เฟอร์รัสซัลเฟต (ferrous sulfate) เป็นเกลือของธาตุเหล็ก ซึ่งอยู่ในรูปแบบรับประทานใช้สำหรับเสริมธาตุเหล็กสำหรับผู้ที่มีภาวะโลหิตจางจากธาตุเหล็ก หรือมีความเสี่ยงจากการขาดธาตุเหล็ก
แพทย์อาจสั่งใช้ยานี้เพื่อรักษาโรคหรืออาการอื่นที่นอกเหนือจากนี้ ควรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากแพทย์และเภสัชกร
ธาตุเหล็กเป็นเกลือแร่ที่มีความจำเป็นในการสร้างฮีโมโกลบินซึ่งเป็นส่วนประกอบในเม็ดเลือดแดง หากร่างกายได้รับไม่เพียงพอจะทำให้เกิดโรคโลหิตจาง
ธาตุเหล็กมีอยู่มากในอาหารหลายชนิด หากรับประทานอาหารได้ตามปกติและรับประทานอาหารครบถ้วน ก็ไม่จำเป็นต้องได้รับธาตุเหล็กเสริม อย่างไรก็ตาม มีคนบางกลุ่มที่มีความต้องการธาตุเหล็กเพิ่มขึ้น เช่น ผู้สูญเสียเลือด, ผู้ป่วยโรคไตที่ทำฮีโมไดแอลิสิส (haemodialysis), ผู้มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะและลำไส้, ผู้รับประทานอาหารได้น้อยหรือรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็กไม่เพียงพอ, ทารกที่ได้รับนมแม่หรือนมผสมที่มีธาตุเหล็กต่ำ และหากได้รับไม่เพียงพอจะทำให้เกิดอาการของการขาดธาตุเหล็กได้ ผู้ที่ขาดธาตุเหล็กจะมีอาการเหนื่อยง่าย หายใจได้สั้น ๆ เคลื่อนไหวเชื่องช้าลง และมีปัญหาในการเรียนรู้ และทำให้มีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
แหล่งของอาหารที่มีธาตุเหล็กมากคือ เนื้อสัตว์, ปลา, สัตว์ปีก, ถั่ว ผลไม้แห้งและเมล็ดธัญญพืช ธาตุเหล็กในอาหารมีสองรูปแบบคือ เหล็กในรูปแบบฮีม (heam iron) ซึ่งดูดซึมในทางเดินอาหารได้ดี และเหล็กที่ไม่ใช่ฮีม (nonheam iron) ซึ่งดูดซึมได้น้อยกว่ารูปแบบฮีม แหล่งของอาหารที่ธาตุเหล็กแบบฮีม คือ เนื้อแดงไม่ติดมัน (เนื้อสัตว์สี่เท้า) สำหรับเนื้อสัตว์ปีกและปลามีธาตุเหล็กเช่นกันแต่มีน้อยกว่าเนื้อแดง ส่วนเมล็ดธัญญพืช ถั่ว และผักบางชนิดมีธาตุเหล็กในรูปแบบที่ไม่ใช่ฮีม
ไม่ควรเริ่มต้นรับประทานเฟอร์รัสซัลเฟตเสริมเองโดยไม่ได้รับการตรวจจากแพทย์ เนื่องจากภาวะโลหิตจางไม่ได้เกิดจากการขาดธาตุเหล็กเพียงอย่างเดียว แต่เกิดได้ทั้งจากการขาดสารอาหารอื่นด้วย เช่น วิตามินบี 12, กรดโฟลิก นอกจากนี้อาจเกิดจากการสูญเสียเลือด หรือ เม็ดแดงถูกทำลายด้วยสาเหตุต่าง ๆ เช่น ยา, โรคธาลัสซีเมีย (thalassaemia) โดยเฉพาะผู้ที่เม็ดเลือดแดงถูกทำลายจะมีเหล็กออกมาจากเม็ดเลือดที่ถูกทำลายและสะสมอยู่ในร่างกายอยู่แล้ว เมื่อได้รับธาตุเหล็กจากยาที่รับประทานเข้าไปอีกจะยิ่งเสริมทำให้เกิดพิษจากธาตุเหล็กได้
ขนาดยาของเฟอร์รัสซัลเฟตสำหรับรับประทานต้องคำนวณในรูปของธาตุเหล็ก (elemental iron) เช่น เฟอร์รัสซัลเฟตซึ่งมีน้ำ 7 โมเลกุล (heptahydrate) 300 มิลลิกรัม มีธาตุเหล็ก 60 มิลลิกรัม และเฟอร์รัสซัลเฟตแบบไม่มีน้ำ (anhydrous) 200 มิลลิกรัม มีธาตุเหล็ก 65 มิลลิกรัม
โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านเคยมีอาการผิดปกติใด ๆ หรือมีประวัติการแพ้ยาที่มีเฟอร์รัสซัลเฟต (ferrous sulfate ) หรือธาตุเหล็กรูปแบบอื่น หรือ ส่วนประกอบใด ๆ ในยาเหล่านี้ รวมทั้งการมีประวัติเคยแพ้สารอื่นๆ เช่น อาหาร สารกันเสียหรือสี เป็นต้น
เมื่อรับประทานเฟอร์รัสซัลเฟต (ferrous sulfate ) ร่วมกับอาหารบางชนิดจะทำให้ลดการดูดซึมธาตุเหล็กเข้าสู่กระแสเลือดทำให้ลดประสิทธิผลของเฟอร์รัสซัลเฟต จึงควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเหล่านี้ในปริมาณมาก ๆ ร่วมกับเฟอร์รัสซัลเฟต หากท่านจะรับประทานอาหารเหล่านี้ ควรรับประทานอาหารเหล่านี้ให้ห่างจากการรับประทานเฟอร์รัสซัลเฟตอย่างน้อย 1 – 2 ชั่วโมง
รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'A' สำหรับสตรีมีครรภ์
โดยจัดตามกลุ่มยาที่มีผลต่อสตรีมีครรภ์ของประเทศสหรัฐอเมริกา ประเภท A
จากการศึกษาในมนุษย์ ไม่พบความเสี่ยงในการก่อให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์เมื่อใช้ยาในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ และไม่มีหลักฐานทางวิชาการที่แสดงให้เห็นว่ามีความเสี่ยงต่อการเกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์เมื่อใช้ยาหลังจาก 3 เดือนแรก ดังนั้น สตรีมีครรภ์จึงควรสามารถใช้ยานี้ได้อย่างปลอดภัย
หมายเหตุ หากยึดตามการจัดกลุ่มยาที่มีผลต่อสตรีมีครรภ์ของประเทศสหรัฐอเมริกา (US pregnancy category) จะไม่มีข้อมูลการจัดยาเฟอร์รัสซัลเฟต (ferrous sulfate ) ว่าอยู่ในประเภทใด แต่หากยึดตามการจัดกลุ่มยาที่มีผลต่อสตรีมีครรภ์ของประเทศออสเตรเลีย ยานี้จะอยู่ในกลุ่มเอ (A)
สตรีมีครรภ์จำเป็นต้องได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอ ในช่วง 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์หากรับประทานอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็กเพียงพอก็ไม่จำเป็นต้องได้รับธาตุเหล็กเสริม
อย่างไรก็ตามในช่วง 6 เดือนหลังของการตั้งครรภ์ ทารกในครรภ์มีความต้องการธาตุเหล็กในการพัฒนาการเพิ่มขึ้น สตรีมีครรภ์จึงต้องได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอ แต่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาเฟอร์รัสซัลเฟตปริมาณมากในระหว่างมีครรภ์ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อทั้งแม่ และ/หรือ ทารกในครรภ์
สตรีกำลังให้นมบุตรต้องได้รับธาตุเหล็กอย่างเพียงพอ เพราะมีความจำเป็นสำหรับการเจริญของทารกที่ดื่มนม ในน้ำนมตามปกติจะมีธาตุเหล็กอยู่ระดับหนึ่ง ยังไม่มีรายงานว่ามีปัญหาใดเกิดขึ้นในทารกที่ดื่มนมแม่ที่ได้รับยาเฟอร์รัสซัลเฟต (ferrous sulfate ) แต่อย่ารับประทานยาเฟอร์รัสซัลเฟตด้วยตนเองก่อนปรึกษาแพทย์ เพราะหากแม่หรือทารกมีธาตุเหล็กสะสมในร่างกายมากอยู่แล้วจะทำให้มีการสะสมธาตุเหล็กในร่างกายมากขึ้นจนเกิดอันตรายได้ และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาเฟอร์รัสซัลเฟตในปริมาณมากในระหว่างให้นมบุตร เพราะอาจเป็นอันตรายต่อทั้งแม่ และ/หรือ ทารกที่ดื่มนมได้
ไม่มีรายงานว่าพบปัญหาใด ๆ ในเด็กที่รับประทานยาเฟอร์รัสซัลเฟต (ferrous sulfate ) ตามปริมาณปกติที่ควรได้รับต่อวัน อาการข้างเคียงของยาเฟอร์รัสซัลเฟตที่พบในเด็กและผู้ใหญ่ไม่ได้มีความแตกต่างกัน แต่ก็ต้องระมัดระวังเพราะมีรายงานเด็กรับประทานเฟอร์รัสซัลเฟตมากเกินไปโดยอุบัติเหตุ จนทำให้เกิดพิษต่อร่างกาย เนื่องจากเด็กเข้าใจผิดว่ายาที่มีธาตุเหล็กเป็นลูกอมหรือขนมกินเล่น
ไม่มีรายงานว่าพบปัญหาใด ๆ ในผู้สูงอายุที่รับประทานยาเฟอร์รัสซัลเฟต (ferrous sulfate ) ตามปริมาณปกติที่ควรได้รับต่อวัน บางครั้งผู้สูงอายุอาจต้องการยาที่มีธาตุเหล็กในปริมาณสูงกว่าคนหนุ่มสาว เนื่องจากมีปัญหาในการดูดซึมธาตุเหล็กเข้าสู่ร่างกาย อย่างไรก็ตามอย่าเพิ่มปริมาณยาเฟอร์รัสซัลเฟตด้วยตนเอง ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร
ถึงแม้ว่ายาบางอย่างไม่ควรใช้ร่วมกัน ในบางกรณีที่จำเป็นอาจใช้ร่วมกันได้ถึงแม้ว่าอันตรกิริยาอาจเกิดขึ้นก็ตาม โดยแพทย์อาจปรับเปลี่ยนขนาดยาหรืออาจมีข้อควรระวังอื่นๆ ที่จำเป็น เมื่อท่านต้องการจะรับประทานยาเฟอร์รัสซัลเฟต (ferrous sulfate ) ท่านต้องแจ้งบุคลากรทางการแพทย์ หากท่านกำลังใช้ยาต่อไปนี้
ก. ยาที่เฟอร์รัสซัลเฟตมีผลรบกวนการดูดซึม ทำให้ยาถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดลดลง และลดผลการรักษาได้ เช่น
ข. ยาที่ลดการดูดซึมธาตุเหล็กเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้ประสิทธิผลของยาเฟอร์รัสซัลเฟตลดลง
ค. ยาที่เมื่อใช้ร่วมกับยาเฟอร์รัสซัลเฟตอาจทำให้ประสิทธิผลของยาทั้งสองชนิดลดลง
ง. ยาที่เมื่อใช้ร่วมกับยาเฟอร์รัสซัลเฟตจะทำให้เกิดอันตรายได้
ปัญหาความเจ็บป่วยอื่นที่ท่านเป็นอยู่อาจส่งผลต่อการใช้ยาเฟอร์รัสซัลเฟต (ferrous sulfate ) ท่านควรแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านมีสภาวะเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น
ยาเฟอร์รัสซัลเฟต (ferrous sulfate ) ใช้ในการรักษาโรคได้หลายสภาวะ แต่ละสภาวะอาจมีวิธีการใช้ยาแตกต่างกัน และยาแต่ละรูปแบบก็มีวิธีการใช้ยาที่แตกต่างกัน ให้ใช้ตามคำแนะนำตามฉลากยา หรือใช้ตามแนวทางทั่วไป ดังนี้
ก. ชนิดยาเม็ดธรรมดาข. ชนิดยาน้ำ เช่น ยาน้ำเชื่อม หรือยาชนิดหยดแบบยาแขวนตะกอน (drop suspension)
ขนาดยาเฟอร์รัสซัลเฟต (ferrous sulfate ) อาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ หรือ เภสัชกร หรือ ตามที่ระบุไว้บนฉลากยา
หากท่านลืมรับประทานยาให้รีบรับประทานทันทีที่นึกได้ ถ้าใกล้ถึงมื้อต่อไปให้ข้ามมื้อที่ลืมและรับประทานยาต่อในมื้อถัดไปในขนาดยาปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
อาการของการได้รับธาตุเหล็กเกินขนาดแบ่งได้เป็นสองระยะดังนี้
_อาการเริ่มแรกที่บ่งบอกว่าได้รับธาตุเหล็กมากเกินไป¬
อาการในระยะหลังจากการได้รับธาตุเหล็กมากเกินไป
ยาอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงบางอย่างที่ไม่ต้องการ ถึงแม้ว่าอาการข้างเคียงต่อไปนี้อาจไม่ได้เกิดขึ้นทั้งหมด แต่หากเกิดอาการข้างเคียงขึ้นควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม ยานี้อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียงมากขึ้น ในกรณีที่ใช้ยามากเรับประทานไป นานเรับประทานไป หรือ ใช้ในผู้ที่เป็นโรคไต
ก.ควรพบแพทย์ทันที หากมีอาการข้างเคียงต่อไปนี้
พบบ่อย
พบน้อย
ข. อาการข้างเคียงอื่น ๆ อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา อาการข้างเคียงเหล่านี้จะหายไปในระหว่างการรักษาเนื่องจากร่างกายจะปรับตัว เข้ากับยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถ้าอาการข้างเคียงเหล่านี้เกิดขึ้นติดต่อกันนาน หรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของท่าน
พบบ่อย
ยานี้จัดอยู่ในกลุ่มยาต่อไปนี้
ยานี้เกี่ยวข้องกับยาต่อไปนี้
Ferric ammonium citrate, Ferrous fumarate, Iron hydroxide polymaltose complex Or Ferric hydroxide polymaltose complex
ยานี้มีชื่อทางการค้าต่อไปนี้
Befermed, tab (บีเฟอร์เมด, เม็ด), Fer - in - sol (drops), solution (เฟอ-อิน-ซอล, ชนิดหยด), Ferrous sulphate tablets (ยาเม็ดเฟอร์รัสซัลเฟต), Ferrous sulfate, tab (เฟอร์รัสซัลเฟต, ยาเม็ด), Ferrotabs, tab (เฟอร์โรแทบส์, ยาเม็ด), Pediron, drop syrup (เพดิรอน, ยาน้ำเชื่อม), Pheramine, tab (ฟีรามิน, เม็ด)
ข้อมูลนี้ไม่สมบูรณ์ ยานี้อาจจะยังมีชื่อทางการค้าอื่นที่ไม่ได้แสดงในนี้ หรือชื่อทางการค้าที่แสดงในนี้อาจจะไม่อนุญาตให้จำหน่ายแล้ว