Serum Iron (SI)
ระดับเหล็กในเลือด
Serum Iron
Serum Fe
Ferritin, TIBC & UIBC, Transferrin, Hemoglobin, Hematocrit, CBC, Zinc protoporphyrin, Iron Tests
การตรวจระดับเหล็ก (iron) ในร่างกายเพื่อช่วยในการตรวจวินิจฉัยติดตามอาการและการรักษาโรคโลหิตจาง อันเนื่องจากการขาดเหล็กและช่วยในการตรวจสอบสภาวะที่ร่างกายได้รับเหล็กมากเกินไปจนอาจเกิดอาการเป็นพิษได้ เนื่องจากธาตุเหล็กเป็นธาตุที่สำคัญอย่างหนึ่งของร่างกายสิ่งมีชีวิต บทบาทที่สำคัญที่สุดของเหล็กคือกระบวนการขนส่งออกซิเจนไปเลี้ยงเนื้อเยื่อส่วนต่างๆ และนำก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์กลับมากำจัดที่ปอด โดยเป็นส่วนประกอบของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง หน้าที่อื่นที่สำคัญของเหล็กได้แก่ มีหน้าที่ในกระบวนการเผาผลาญของเซลล์และเป็นปัจจัยร่วม (cofactor) ของเอนไซม์หลายชนิด ปริมาณของเหล็กในร่างกายต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อให้ร่างกายสามารถทำหน้าที่ได้อย่างปกติ ถ้าเกิดภาวะขาดธาตุเหล็กจะก่อให้เกิดผลเสียต่อร่างกายได้แก่ ทำให้เกิดโรคโลหิตจาง ประสิทธิภาพการทำงานของกล้ามเนื้อและสมองลดลง มีการติดเชื้อง่ายขึ้น ในเด็กจะมีการเจริญเติบโตของร่างกายและการพัฒนาของระบบประสาทช้าลง ในขณะที่ถ้าร่างกายอยู่ในภาวะเหล็กเกินก็จะส่งผลให้เกิดความผิดปกติในการทำงานของอวัยวะต่างๆเช่นกันเช่น ทำให้เกิดความผิดปกติของสมอง ตับ กล้ามเนื้อและหัวใจ
เหล็กในเลือด จะอยู่ในรูปของเฟอริก (ferric) ซึ่งเกาะตัวอยู่กับเบต้าโกลบูลิน (Beta-globulin) ร่างกายของคนปกติมีเหล็กประมาณ 42 กรัม เหล็กจำนวน 3 กรัมจะอยู่ในเม็ดเลือดแดง ระดับเหล็กในเลือดของคนปกติจะมีค่าไม่คงที่ ขึ้นอยู่กับเวลา ตอนช่วงเช้าระดับของเหล็กจะสูงกว่าตอนช่วงเย็น
ธาตุเหล็กในร่างกายจะอยู่ในรูปของสารประกอบต่างๆดังนี้
ส่วนใหญ่ธาตุเหล็กในร่างกายที่ถูกนำไปสร้างเม็ดเลือดแดง ได้มาจากการทำลายเม็ดเลือดแดงที่หมดอายุแล้วนำเอาธาตุเหล็กกลับมาใช้ใหม่ ซึ่งจะวนเวียนอยู่เช่นนี้ทุกวัน เมื่อฮีโมโกลบินถูกทำลายโดยอาร์อีเซลล์ (RE cells) เหล็กส่วนใหญ่ประมาณ 80% จะถูกปล่อยเข้าสู่กระแสเลือดจับกับทรานสเฟอรินเพื่อนำไปสร้างฮีโมโกลบินใหม่ในไขกระดูก ส่วนน้อยประมาณ 20% จะถูกเก็บสะสมไว้ในรูปของเฟอริตินและฮีโมซิเดอริน การดูดซึมธาตุเหล็กในอาหารมีเพียงประมาณ 1.0 มิลลิกรัม/วันเท่านั้นที่ดูดซึมมาจากอาหารซึ่งมีปริมาณใกล้เคียงกับเหล็กที่ร่างกายสูญเสียทางเหงื่อ, ผิวหนัง และปัสสาวะในแต่ละวัน ทั้งนี้ร่างกายไม่ต้องการเก็บสะสมเหล็กเพราะว่าเหล็กสามารถเปลี่ยนเป็นอนุมูลอิสระ(free radical) ซึ่งมีฤทธิ์ทำลายเซลล์ต่างๆที่อยู่ใกล้เคียงได้
ธาตุเหล็กในอาหารจะมีอยู่ 2 รูปแบบ คือฮีมไอออน (heme iron) มีมากในเนื้อสัตว์ สามารถดูดซึมได้ดีในร่างกาย และน็อนฮีมไอออน (non-heme iron) มีมากในพืช ดูดซึมได้ไม่ดีในร่างกาย ธาตุเหล็กในอาหารจะถูกดูดซึมที่ลำไส้เล็กส่วนดูโอดีนัมและเจจูนัม ส่วนบนโดยการดูดซึมธาตุเหล็กจะถูกควบคุมด้วยเหล็กสะสมในร่างกาย โดยทั่วไปจะมีธาตุเหล็กเพียง 5-10%ของธาตุเหล็กทั้งหมดในอาหารเท่านั้นที่ถูกดูดซึมในลำไส้ ยกเว้นหญิงมีครรภ์หรือผู้ที่ต้องการเหล็กเพิ่ม ที่อาจจะมีการดูดซึมถึง 20-30% นอกจากนี้แล้วยังขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้คือปัจจัยส่งเสริมการดูดซึม (enhancer) ได้แก่ โปรตีน กรดในกระเพราะอาหาร วิตามินซี ฯลฯและ ปัจจัยยับยั้งการดูดซึม (Inhibitor) ได้แก่ไฟเตต (phytate), กรดแทนนิก (tannic acid), คาร์บอเนต (carbonate), ออกซาเลต (oxalate), ฟอสเฟต (phosphate) ฯลฯ ซึ่งสารเหล่านี้มีในพืชสูง ซึ่งเป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้คนที่ทานอาหารมังสวิรัติ มีโอกาสที่จะขาดเหล็กสูง
การทดสอบเหล็กไม่ใช้เป็นการทดสอบประจำทั่วไป (routine) และมักสั่งตรวจเมื่อพบการทดสอบผิดปกติเช่นซีบีซี (CBC), ฮีโมโกลบิน และฮีมาโตคริต และใช้ตรวจเมื่อสงสัยว่าผู้ป่วยขาดธาตุเหล็ก (iron deficiency) หรือภาวะเหล็กเกิน (iron overload)
*ภาวะพร่องธาตุเหล็กระยะแรก*ในผู้ที่มีสุขภาพดีอาจไม่ปรากฏอาการ จนกว่าระดับฮีโมโกลบินลดต่ำลง (ประมาณ 10 มก./ดล.) เหล็กสะสมจะลดปริมาณลง หากปริมาณเหล็กลดลงต่อไปก็อาจทำให้เกิดโรคโลหิตจางและปรากฏอาการ
หากมีภาวะขาดธาตุเหล็กอย่างรุนแรง อาจทำให้เกิดอาการหายใจสั้น, หน้ามืด ตาลาย, เจ็บหน้าอก, ปวดศรีษะ ปวดขา เด็กอาจมีพัฒนาการช้าลง นอกเหนือจากอาการทั่วไปของโรคโลหิตจาง มีอาการบางอย่างที่มีคุณลักษณะพิเศษ เรียกว่า ไพกา (pica) ผู้ที่มีพฤติกรรมการกินสิ่งแปลกๆ เช่น มีอาการอยากกินชะเอม, ชอล์ก, ดิน หรือดินเหนียว ชอบกินแป้ง หรือชอบกินน้ำแข็ง ลิ้นเลี่ยน ผิวลิ้นจะเลี่ยนและซีด, เจ็บและแสบที่มุมปาก, เล็บอ่อนยุบเป็นแอ่ง
อาจสั่งตรวจเหล็กร่วมกับการทดสอบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเหล็กเมื่อสงสัยภาวะเหล็กเกิน อาการของภาวะเหล็กเกินจะแตกต่างกันไป ขึ้นกับปริมาณของเหล็กที่สะสมในเลือดและเนื้อเยื่อ เช่น ปวดข้อ อ่อนเพลีย ขาดพลังงาน ปวดในช่องท้อง สูญเสียความต้องการทางเพศ หัวใจมีปัญหา
เมื่อสงสัยว่าเด็กได้รับประทานเม็ดยาเหล็ก การตรวจเหล็กเพื่อช่วยประเมินความรุนแรงของพิษที่เกิดจากเหล็ก และการตรวจเหล็กอาจสั่งตรวจเป็นระยะเพื่อรักษาและประเมินประสิทธิภาพการรักษาการขาดธาตุเหล็กหรือมีภาวะเหล็กเกิน
เลือดเจาะจากหลอดเลือดดำที่แขน
ควรเจาะเลือดช่วงเช้า อาจต้องงดอาหาร 12 ชั่วโมง (ดื่มน้ำได้) ก่อนเจาะเลือด
เหล็กในซีรัมระดับต่ำกว่าปกติ พบใน
เหล็กในซีรัม ระดับสูงกว่าปกติ พบในผู้ป่วยที่
ห้องปฏิบัติการเคมีคลินิก