อ่าน: 1002
Testosterone (Topical) (เทสโทสเตอโรนชนิดใช้กับผิวหนัง)
เทสโทสเตอโรน (testosterone) เป็นสารชนิดหนึ่งในกลุ่มแอนโดรเจน (androgen) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของร่างกายให้เป็นไปตามปกติ ทำให้มีการพัฒนาของอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศชาย และทำให้เกิดการพัฒนาลักษณะทางเพศจากเด็กผู้ชายเข้าสู่วัยหนุ่ม ในระหว่างช่วงชีวิตของผู้ใหญ่ เทสโทสเตอโรนจำเป็นต่อการทำงานของลูกอัณฑะ รวมทั้งโครงสร้างที่เกี่ยวข้อง การรักษาระดับความต้องการทางเพศตามปกติ การมีคุณภาพชีวิตที่ดี การแข็งตัวขององคชาติ การทำงานของต่อมลูกหมาก และต่อมสร้างน้ำเลี้ยงอสุจิ (seminal vesicle)
เทสโทสเตอโรนชนิดใช้กับผิวหนัง (topical testosterone) ใช้ทดแทนเทสโทสเตอโรนในผู้ที่มีความผิดปกติเนื่องจากการทำงานของลูกอัณฑะลดลงชนิดปฐมภูมิและทุติยภูมิ เช่น
- ภายหลังการตัดลูกอัณฑะ
- ภาวะที่มีลูกอัณฑะแต่ขาดฮอร์โมนเพศชาย (eunuchoidism)
- ภาวะต่อมใต้สมองหลั่งฮอร์โมนออกมาน้อย (hypopituitarism)
- ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เนื่องจากขาดฮอร์โมนเพศชาย (endocrine impotence) แต่ผู้ที่มีฮอร์โมนเพศชายปกติแต่สมรรถภาพทางเพศลดลง ไม่ควรใช้ยานี้
- การเป็นหมันบางชนิดเนื่องจากมีความผิดปกติของการสร้างอสุจิ
- ภาวะอาการชายวัยทอง (male climacteric symptoms) เช่น มีความต้องการทางเพศลดลง มีคุณภาพชีวิตที่ลดลง
เป็นต้น
ยาที่มีจำหน่าย ได้แก่
- เทสโทสเตอโรนชนิดเจล (testosterone gel)
โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์ หากท่านเคยมีอาการผิดปกติใด ๆ หรือมีประวัติการแพ้ยาเทสโทสเตอโรน (testosterone) หรือยาฮอร์โมนเพศชาย (androgens) หรือ ส่วนประกอบใด ๆ ในยานี้ รวมทั้งการมีประวัติเคยแพ้สารอื่น ๆ เช่น อาหาร, สารกันเสีย, สี เป็นต้น
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือยาที่มีส่วนผสมของเซนต์ จอห์น เวิร์ท (St John’s wort) อาจลดระดับเทสโทสเตอโรน (testosterone) ในกระแสเลือด
ABCDX
รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'X' สำหรับสตรีมีครรภ์
จากการศึกษาในสัตว์หรือมนุษย์พบว่ายาทำให้เกิดความผิดปกติของตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์ หรือมีหลักฐานชัดเจนจากการใช้ในมนุษย์ว่าเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์ ดังนั้นห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์หรือในสตรีที่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์
ห้ามใช้เทสโทสเตอโรน (testosterone) ในสตรีมีครรภ์
ห้ามใช้เทสโทสเตอโรน (testosterone) ในสตรีให้นมบุตร
- ยังไม่มีการพิสูจน์ถึงประสิทธิผลและความปลอดภัยของการใช้เทสโทสเตอโรนชนิดใช้กับผิวหนัง (topical testosterone) ในเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
- ควรระมัดระวังการใช้เทสโทสเตอโรนชนิดใช้กับผิวหนังในเด็กผู้ชายวัยก่อนเข้าสู่วัยหนุ่ม เพื่อหลีกเลี่ยงการที่กระดูกหยุดการเจริญก่อนกำหนด หรือการพัฒนาการทางเพศก่อนวัย และควรมีการตรวจการเจริญของกระดูกอย่างสม่ำเสมอ
จำนวนของผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 65 ปีในการศึกษาการใช้ยาเทสโทสเตอโรนชนิดใช้กับผิวหนัง (topical testosterone) มีไม่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นความแตกต่างของการตอบสนองต่อยานี้เมื่อเทียบกับวัยผู้ใหญ่ทั่วไป
และยังไม่มีการศึกษาถึงความปลอดภัยของการใช้ยาในระยะยาวในผู้สูงอายุเพื่อที่จะประเมินความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ และมะเร็งต่อมลูกหมาก
ถึงแม้ว่ายาบางอย่างไม่ควรใช้ร่วมกัน ในบางกรณีที่จำเป็นอาจใช้ร่วมกันได้ถึงแม้ว่าอันตรกิริยาอาจเกิดขึ้นก็ตาม โดยแพทย์อาจปรับเปลี่ยนขนาดยาหรืออาจมีข้อควรระวังอื่นๆ ที่จำเป็น ท่านต้องแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านกำลังใช้ยาต่อไปนี้ร่วมอยู่ด้วย
- บูโพรเพียน (bupropion)
- ไซโคลสพอริน (cyclosporine)
- อินซุลิน (insulin)
- ชะเอมเทศ (licorice)
- แพคลิแทคเซล (paclitaxel)
- วอร์ฟาริน (warfarin)
- คอร์ติโคสเตอรอยด์ (corticosteroid)
อาจมียาอีกหลายชนิดที่ไม่ควรใช้ร่วมกับยาเทสโทสเตอโรนชนิดใช้กับผิวหนัง (topical testosterone) ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบว่าท่านกำลังใช้ยาใดอยู่ในขณะนี้
ปัญหาความเจ็บป่วยหรือโรคที่ห้ามใช้ยาเทสโทสเตอโรนชนิดใช้กับผิวหนัง (topical testosterone) ท่านต้องแจ้งแพทย์ หากท่านมีภาวะเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น
- หัวใจล้มเหลว
- โรคไต
- ความดันโลหิตสูง
- ลมชัก
- ไมเกรน
- ต่อมลูกหมากโต
- มะเร็งต่อมลูกหมาก
- มะเร็งเต้านมในผู้ชาย
ก่อนใช้ยาควรอ่านฉลากยา หรือเอกสารวิธีใช้ยาให้ละเอียด
- ทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่จะทายาและเช็ดให้แห้ง
- ทายาบริเวณที่เสื้อผ้าปกปิดได้ เช่น ไหล่ ต้นแขน หน้าท้อง เป็นต้น ไม่ควรทายาบริเวณอวัยวะเพศ เพราะอาจทำให้ระคายเคือง ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำสบู่ทันที หลังจากทายาเสร็จ
- รอให้ผิวหนังบริเวณที่ทายาแห้งจากนั้นจึงสวมเสื้อผ้า
- เพื่อให้ยาดูดซึมอย่างสมบูรณ์ ควรอาบน้ำหลังจากทายาประมาณ 5-6 ชั่วโมง
- ไม่ควรให้ผิวหนังบริเวณที่ทายาสัมผัสกับผู้อื่น และควรแยกซักเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนตัวยา
ขนาดยาของยาทาเทสโทสเตอโรน (testosterone) อาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ควรใช้ยาตามใบสั่งยาของแพทย์หรือคำแนะนำของเภสัชกรหรือตามที่ฉลากระบุ
โดยทั่วไปเเล้วมักทายาวันละหนึ่งครั้ง เเละควรเลือกทายาในตอนเช้า
ถ้านึกได้ภายใน 12 ชั่วโมงให้ทายาทันทีที่นึกได้ เเต่หากเกิน 12 ชั่วโมงไปแล้วให้ข้ามไปทายาครั้งต่อไปได้เลย โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาที่ทาเป็นสองเท่า
การเก็บรักษา
- เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก
- เก็บให้ห่างจากความร้อนและหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
- ห้ามใช้ยาหลังวันสิ้นอายุของยาที่แสดงไว้บนฉลาก หากไม่ระบุเป็นอย่างอื่น วันสิ้นอายุของยา หมายถึง วันสุดท้ายของเดือนที่แสดงบนฉลาก
ควรไปพบแพทย์ตามนัด หากต้องใช้ยานี้เป็นระยะเวลานาน
- ผู้ป่วยโรคต่อมลูกหมากโตที่ได้รับแอนโดรเจน อาจทำให้อาการของต่อมลูกหมากแย่ลง และอาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมาก
- มีรายงานว่ามีเด็กได้รับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนเข้าสู่ร่างกายโดยไม่ได้ตั้งใจจากการสัมผัสถูกผู้ที่ทาผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ โดยอาการไม่พึงประสงค์ที่ปรากฏต่อเด็กเหล่านี้ได้แก่ การมีอวัยวะเพศที่โตผิดปกติ (องคชาติหรือคลิตอริส) การมีขนขึ้นบริเวณอวัยวะเพศก่อนวัย มีการเจริญเติบโตของกระดูก มีความต้องการทางเพศ รวมถึงมีพฤติกรรมก้าวร้าว อาการและอาการแสดงเหล่านี้จะลดลงเมื่อผู้ป่วยไม่ได้สัมผัสกับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนอีก อย่างไรก็ตามอวัยวะเพศที่มีขนาดโตผิดปกติและกระดูกที่มีการเติบโตไปแล้วจะไม่สามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมที่มีขนาดเหมาะสมกับอายุเด็กได้ จากเหตุการณ์ดังกล่าว องค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาจึงให้ผู้ผลิตตระหนักถึงความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นและได้ให้ข้อควรระวังแก่ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์ดังนี้
- ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ควรล้างมือด้วยน้ำสบู่หลังจากใช้ยาทุกครั้ง
- ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ควรสวมเสื้อผ้าปกคลุมบริเวณที่ทายาทันทีที่ยาแห้ง
- ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์ควรล้างบริเวณที่ทายาด้วยน้ำสบู่ก่อนสัมผัสกับผิวหนังบุคคลอื่น
- เด็กและผู้หญิงควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับบริเวณที่มีการทายาของผู้ป่วย
- ผู้ป่วยที่มีโรคหัวใจล้มเหลว ไตทำงานผิดปกติ ความดันโลหิตสูง ลมชัก หรือไมเกรน (หรือมีประวัติของโรคเหล่านี้) ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากโรคเหล่านี้อาจเป็นมากขึ้นหรือกำเริบขึ้นได้ เมื่อใช้ยานี้
- การใช้ยานี้อาจทำให้เกิดสภาพเต้านมโตในผู้ชายได้ (gynecomastia)
ยาอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์บางอย่างที่ไม่ต้องการ ถึงแม้ว่าอาการไม่พึงประสงค์ต่อไปนี้อาจไม่ได้เกิดขึ้นทั้งหมด แต่หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้นควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม
ก. พบแพทย์ทันทีหากมีอาการต่อไปนี้
- แขน ขา หรือเท้าบวม
- หยุดหายใจขณะหลับ (sleep apnea)
- ภาวะองคชาติแข็งตัวนานกว่าปกติ
- ปัสสาวะลำบาก ไม่พุ่ง หรือ ปัสสาวะบ่อย
- คลื่นไส้อาเจียน
- ตัวเหลือง
ข. อาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา อาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้จะหายไปในระหว่างการรักษาหรือหยุดยาไปแล้วเนื่องจากร่างกายจะปรับตัว เข้ากับยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถ้าอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้เกิดขึ้นติดต่อกันนาน หรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของท่าน
- เต้านมโต
- สิว
- ผมร่วง
- ร้อนวูบวาบ
- อารมณ์แปรปรวน
- ปวดศีรษะ
- นอนไม่หลับ
- อ่อนเพลีย
- น้ำตาไหลมาก
- ผิวแห้ง
ค. อาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยบางราย หากท่านสังเกตเห็นอาการข้างเคียงอื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ยานี้จัดอยู่ในกลุ่มยาต่อไปนี้
ยานี้เกี่ยวข้องกับยาต่อไปนี้
Methyltestosterone, Testosterone undecanoate
ยานี้มีชื่อทางการค้าต่อไปนี้
Androgel 50 mg
ข้อมูลนี้ไม่สมบูรณ์ ยานี้อาจจะยังมีชื่อทางการค้าอื่นที่ไม่ได้แสดงในนี้ หรือชื่อทางการค้าที่แสดงในนี้อาจจะไม่อนุญาตให้จำหน่ายแล้ว
- กองควบคุมยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข. สืบค้นทะเบียนยาสามัญสำหรับยาเดี่ยว. Testosterone. Available at: http://wwwapp1.fda.moph.go.th/ed2547/?url=14 Access Date: Oct 12, 2010.
- Dailymed current medication information. Testosterone. Available at: http://dailymed.nlm.nih.gov/dailymed/drugInfo.cfm?id=33826 Access Date: Feb 9, 2011.
- MedlinePlus Trusted Health Information for You. Testosterone Topical Available at http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/druginfo/meds/a605020.html Access Date: Feb 9, 2011.
- The Merck Manuals Online medical Library The Merck Manual for Healthcare Professionals: Testosterone Drug Information Provided by Lexi-Comp. Available at: http://www.merckmanuals.com/professional/lexicomp/testosterone.html Access Date: Jan 29, 2011.