ค้นหา Lab Tests

อ่าน: 1883
Small_font Large_font

ฮีโมโกลบิน เอวันซี : Hb A1C

ชื่อภาษาอังกฤษ

Hb A1C


ชื่อภาษาไทย

ฮีโมโกลบิน เอวันซี


ชื่อหลัก

A1c


ชื่ออื่น

Hemoglobin A1c, HbA1c, Glycohemoglobin, Glycated hemoglobin, Glycosylated hemoglobin


การทดสอบที่เกี่ยวข้อง

Glucose, Microalbumin, Microalbumin/creatinine ratio, Fructosamine

ความรู้ทั่วไป

ตรวจเพื่ออะไร

การตรวจหาระดับของฮีโมโกลบิน เอวันซี (HbA1C) หรือเรียกกันว่าไกลโคซิเลตเตต (Glycosylated) หรือไกลเคตเตต (Glycated) ฮีโมโกลบิน (hemoglobin) ใช้ในการหาค่าเฉลี่ยความเข้มข้นของระดับน้ำตาล (glucose) ในเลือดของช่วงระยะเวลาประมาณ 3 เดือน (ระยะเวลาอายุของเม็ดเลือดแดง) ที่ผ่านมา

มีประโยชน์มากสำหรับตรวจผู้ที่จะเข้าสู่ระยะแรกของการเป็นโรคเบาหวาน และตรวจการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานระหว่างการรักษา

ปกติฮีโมโกลบินของผู้ใหญ่ประกอบด้วยฮีโมโกลบินเอ (HbA) ร้อยละ 95 – 98 มีฮีโมโกลบินเอทู (HbA2) ร้อยละ 3 และฮีโมโกลบินเอฟ (HbF) ร้อยละ 1 และในฮีโมโกลบินเอ (HbA) ประกอบไปด้วยฮีโมโกลบินเอวันเอ (HbA1a), ฮีโมโกลบินเอวันบี (HbA1b) และ ฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) (ประมาณร้อยละ 80 ของฮีโมโกลบินเอ) ระดับของทุกชนิด (fraction) จะสูงในผู้ป่วยเบาหวาน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นชนิด ฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาที่ไม่ต้องใช้เอนไซม์ เรียกว่าไกลเคชั่น (glycation) ระหว่างกลูโคส (glucose) กับส่วนปลายเอ็นของกรดอะมิโนแอซิดวาลีน (N-terminal valine amino acid) ของแต่ละสายเบต้า (beta chain) ของฮีโมโกลบินเอ (HbA) ซึ่งจะมีความเสถียรมาก กระบวนการดังกล่าวจะเกิดขึ้นตลอดอายุของเม็ดเลือดแดงประมาณ 120 วัน การเกิด ฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) จะมีมากน้อยขึ้นกับความเข้มข้นของกลูโคสในเลือดกับเวลา ดังนั้นการวัดระดับ ฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) ในเลือดของผู้ป่วยสามารถสะท้อนให้เห็นสถานภาพการควบคุมโรคเบาหวานของผู้ป่วยตลอดช่วงเวลา 2-3 เดือนที่ผ่านมาและนิยมใช้ในการควบคุมโรคเบาหวาน

การตรวจฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) แตกต่างจากการตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือดตามปกติซึ่งผลที่ได้จะไม่ให้ข้อมูลเฉลี่ยของระดับน้ำตาลในช่วงที่ผ่านมา ดังนั้นทางสมาคมโรคเบาหวานของสหรัฐอเมริกา จึงแนะนำให้ตรวจฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) ทุกๆ 6 เดือน ในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่อยู่ภายใต้การดูแลรักษาของแพทย์ โดยทั่วๆไปค่าของฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c)จะอยู่มี่ระดับ 4%-5.9% ระดับฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) ที่สูงกว่าปกติจะพบได้ในผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ดังนั้นการรักษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน แพทย์จึงใช้ระดับ ของฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c)ที่แตกต่างกัน เป็นเป้าหมายในการรักษา โดยผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ปฏิบัติตามที่แพทย์แนะนำมักจะมีระดับของฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) อยู่ใกล้หรือในช่วงปกติ

สหพันธ์เบาหวานนานาชาติ (International Diabetes Federation) และ American College of Endocrinology แนะนำว่าควรจะมีระดับของฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) ต่ำกว่า 6.5% ในขณะเดียวกัน สมาคมโรคเบาหวานของสหรัฐอเมริกา แนะนำว่าควรจะต่ำกว่า 7% การที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นระยะเวลานานๆ จะทำให้เกิดอาการที่เกี่ยวกับระบบหลอดเลือดต่างๆตามมา เช่นโรคเส้นเลือดที่หัวใจอุดตัน หัวใจวาย เส้นเลือดในสมองแตก ไตวาย ตาบอด บกพร่องทางเพศ โรคที่เกี่ยวกับระบบประสาทชาตามแขนขา เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีผลกับการผ่าตัดอีกด้วยโดยทำให้แผลหายช้ากว่าปกติ จากการศึกษาของ Diabetes control and complication trial (DCCT) และ UK prospective Diabetes Study (UKPDS) ที่ทำการศึกษาเกี่ยวกับการเกิดภาวะแทรกซ้อนของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 รายงานว่าระดับฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) ในผู้ป่วยเบาหวานจะบ่งบอกความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานได้ ถ้าผู้ป่วยโรคเบาหวานสามารถควบคุมน้ำตาลได้ดีจนทำให้ค่าลดลงได้ 1 % จะสามารถลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานที่อาจเกิดขึ้นที่ตา ไต เส้นประสาทลงได้ถึง 35 % ลดการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ 14 % และลดอัตราการตายที่เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวานได้ถึง 21 %


ตรวจเมื่อใด

การตรวจฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) ขึ้นอยู่กับชนิดของเบาหวาน และผู้ป่วยสามารถควบคุมน้ำตาลในเลือดได้หรือไม่ หรือขึ้นอยู่กับการรักษาของแพทย์ การตรวจฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) อาจสั่งตรวจ 2 – 4 ครั้งต่อปี สมาคมโรคเบาหวานแห่งอเมริกา (The American Diabetes Association ) แนะนำให้ตรวจฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) อย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง หากผู้ป่วยถูกวินิจฉัยเป็นโรคเบาหวานเป็นครั้งแรกหรือควบคุมเบาหวานได้ไม่ดีอาจเพิ่มจำนวนครั้งของการทดสอบฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c)


สิ่งส่งตรวจที่ต้องใช้

เลือดจากหลอดเลือดดำที่แขนหรือจากปลายนิ้ว


การแปลผล

ระดับฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) ที่สูงกว่าปกติ จะพบได้ในผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคเบาหวาน สมาคม International Diabetes Federation และ American College of Endocrinology แนะนำว่าควรจะมีระดับของฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) ต่ำกว่า 6.5% ในขณะเดียวกัน สมาคมโรคเบาหวานของสหรัฐอเมริกา แนะนำว่าควรจะต่ำกว่า 7% ระดับของฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) เป็นดรรชนีชี้วัดการรักษาว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ ถ้าอยู่ในระหว่างการรักษายังมีระดับของฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) สูงแสดงให้เห็นว่าการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้ผล

ระดับของฮีโมโกลบินเอวันซี (HbA1c) ที่ต่ำกว่าปกติ จะพบได้ใน

  • ผู้ที่มีอายุของเม็ดเลือดแดงสั้นผิดปกติ พบได้ใน ผู้ที่ขาดเอนไซม์กลูโคสซิกซ์ฟอสเฟตดีไฮโดรจีเนส (glucose –6- phosphate dehydrogenase) หรือคนไข้ที่เป็นโรคโลหิตจางชนิดซิกเกิ้ลเซลล์ (sickle cell anemia)


แหล่งอ้างอิง

  1. http://www.labtestsonline.org/understanding/analytes/a1c/glance.html
  2. http://www.bpl.co.th/2010/index.php?option=com_content&view=article&id=50:hba1c-&catid=35:2009-12-18-06-44-25&Itemid=54

ห้องปฏิบัติการที่ทำการตรวจสอบ

ห้องปฏิบัติการเคมีคลินิก



03 มีนาคม 2554 22 กรกฎาคม 2554
เพื่อนแนะนำ : เงินด่วน 30 นาทีถูกกฎหมาย, เราชนะรอบ 4, ยืมเงิน 3000 ด่วน, แอพผ่อนของ, กู้เงิน, สมัครบัตรเครดิต, สินเชื่อไม่เช็ค บูโรถูกกฎหมาย