แคลเซียมซิเทรต (calcium citrate) หรืออาจเรียกว่า แคลเซียมซิเทรตเททราไฮเดรต (calcium citrate tetrahydrate) ใช้เพื่อเสริมแคลเซียมสำหรับผู้ที่ได้รับแคลเซียมจากอาหารที่รับประทานตามปกติไม่เพียงพอ หรือผู้ที่มีความต้องการแคลเซียมเพิ่มขึ้น หรือใช้ป้องกันหรือรักษาภาวะต่าง ๆ ที่ทำให้ระดับแคลเซียมในเลือดต่ำ เช่น ผู้มีระดับฮอร์โมนพาราไทรอยด์ต่ำ รวมทั้งใช้รักษาภาวะฟอสเฟตในเลือดสูง
แพทย์อาจสั่งใช้ยานี้เพื่อรักษาโรคหรืออาการอื่นที่นอกเหนือจากนี้ ควรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากแพทย์และเภสัชกร
แคลเซียมมีความจำเป็นในการทำให้กระดูกแข็งแรง และมีความจำเป็นสำหรับการทำงานของหัวใจ กล้ามเนื้อ และระบบประสาท
กระดูกเป็นแหล่งเก็บแคลเซียมในร่างกาย โดยกระดูกจะปล่อยแคลเซียมออกไปในกระแสเลือดอย่างต่อเนื่อง เมื่อในเลือดมีแคลเซียมไม่เพียงพอที่จะใช้ในการทำงานของหัวใจและอวัยวะต่าง ๆ ก็จะมีการดึงแคลเซียมออกมาจากกระดูก และเมื่อรับประทานอาหารที่มีแคลเซียม แคลเซียมจะไปสะสมอยู่ที่กระดูก เพื่อให้เกิดการสมดุลของแคลเซียมที่กระดูกและในเลือด หากร่างกายได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอก็จะทำให้เกิดโรคกระดูกพรุนได้
สตรีมีครรภ์, ผู้ให้นมบุตร, เด็ก และวัยรุ่นอาจต้องการแคลเซียมมากกว่าที่ได้รับจากอาหารตามปกติ ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนอาจได้รับแคลเซียมเสริมเพื่อป้องกันภาวะกระดูกพรุน (osteoporosis) ซึ่งทำให้กระดูกหักได้ง่าย ภาวะกระดูกพรุนในผู้หญิงที่หมดประจำเดือนเกิดจากปริมาณฮอร์โมนเอสโทรเจนที่รังไข่ผลิตได้น้อยลงและทำให้กระดูกบางลง อย่างไรก็ตามการรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมต่ำในวัยเด็กและวัยรุ่นยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุนได้มากขึ้น
ขนาดของยาแคลเซียมซิเทรตต้องพิจารณาตามปริมาณแคลเซียมที่มีอยู่ในแคลเซียมซิเทรต โดยแคลเซียมซิเทรต 100 กรัมมีปริมาณแคลเซียม 21.1 กรัม ดังนั้นปริมาณแคลเซียมในยาที่มีแคลเซียมซิเทรตปริมาณต่าง ๆ เป็นดังนี้
โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านเคยมีอาการผิดปกติใดๆ หรือมีประวัติการแพ้แคลเซียมซิเทรต (calcium citrate) หรือ ส่วนประกอบใด ๆ ในยาเหล่านี้ รวมทั้งการมีประวัติเคยแพ้สารอื่นๆ เช่น อาหาร สารกันเสียหรือสี เป็นต้น
รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'C' สำหรับสตรีมีครรภ์
จากการศึกษาในสัตว์พบว่ายาทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์ แต่ไม่มีรายงานการศึกษาที่ควบคุมอย่างดีในมนุษย์ หรือ ไม่มีรายงานการศึกษาในมนุษย์และสัตว์ถึงผลของยาต่อตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์ ดังนั้น ควรใช้ยานี้เมื่อมีการประเมินแล้วว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์
อย่างไรก็ตาม สตรีมีครรภ์จำเป็นต้องได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ เพราะมีความจำเป็นสำหรับการเจริญของทารกในครรภ์ แต่ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาแคลเซียมปริมาณมากในระหว่างมีครรภ์ เพราะอาจเป็นอันตรายต่อทั้งแม่ และ/หรือ ทารกในครรภ์
สตรีกำลังให้นมบุตรต้องได้รับแคลเซียมอย่างเพียงพอ เพราะมีความจำเป็นสำหรับการเจริญของทารกที่ดื่มนม อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานยาแคลเซียมซิเทรต (calcium citrate) ปริมาณมากในระหว่างให้นมบุตร เพราะอาจเป็นอันตรายต่อทั้งแม่ และ/หรือ ทารกที่ดื่มนม
ไม่มีรายงานว่าพบปัญหาใด ๆ ในเด็กที่รับประทานแคลเซียมซิเทรต (calcium citrate) ตามปริมาณแคลเซียมที่ควรได้รับตามปกติต่อวัน
ไม่มีรายงานว่าพบปัญหาใด ๆ ในผู้สูงอายุที่รับประทานแคลเซียมซิเทรต (calcium citrate) ตามปริมาณแคลเซียมที่ควรได้รับตามปกติต่อวัน ผู้สูงอายุควรได้รับแคลเซียมในอาหารอย่างเพียงพอทุกวัน ผู้สูงอายุบางรายอาจต้องได้รับแคลเซียมในปริมาณสูงขึ้น เช่น ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนมีความต้องการแคลเซียมสูงกว่าคนหนุ่มสาว
ถึงแม้ว่ายาบางอย่างไม่ควรใช้ร่วมกัน ในบางกรณีที่จำเป็นอาจใช้ร่วมกันได้ถึงแม้ว่าอันตรกิริยาอาจเกิดขึ้นก็ตาม โดยแพทย์อาจปรับเปลี่ยนขนาดยาหรืออาจมีข้อควรระวังอื่นๆ ที่จำเป็น เมื่อท่านต้องการจะรับประทานยาที่มีแคลเซียมซิเทรต (calcium citrate) ท่านต้องแจ้งบุคลากรทางการแพทย์ หากท่านกำลังใช้ยาต่อไปนี้
ก. ยาที่แคลเซียมซิเทรตมีผลรบกวนการดูดซึม ทำให้ยาถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดลดลง และลดผลการรักษาได้ เช่น
หากจำเป็นต้องใช้ร่วมกันควรรับประทานยาแคลเซียมซิเทรตห่างจากการรับประทานยาเหล่านี้อย่างน้อย 2 ชั่วโมง ยกเว้น ไอโซไนอาซิด (isoniazid) อาจรับประทานห่างจากยาแคลเซียมซิเทรตอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
ข. ยาแคลเซียมซิเทรตอาจลดผลของยา
ค. ยาที่หากใช้ร่วมกับยาแคลเซียมซิเทรตจะทำให้มีระดับแคลเซียมในเลือดสูงและทำให้เกิดอันตรายได้
ปัญหาความเจ็บป่วยอื่นที่ท่านเป็นอยู่อาจส่งผลต่อการใช้ยาแคลเซียม ท่านควรแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านมีสภาวะเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น
แคลเซียมซิเทรต (calcium citrate) ใช้ในการรักษาโรคได้หลายสภาวะ แต่ละสภาวะอาจมีวิธีการใช้ยาแตกต่างกัน ยานี้มีจำหน่ายในรูปแบบยาเม็ด หรือแคปเบลทซึ่งเป็นยาเม็ดที่มีลักษณะรีคล้ายแคปซูล ให้ใช้ตามคำแนะนำตามฉลากยา หรือใช้ตามแนวทางทั่วไป ดังนี้
ก. การรับประทานแคลเซียมซิเทรตเพื่อเสริมแคลเซียมหรือรักษาภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ
ข. การรับประทานแคลเซียมซิเทรตเพื่อรักษาภาวะฟอสเฟตสูง
ขนาดยาของยาแคลเซียมซิเทรต (calcium citrate) อาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ หรือ เภสัชกร หรือ ตามที่ระบุไว้บนฉลากยา
หากท่านลืมรับประทานยาให้รีบรับประทานทันทีที่นึกได้ ถ้าใกล้ถึงมื้อต่อไปให้ข้ามมื้อที่ลืมและรับประทานยาต่อในมื้อถัดไปในขนาดยาปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
ในกรณีที่แพทย์สั่งให้ท่านรับประทานยาแคลเซียมซิเทรต (calcium citrate) ในปริมาณสูงหรือต้องรับยาเป็นเวลานาน แพทย์อาจนัดให้ท่านไปตรวจร่างกายเป็นระยะเพื่อให้แน่ใจว่าใช้ยาได้ผลและไม่ทำให้เกิดผลข้างเคียงจากยา
ยาอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์บางอย่างที่ไม่ต้องการ ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดกับผู้ใช้ยาทุกราย ยานี้อาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์มากขึ้น ในกรณีที่ใช้ยามากเกินไป นานเกินไป หรือ ใช้ในผู้ที่เป็นโรคไต และหากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้นควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม
ก. ควรพบแพทย์ทันที หากมีอาการไม่พึงประสงค์ต่อไปนี้
ข. อาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา อาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้จะหายไปในระหว่างการรักษาเนื่องจากร่างกายจะปรับตัว เข้ากับยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถ้าอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้เกิดขึ้นติดต่อกันนาน หรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของท่าน
พบบ่อย
ยานี้จัดอยู่ในกลุ่มยาต่อไปนี้
ยานี้เกี่ยวข้องกับยาต่อไปนี้
Aluminum hydroxide, Calcium acetate, Calcium carbonate, Calcium carbonate and Calcium gluconolactate or Calcium lactate-gluconate, Calcium carbonate and Vitamin C, Calcium carbonate and Vitamin D2 (Ergocalciferol or Calciferol), Calcium carbonate and Vitamin D3 (Colecalciferol), Calcium carbonate, Calcium gluconate and Calcium lactate, Calcium carbonate, Calcium gluconate, Calcium citrate and Vitamin D3 (Colecalciferol), Calcium carbonate, Calcium lactate-gluconate and Vitamin C, Calcium carbonate, Ferrous fumarate and Zinc, Calcium carbonate, Magnesium sulfate and Zinc sulfate, Calcium carbonate, Tribasic calcium phosphate, Calcium fluoride, Magnesium hydroxide, Vitamin D3 (Colecalciferol), Calcium carbonate, Tribasic calcium phosphate, Magnesium hydroxide, Calcium carbonate, Vitamin D, Vitamin C and Vitamin B6, Calcium carbonate, Vitamin D3 (Colecalciferol), Magnesium, Zinc, Boron, Copper, Manganese , Calcium citrate and Vitamin D3 (Colecalciferol), Calcium gluconate, Calcium lactate, Calcium carbonate, Vitamin D and Vitamin C
ยานี้มีชื่อทางการค้าต่อไปนี้
Calcibon, tab (แคลซิบอน, เม็ด), Citracal, tab (ซิตร้าแคล, เม็ด)
ข้อมูลนี้ไม่สมบูรณ์ ยานี้อาจจะยังมีชื่อทางการค้าอื่นที่ไม่ได้แสดงในนี้ หรือชื่อทางการค้าที่แสดงในนี้อาจจะไม่อนุญาตให้จำหน่ายแล้ว