Anti HCV
แอนติบอดีต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี
Viral Hepatitis C
Hepatitis C antibody, anti-HCV, HCV recombinant immunoblot assay, HCV RIBA, HCV-RNA, Hepatitis C viral load
Hepatitis A, Hepatitis B, Acute Viral Hepatitis Panel, Liver Panel, ALT, AST, GGT, Bilirubin
การตรวจแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบซีหรือแอนติเอชซีวี (Anti HCV) เป็นการตรวจหาภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสตับอักเสบซี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนิดไอจีจี (IgG) ถ้าตรวจพบจะบ่งบอกถึงภาวะการติดเชื้อ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งการติดเชื้อเฉียบพลันและเรื้อรัง เนื่องจากผู้ที่เคยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีส่วนใหญ่จะกลายเป็นผู้ติดเชื้อเรื้อรัง ดังนั้นกรณีที่ตรวจพบแอนติเอชซีวี (Anti HCV) ในเลือดผู้บริจาคจะบ่งชี้ถึงภาวะที่มีเชื้อในกระแสเลือด และสามารถแพร่สู่บุคคลอื่นได้ ในกลุ่มที่มีอัตราการติดเชื้อต่ำ ผลการตรวจแอนติเอชซีวี (Anti HCV) มีโอกาสเป็นผลบวกปลอมได้ จึงควรทำการตรวจยืนยันทุกราย
ในช่วงปลาย ค.ศ. 1980 มีการพบผู้ป่วยที่ได้รับการถ่ายเลือดหลายครั้งเกิดตับอักเสบขึ้น ซึ่งตรวจแล้วแสดงผลลบต่อแอนติบอดีของไวรัสตับอักเสบเอหรือบีและต่อไซโตเมกาโลไวรัส (cytomegalovirus) หรือซีเอ็มวี (CMV) จึงเรียกตับอักเสบชนิดนี้ว่าตับอักเสบชนิดน็อนเอ/น็อนบี (non-A/non-B) ซึ่งสาเหตุเกิดจากอาร์เอ็นเอไวรัส (RNA virus) จึงเรียกตับอักเสบชนิดนี้ว่าตับอักเสบชนิดซี มีลักษณะของจีโนม (genome-ข้อมูลทางพันธุกรรม) และการเรียงลำดับของยีนที่จัดเป็นไวรัสสกุลเฮพพาไตติสซี (genus Hepatitis C) ในตระกูลฟลาวิวิริดี (family Flaviviridae) มีคุณสมบัติทั่วไปคือมีขนาด 40-50 นาโนเมตร มีเปลือกหุ้ม (envelope) แคปซิดลักษณะเป็นรูปลูกบาศก์ ที่มี 12 มุมซึ่งประกอบด้วยรูปสามเหลี่ยมด้านเท่า 20 รูป (icosahedral symmetry) เป็นอาร์เอ็นเอ (RNA) สายเดี่ยว พบมากในผู้ที่ได้รับการถ่ายเลือดหลายครั้ง ผ่าตัดปลูกไต ติดต่อได้ทางเข็มฉีดยา ในผู้เสพยาเสพติด บุคลากรทางการแพทย์ การสักตามร่างกาย และจากการรับเลือดที่ไม่ได้ตรวจกรองเชื้อไวรัสตับอักเสบซีก่อน
ระยะฟักตัวของตับอักเสบซี อยู่ระหว่างชนิดเอและบี คือ 6 – 12 สัปดาห์ ในช่วงติดเชื้อแบบเฉียบพลันผู้ป่วยอาจไม่แสดงอาการและเป็นน้อยมาก ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซีแบบเฉียบพลันมากกว่าร้อยละ 50 จะกลายเป็นโรคเรื้อรัง ทำให้พบว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่จะแสดงอาการแรกคือตับแข็งหรือที่พบได้บ่อยกว่าคือมีเอนไซม์อะมิโนทรานสเฟอเรสสูงขึ้นอย่างเรื้อรัง
การเกิดโรคตับจากเชื้อเอชซีวี (HCV) จะคล้ายกับเอชบีวี (HBV) โดยอาการแรกเริ่มจะคล้ายกับการเกิดตับอักเสบเฉียบพลัน การแสดงออกของภาวะไวรัสตับอักเสบในช่วงเริ่มต้นอาจรุนแรงหรือเป็นไปอย่างช้า ๆ โดยที่ผู้ป่วยไม่ทันสังเกต ปกติในภาวะที่นำมาก่อน (prodromal period) ผู้ป่วยจะมีป่วยที่ไม่เฉพาะเจาะจงคือ จะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ไม่มีแรง หรือมีอาการคล้ายเป็นไข้ หลังจากนี้จะมีอาการตับอักเสบชัดเจนขึ้นโดยมีอาการดีซ่าน ในระยะนี้ค่าผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ผิดปกติไปคือ อะมิโนทรานสเฟอเรส ซึ่งค่านี้จะขึ้นเป็นหลักพัน บิลิรูบินอาจสูงขึ้นชัดเจน แต่ค่าเอแอลพี (ALP) จะสูงขึ้นเล็กน้อย
ไวรัสตับอักเสบแบ่งออกเป็นหลายชนิด ในทางคลินิกอาจไม่สามารถแยกแต่ละชนิดจากกันได้นอกจากจะทำการตรวจเลือด ภาวะไวรัสตับอักเสบเรื้อรังอาจเกิดขึ้นได้หลังการติดเชื้อจากไวรัสตับอักเสบบี หรือซี ผู้ป่วยที่ติดเชื้อแบบเฉียบพลันอาจมีอาการที่ไม่รุนแรง ดังนั้นการตรวจพบว่าผู้ป่วยมีภาวะไวรัสตับอักเสบเรื้อรังโดยมากจะพบระหว่างการตรวจสุขภาพทั่วไปหรือเมื่อผู้ป่วยบริจาคเลือด
ผู้ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบซี
เลือด (เจาะจากหลอดเลือดดำที่แขน)
ห้องปฏิบัติการภูมิคุ้มกันวิทยาคลินิก