เมโทเทรกเซต (methotrexate) หรือย่อว่า เอ็มทีเอกซ์ (MTX) เป็นยาที่มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายกับกรดโฟลิก (folic acid analogue) ออกฤทธิ์โดยยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไดไฮโดรโฟเลต รีดักเทส (dihydrofolate reductase) ทำให้ลดการสร้างสารที่มีความจำเป็นต่อการสร้างเบสเพียวรีน (purine base) ซึ่งจะถูกนำไปใช้ในการสร้างดีเอ็นเอ (DNA) นอกจากนั้นยังยับยั้งการทำงานของเอนไซม์ไทมิดิเลต ซินเทส (thymidilate syntase) ซึ่งทำหน้าที่เติมหมู่เมทิล (methyl group) ให้กับเบสยูราซิล (uracil base) ให้กลายเป็นไทมีน (thymine) ที่จะถูกใช้ในกระบวนการสร้างสายดีเอ็นเอต่อไป ดังนั้นเมโทเทรกเซตจึงทำลายเซลล์โดยการขัดขวางการสร้างดีเอ็นเอนั่นเอง
เมโทเทรกเซตใช้รักษาโรคต่าง ๆ ดังนี้
ยานี้อาจใช้เพื่อรักษาโรคมะเร็งอื่น ๆ ได้อีก ดังนั้นหากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
โรคสะเก็ดเงิน (psoriasis)ข้ออักเสบรูมาทอยด์ (rheumatoid arthritis)
โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านเคยมีอาการผิดปกติใดๆหรือมี ประวัติการแพ้เมโทเทรกเซต (methotrexate) หรือ ส่วนประกอบใด ๆ ในยานี้ รวมทั้งการมีประวัติเคยแพ้สารอื่นๆ เช่น อาหาร, สารกันเสีย, สี เป็นต้น
รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'X' สำหรับสตรีมีครรภ์
จากการศึกษาในสัตว์หรือมนุษย์พบว่ายาทำให้เกิดความผิดปกติของตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์ หรือมีหลักฐานชัดเจนจากการใช้ในมนุษย์ว่าเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายต่อตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์ ดังนั้นห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์หรือในสตรีที่มีความเสี่ยงที่จะตั้งครรภ์
โปรดแจ้งแก่แพทย์หากกำลังวางแผนจะมีบุตร เนื่องจากเมโทเทรกเซต (methotrexate) ทำให้ทารกในครรภ์เสียชีวิตหรือเกิดทารกวิรูปได้เมื่อให้ยาในหญิงตั้งครรภ์
ห้ามใช้ยานี้ในหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคสะเก็ดเงิน (psoriasis) หรือข้ออักเสบรูมาทอยด์ (rheumatoid arthritis) แต่อาจใช้ยานี้ในหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นโรคมะเร็งในกรณีที่แพทย์พิจารณาแล้วว่ามีผลดีต่อมารดามากกว่าความเสี่ยงที่จะเกิดต่อทารกในครรภ์
โปรดแจ้งแก่แพทย์หากท่านกำลังให้นมบุตร หรือตั้งใจจะให้นมบุตรในระหว่างที่ได้รับยาเมโทเทรกเซต (methotrexate) เนื่องจากยาอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง จึงไม่แนะนำให้ทารกได้รับน้ำนมมารดาระหว่างใช้ยานี้
การใช้ยาในผู้ป่วยสูงอายุควรใช้ด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากผู้ป่วยสูงอายุมีการทำงานของตับและไตลดลง, มีการสร้างโฟเลตที่ลดลง, มักมีภาวะโรคร่วม หรือมักใช้ยาอื่น ๆ ร่วมด้วย ซึ่งอาจจะรบกวนการทำงานของไต
เนื่องจากการทำงานของตับและไตที่ลดลงอาจสัมพันธ์กับการเพิ่มอาการไม่พึงประสงค์จากยา ดังนั้นแพทย์ผู้ทำการรักษาจะทำการติดตามค่าการทำงานของตับ, ไต และภาวะกดไขกระดูกของยาอย่างใกล้ชิด ในผู้ป่วยที่ใช้ยาในระยะยาวแพทย์อาจให้โฟเลตเสริมแก่ผู้ป่วย เพื่อลดการเกิดพิษจากยา
ภาวะการกดไขกระดูก (bone marrow suppression), ภาวะเกล็ดเลือดน้อย (thrombocytopenia),โรคปอดอักเสบ (pneumonitis) จากยาเมโทเทรกเซต (methotrexate) อาจเพิ่มขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น
ถึงแม้ว่ายาบางอย่างไม่ควรใช้ร่วมกัน ในบางกรณีที่จำเป็นอาจใช้ร่วมกันได้ถึงแม้ว่าอันตรกิริยาอาจเกิดขึ้นก็ตาม โดยแพทย์อาจปรับเปลี่ยนขนาดยาหรืออาจมีข้อควรระวังอื่นๆ ที่จำเป็น ท่านต้องแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านกำลังใช้ยาต่อไปนี้ร่วมอยู่ด้วย
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิดตัวเป็น (influenza virus vaccine, live) | ||
วัคซีนโรคโปลิโอชนิดตัวเป็น (poliovirus vaccine, live) | ||
วัคซีนโรคหัดชนิดตัวเป็น (measles virus vaccine, live) | ||
วัคซีนโรตาไวรัสชนิดตัวเป็น (rotavirus vaccine, live) | ||
วัคซีนโรคหัดเยอรมันชนิดตัวเป็น (rubella virus vaccine, live) | ||
วัคซีนโรคคางทูมชนิดตัวเป็น (mumps virus vaccine, live) | ||
วัคซีนไทฟอยด์ชนิดตัวเป็น (typhoid vaccine, live) | ||
วัคซีนป้องกันวัณโรค (BCG vaccine) | ||
วัคซีนโรคอีสุกอีใส (varicella virus vaccine) | ||
วัคซีนไข้เหลือง (yellow fever vaccine) | |แอซิทรีทิน (acitretin) |
เอดาพาลีน (adapalene) |
แอลโคลฟีแนค (alclofenac) | แอลิเทรทิโนอิน (alitretinoin) | |
อะมิโอดาโรน (amiodarone) | อะมอกซิซิลลิน(amoxicillin) | |
แอสพาราจิเนส (asparaginase) | แอสไพริน (aspirin) | |
แอซาไทโอพรีน (azathioprine) | บิสมัทซับซาลิซิเลต (bismuth subsalicylate) | |
คลอแรมเฟนิคอล (chloramphenicol) | โคลีสไทรามีน (cholestyramine) | |
ซิโพรฟลอกซาซิน (ciprofloxacin) | ไซโคลสพอริน(cyclosporine) | |
แดนโทรลีน (dantrolene) | ไดโคลฟีแนค (diclofenac) | |
ไดฟลูนิซาล (diflunisal) | ไดไพโรน (dipyrone) | |
ดอกซีซัยคลิน (doxycycline) | ฟีโนโพรเฟน (feoprofen) | |
เฟลอบิโพรเฟน (flurbiprofen) | กรดโฟลิค (folic acid) | |
ไฮโดรคลอโรไทอาไซด์(hydrochlorothiazide) | ไอบิวโพรเฟน (ibuprofen) | |
อินโดเมทาซิน (indomethacin) | ไอโซเทรทิโนอิน (isotretinoin) | |
คีโทโพรเฟน (ketoprofen) | คีโทโรแลค (ketorolac) | |
เลฟลูโนไมด์ (leflunomide) | แอล-เมทิลดฟเลต (L-methylfolate) |กรดมีฟีนามิค (mefenamic acid) |
เมอร์แคปโทเพียวรีน (mercaptopurine) |
เนบิวมีโทน (nabumetone) | นาพรอกเซน (naproxen) | |
นีโอมัยซิน (neomycin) | ไนเมซูไลด์ (nimesulide) | |
โอเมพราโซล (omeprazole) | แพนโทพราโซล(pantoprazole) | |
เพนิซิลลินจี (penicillin G) | เพนิซิลลินวี (penicillin V) | |
เฟนิลบิวทาโซน(phenylbutazone) | เฟนิทอยน์ (phenytoin) | |
พิเพอราซิลลิน (piperacillin) | ไพรอกซิแคม (piroxicam) | |
โพรเบเนซิด (probenecid) | โพรคาร์บาซีน (procarbazine) | |
ไพริเมทามีน (pyrimethamine) | โรฟีคอกซิบ(rofecoxib) | |
ซัลฟาเมทิโซล (sulfamethizole) | ซัลฟาเมทอกซาโซล (sulfamethoxazole) | |
ซัลฟาไพริดีน (sulfapyridine) | ซัลฟาซาลาซีน (sulfasalazine) | |
ซัลฟิซอกซาโซล (sulfisoxazole) | ซูลินแดค (sulindac) | |
ทามอกซิเฟน (tamoxifen) | เทนอกซิแคม (tenoxicam) | |
เททราซัยคลิน (tetracycline) | ทีออฟิลลีน (theophylline) | |
เทรทิโนอิน (tretinoin) | ไทรแอมเทอรีน (triamterene) | |
ไทรเมโทพริม (trimethoprim) | วอร์ฟาริน (warfarin) |
ปัญหาความเจ็บป่วยอื่นที่ท่านเป็นอยู่อาจส่งผลต่อการใช้ยาเมโทเทรกเซต (methotrexate) ท่านควรแจ้งแพทย์ หากท่านมีภาวะเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น
ยานี้มีจำหน่ายในรูปแบบยาเม็ดรับประทาน และรูปแบบฉีด
ยารูปแบบรับประทาน
กลืนยาทั้งเม็ดแล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ
ยาฉีด
ควรรับการตรวจเพื่อติดตามผลการรักษาเป็นระยะ โดยมาตรวจตามแพทย์นัด และให้ได้ยาตามแผนการรักษา การได้ยาไม่ครบ หรือระยะเวลาไม่ตรงกำหนด อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อการรักษา ถ้ามีเหตุจำเป็นต้องเลื่อนระยะเวลาการให้ยา ควรแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง
ขนาดยาของเมโทเทรกเซต (methotrexate) ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น น้ำหนัก, ส่วนสูงของผู้ป่วย, ชนิดและระยะของโรคมะเร็งที่ผู้ป่วยเป็น รวมทั้งผลการตอบสนองต่อยาของผู้ป่วยแต่ละราย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้วิเคราะห์ แนะนำ และกำหนดเวลา และมีเภสัชกรผู้เตรียมยาเคมีบำบัด ตรวจสอบขนาดยาที่ท่านได้รับ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ป่วย นอกจากนี้ความถี่ของการให้ยาเมโทเทรกเซต อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสูตรยาที่ใช้ และสภาพร่างกายของผู้ป่วย เช่น ทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือน บางครั้งอาจต้องหยุดยาชั่วคราว เพื่อให้ร่างกายมีเวลาพัก และซ่อมแซมเซลล์ปกติให้แข็งแรงพอที่จะให้ยาในครั้งต่อไปได้
ยารับประทาน
หากท่านลืมรับประทานยาข้ามมื้อที่ลืมและรับประทานยาต่อในมื้อถัดไปในขนาดยา ปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า และแจ้งให้แพทย์ทราบ
ยารูปแบบฉีด
มารับยาตามแพทย์นัด เพื่อให้ได้ยาตามแผนการรักษา การได้ยาไม่ครบ หรือระยะเวลาไม่ตรงกำหนด อาจก่อให้เกิดผลเสียต่อการรักษา ถ้ามีเหตุจำเป็นต้องเลื่อนระยะเวลาการให้ยา ควรแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง
ยารับประทาน
ยาอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์บางอย่างที่ไม่ต้องการ ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดกับผู้ใช้ยาทุกราย แต่หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้นควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม
ก. พบแพทย์ทันหากมีอาการต่อไปนี้
พบบ่อย
ข. พบแพทย์โดยเร็ว หากมีอาการต่อไปนี้
ค. อาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา อาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้จะหายไปในระหว่างการรักษาหรือหยุดยาไปแล้วเนื่อง จากร่างกายจะปรับตัวเข้ากับยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถ้าอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้เกิดขึ้นติดต่อกันนาน หรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของท่าน
พบบ่อย
ยานี้อาจทำให้ผมร่วงขณะใช้ยา หลังจากหยุดยาแล้วผมจะกลับมางอกตามปกติ
ง. อาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยบางราย หากท่านสังเกตเห็นอาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
เขียนโดย โพยม วงศ์ภูวรักษ์, ไตรรัตน์ แก้วเรือง
เขียนเมื่อ 12 Jun 2010 13:06 แก้ไขเมื่อ 12 Aug 2011 09:08