การศึกษาใหม่อ้างว่า วัยรุ่นที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับมารดา มีแนวโน้มที่จะประสบความสำเร็จและมีความสุขกับชีวิตรักเมื่อโตขึ้น
นักวิจัยจาก Montclair State University ในนิวเจอร์ซีย์ ได้ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างผู้ปกครองกับเด็ก ที่จะส่งผลให้เด็กนำไปสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับผู้อื่นต่อไปในอนาคต โดยได้วิเคราะห์ข้อมูลจากผลการสำรวจแห่งชาติของคู่สมรสในประเทศสหรัฐอเมริกาเกือบ 7,000 คู่ ในระหว่างปี ค.ศ. 1992–1994 ซึ่งนักวิจัยจะทำการสอบถามทุกคนในครอบครัว ได้แก่ มารดา บิดาและบุตรอายุ 10-17 ปี เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขาแต่ละคนในครอบครัว
ต่อจากนั้นอีก 10 ปี (ระหว่างปี ค.ศ.2001-2004) ในขณะนี้บุตรในครอบครัวจะมีอายุประมาณ 20-27 ปี ซึ่งเป็นช่วงที่กำลังมีความรักหรือคู่รักแล้ว นักวิจัยก็ได้ทำการสำรวจอีกครั้งเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา (บุตรอายุ 10-17 ปี เมื่อ 10 ปีที่แล้ว) กับคู่ควงที่พวกเขาเดทด้วยแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน โดยแบ่งการสำรวจออกเป็น 2 ครั้ง ถามเกี่ยวกับลักษณะความสัมพันธ์ ความพึงพอใจในความสัมพันธ์ และปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น
ผลการศึกษาพบว่าวัยรุ่นที่มีความสัมพันธ์ที่อบอุ่นและใกล้ชิดกับมารดาตั้งแต่วัยเด็ก จะมีความพึงพอใจมากในความความสัมพันธ์ของตนเองกับคนรัก และมีความขัดแย้งน้อย แต่กลับไม่พบความเกี่ยวข้องนี้ในวัยรุ่นที่มีความสัมพันธ์ที่อบอุ่น ใกล้ชิดกับบิดา
จากผลการวิจัยนี้ทำให้ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าการที่วัยรุ่นได้เห็น ได้สัมผัสกับความรัก ความผูกพัน และมีความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างตนเองกับมารดา จะทำให้วัยรุ่นมีต้นแบบที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์ของตนเองกับผู้อื่นในอนาคต แต่ก็เสริมว่าความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างบุตรกับพ่อแม่ที่จะส่งผลให้ต่อไปในอนาคต วัยรุ่นจะมีชีวิตรักหรือความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นนั้น ต้องเกิดขึ้นก่อนที่วัยรุ่นจะมีอายุ 14 ปี เพราะหากหลังจากอายุ 14 ปีไปแล้ว วัยรุ่นมักจะได้รับอิทธิพลจากสิ่งรอบตัวมากกว่าพ่อแม่
เพราะฉะนั้นคุณพ่อ คุณแม่ที่รู้เช่นนี้แล้วก็ควรให้ความรัก สร้างความผูกพัน และความสัมพันธ์อันดีกับลูกเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้ในวันหน้าพวกเขาจะได้มีชีวิตรักที่ดี ประสบความสำเร็จในการคบหาและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น
ข่าวจาก: indian express.com