดดโดยตรง ควรสวมเสื้อผ้าที่ป้องกันแสงแดด แว่นตากันแดด ใช้ครีมกันแดด ที่มีเอสพีเอฟ (SPF 15) ขึ้นไป โดยอาการนี้อาจยังคงอยู่หลายเดือนหลังจากหยุดยาไปแล้ว ควรรีบพบแพทย์ถ้ามีอาการรุนแรงขึ้น
- ยามิโนซัยคลิน (minocycline) อาจรบกวนการวัดระดับสารสื่อประสาทกลุ่มแคทีโคลามีน (catecholamines)ในปัสสาวะก่อนที่ท่านจะรับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์ทุกครั้งว่าท่านกำลังใช้ยานี้อยู่
ยาอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงบางอย่างที่ไม่ต้องการ ถึงแม้ว่าอาการข้างเคียงต่อไปนี้อาจไม่ได้เกิดขึ้นทั้งหมด แต่หากเกิดอาการข้างเคียงขึ้นควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม
ก. พบแพทย์โดยเร็วหากมีอาการต่อไปนี้
พบบ่อย
พบน้อยมาก
- ปวดท้อง, ทารกมีกระหม่อมโป่งที่ศีรษะ (bulging fontanel),ปวดศีรษะ, เบื่ออาหาร, คลื่นไส้อาเจียน, การมองเห็นเปลี่ยนไป, ตัวเหลือง
ข.อาการข้างเคียงอื่นๆ อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา อาการข้างเคียงเหล่านี้จะหายไปในระหว่างการรักษาหรือหยุดยาไปแล้วเนื่องจากร่างกายจะปรับตัว เข้ากับยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถ้าอาการข้างเคียงเหล่านี้เกิดขึ้นติดต่อกันนาน หรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของท่าน
พบบ่อย
- ปวดเกร็งหรือแสบร้อนกระเพาะอาหาร, ท้องร่วง
พบน้อย
- ติดเชื้อราช่องคลอด, เจ็บปากหรือลิ้น
ค. อาการข้างเคียงอื่น ๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยบางราย หากท่านสังเกตเห็นอาการข้างเคียงอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ยานี้จัดอยู่ในกลุ่มยาต่อไปนี้
ยานี้เกี่ยวข้องกับยาต่อไปนี้
Chlortetracycline, Chlortetracycline (Ophthalmic) , Chlortetracycline (Topical) , Doxycycline , Oxytetracycline, Oxytetracycline and Polymyxin B (Ophthalmic), Oxytetracycline and Polymyxin B (Topical), Tetracycline (Oral or Injection) , Tetracycline (Topical) , Tetracycline, Sulfamethizole, and Phenazopyridine
ยานี้มีชื่อทางการค้าต่อไปนี้
Mino 50 mg capsules (ไมโน 50 มก แคปซูล), Mynofect - 50 capsule (มายโนเฟ็กต์ - 50 แคปซูล), Mynofect - 100 capsule (มายโนเฟ็กต์ - 100 แคปซูล)
ข้อมูลนี้ไม่สมบูรณ์ ยานี้อาจจะยังมีชื่อทางการค้าอื่นที่ไม่ได้แสดงในนี้ หรือชื่อทางการค้าที่แสดงในนี้อาจจะไม่อนุญาตให้จำหน่ายแล้ว
ยานี้มีชื่อภาษาไทยอื่นที่มีการใช้ดังต่อไปนี้
มิโนไซคลีน
ข้อมูลนี้ไม่สมบูรณ์ ยานี้อาจจะยังมีชื่อภาษาไทยอื่นที่อาจมีการใช้ ซึ่งไม่ได้แสดงในนี้
- กองควบคุมยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข. สืบค้นทะเบียนยาสามัญสำหรับยาเดี่ยว.Minocycline . Available at: http://wwwapp1.fda.moph.go.th/ed2547/?url=14 Access Date: May 6, 2010.
- DRUGDEX® System:Klasco RK (Ed): DRUGDEX® System (electronic version). Thomson Micromedex, Greenwood Village, Colorado, USA. Available at: http://www.thomsonhc.com (cited: 4/5/2010).
- McEvoy GK, Snow EK, Miller J et al. AHFS Drug information 2009. the American Society of Health-System Pharmacists,Inc.Bestheda. 2009. p459-462
- Micromedex Thomson Healthcare. Advice for the Patient Drug Information in Lay Language USP DI, volume ll. 25th ed. Massachusetts: Micromedex Thomson Healthcare, 2005: p 1563-1566.
- MedlinePlus Trusted Health Information for You. Minocycline .Available at : http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/druginfo/meds/a682101.html Access Date: May 4, 2010.