ผลงานวิจัยจากประเทศแคนาดาชี้ใ้่ห้เห็นว่า เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายได้ว่าการสูบบุหรี่ของวัยรุ่นเกิดจากปัจจัยใดเป็นหลัก ดังนั้น การมุ่งประเด็นไปที่ปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งหรือพยายามทำความเข้าใจการสูบบุหรี่ของวัยรุ่นจึงไม่ใช่หนทางที่จะช่วยให้พวกเขาหยุดพฤติกรรมการสูบบุหรี่ได้
นักวิจัยอธิบายว่าการป้องกันไม่ให้วัยรุ่นสูบบุหรี่ควรจะมุ่งไปที่ตัวของวัยรุ่นแต่ละคน ซึ่งมีความแตกต่างกันในปัจจัยเรื่องเพศ ความมั่นใจในตัวเอง พฤติกรรมการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และความสำเร็จด้านการศึกษา องค์ประกอบเหล่านี้ของวัยรุ่นแต่ละคนจะส่งผลต่อพฤติกรรมการสูบบุหรี่ รวมทั้งปัจจัยด้านครอบครัว เพื่อนและโรงเรียน
งานวิจัยชิ้นนี้ต้องการหาคำตอบว่า ปัจจัยต่าง ๆ ส่งผลต่อพฤติกรรมการสูบบุหรี่อย่างไร โดยศึกษาจากนักเีรียนจำนวน 877 คน ที่มีอายุ 13 ปี ซึ่งเพิ่งจะเข้ารัีบการศึกษาในโรงเรียนและไม่เคยมีพฤติกรรมการสูบบุหรี่มาก่อน
ทุกๆ 3 เดือนตลอดระยะเวลา 5 ปี นักวิจัยจะทำการสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่และปัจจัยต่าง ๆ ที่ทำให้เด็กเหล่านั้นเ่ิริ่มมีพฤติกรรมการสูบบุหรี่ พบว่า 48% ของนักเรียนทั้งหมดจะเริ่มสูบบุหรี่และนักเรียนจำนวน 21% จะสูบบุหรี่เป็นประจำทุกวัน นักวิจัยอธิบายว่าเด็กที่อยู่ในครอบครัวเดี่ยวและมีความสนใจการเรียนน้อย จะเสี่ยงมีพฤติกรรมสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากกว่าเด็กคนอื่นๆ เกือบ 3–5 เท่า
การป้องกันไม่ให้วัยรุ่นมีพฤติกรรมการสูบบุหรี่นั้นต้องควบคุมสภาพแวดล้อมของสังคม บ้านและโรงเรียนของพวกเขา นอกจากนี้การโฆษณาบุหรี่ผ่านสื่อต่าง ๆ เป็นสิ่งที่ควรตระหนักเช่นกัน เพราะถือเป็นสิ่งกระตุ้นสำคัญที่ทำให้เด็กเกิดพฤติกรรมการสูบบุหรี่
สำนักข่าว REUTERS