Cladribine

คำอธิบายโดยสังเขป

คลาดริบีน (คลา-ดริ-บีน) (cladribine) เป็นยาที่มีโครงสร้างทางเคมีคล้ายเพียวรีนนิวคลีโอไซด์ (purine nucleoside analogs) คลาดริบีนทนต่อการถูกทำลายด้วยเอนไซม์อะดีโนซีนดีอะมิเนส (adenosine deaminase) หลังจากถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายจะถูกเปลี่ยนอยู่ในรูปไทรฟอสเฟต (triphosphate) แล้วรวมเข้ากับสายดีเอ็นเอ (DNA)โดยตรง ส่งผลยับยั้งการสังเคราะห์ดีเอ็นเอ และหยุดยั้งการเรียงต่อของลำดับเบสของดีเอ็นเอ (chain terminator)

  • คลาดริบีนใช้รักษามะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเซลล์ซึ่งมีผนังยื่นออกคล้ายมีขน (hairy cell leukemia) ซึ่งมีอาการทางคลินิก คือ มีภาวะเลือดจาง, เม็ดเลือดขาวต่ำ, เกร็ดเลือดต่ำ เป็นต้น
    คลาดริบีนอาจใช้เพื่อรักษาโรคมะเร็งอื่น ๆได้อีก ดังนั้นหากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร

ก่อนการใช้ยา

การแพ้ยา

โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านเคยมีอาการผิดปกติใด ๆ หรือมี ประวัติการแพ้คลาดริบีน (cladribine) หรือ ส่วนประกอบใด ๆ ในยานี้ รวมทั้งการมีประวัติเคยแพ้สารอื่นๆ เช่น อาหาร, สารกันเสีย, สี เป็นต้น

อาหารและเครื่องดื่มที่ต้องระวัง

  • ยาเคมีบำบัดมีผลต่อไขกระดูกทำให้มีการสร้างเม็ดเลือดขาวลดลง ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ควรรับประทานอาหารที่สะอาด และปรุงสุกเเล้วใหม่ ๆ ควรงดรับประทานผักสด หรือผลไม้ที่รับประทานทั้งเปลือก หากต้องการรับประทานควรล้างให้สะอาดและปอกเปลือกก่อนรับประทาน
  • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ระหว่างใช้ยานี้

ตั้งครรรภ์

รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'D' สำหรับสตรีมีครรภ์

ยามีความเสี่ยงในการก่อให้เกิดความผิดปกติต่อทารกในครรภ์ อย่างไรก็ตาม อาจใช้ยานี้ได้หากพิจารณาแล้วว่าประโยชน์จากการใช้ยามีมากกว่าความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์ ดังนั้นการพิจารณาใช้ยาให้อยู่ในดุลยพินิจของแพทย์

จากกลไกการออกฤทธิ์คลาดริบีน (cladribine) สามารถทำให้เกิดอันตรายต่อทารก เมื่อให้ยาในสตรีมีครรภ์จากการศึกษาพบว่าคลาดริบีน ทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนของสัตว์ทดลอง โปรดแจ้งแก่แพทย์หากกำลังวางแผนจะมีบุตร เนื่องจากคลาดริบีน อาจทำให้ทารกในครรภ์เสียชีวิตหรือเกิดทารกวิรูปได้เมื่อให้ยาในหญิงตั้งครรภ์ สตรีวัยเจริญพันธุ์ควรใช้วิธีคุมกำเนิดระหว่างใช้ยานี้

กำลังให้นมบุตร

โปรดแจ้งแก่แพทย์หากท่านกำลังให้นมบุตร หรือตั้งใจจะให้นมบุตรในระหว่างที่ได้รับยาคลาดริบีน (cladribine) เนื่องจากยาอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่รุนแรง จึงไม่แนะนำให้ทารกได้รับน้ำนมมารดาระหว่างใช้ยานี้

ผู้สูงอายุ

ยาหลายชนิดยังไม่มีการศึกษาในผู้สูงอายุ ดังนั้นจึงยังไม่ทราบการทำงานที่แท้จริงของยาว่ามีการทำงานเช่นเดียวกันกับในผู้ป่วยวัยอื่นหรือไม่ รวมทั้งยังไม่ทราบว่ายานี้ทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์, ปัญหาใด ๆ ที่แตกต่างกันในผู้สูงอายุหรือไม่ เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการเปรียบเทียบการใช้ยาคลาดริบีน (cladribine) ในผู้สูงอายุกับวัยอื่น ๆ

ยาอื่นที่ใช้อยู่

ถึงแม้ว่ายาบางอย่างไม่ควรใช้ร่วมกัน ในบางกรณีที่จำเป็นอาจใช้ร่วมกันได้ถึงแม้ว่าอันตรกิริยาอาจเกิดขึ้นก็ตาม โดยแพทย์อาจปรับเปลี่ยนขนาดยาหรืออาจมีข้อควรระวังอื่นๆ ที่จำเป็น ท่านต้องแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านกำลังใช้ยาต่อไปนี้ร่วมอยู่ด้วย
table{border:0px}.
|วัคซีนป้องกันวัณโรค (BCG vaccine)|
|วัคซีนโรคโปลิโอชนิดตัวเป็น (poliovirus vaccine, live)|
|วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิดตัวเป็น (influenza virus vaccine, live)|
|วัคซีนโรคหัดชนิดตัวเป็น (measles virus vaccine, live)|
|วัคซีนโรคคางทูมชนิดตัวเป็น (mumps virus vaccine, live)|
|วัคซีนโรตาไวรัสชนิดตัวเป็น (rotavirus vaccine, live)|
|วัคซีนโรคหัดเยอรมันชนิดตัวเป็น (rubella virus vaccine, live)|
|วัคซีนโรคฝีดาษ (smallpox vaccine)|วัคซีนไทฟอยด์ชนิดตัวเป็น (typhoid vaccine, live)|
|วัคซีนโรคอีสุกอีใส (varicella virus vaccine)|วัคซีนไข้เหลือง (yellow fever vaccine)|
|แอมโฟเทอริซินบี (amphotericin B)|ยาต้านไทรอยด์ (antithyroid)|
|แอซาไทโอพรีน (azathioprine)|คลอแรมเฟนิคอล (chloramphenicol)|
|คอลชิซีน (colchicines)|ฟลูไซโทซีน (flucytosine)|
|แกนไซโคลเวียร์ (ganciclovir)|อินเทอเฟียรอน (interferon)|
|พลิคามัยซิน (plicamycin)|ไซโดวูดีน (zidovudine)|
|เพนโทสแททิน (pentostatin)|

ภาวะโรคร่วม

ปัญหาความเจ็บป่วยอื่นที่ท่านเป็นอยู่อาจส่งผลต่อการใช้ยาคลาดริบีน (cladribine) ท่านควรแจ้งแพทย์หากท่านมีภาวะเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น

  • โรคอีสุกอีใส อาจทำให้โรครุนแรงขึ้น
  • โรคงูสวัด อาจทำให้โรครุนแรงขึ้น
  • โรคที่เกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกัน
  • โรคติดเชื้อต่าง ๆ ยาคลาดริบีน (cladribine) จะลดภูมิคุ้มกันของร่างกาย
  • โรคตับหรือไต
  • โรคเกาต์ (gout) นิ่ว – ยาคลาดริบีน (cladribine) ทำให้กรดยูริกในร่างกายเพิ่มขึ้น อาจทำให้โรคเกาต์กำเริบ หรือเกิดนิ่วได้

การใช้ที่ถูกต้อง

ยามีจำหน่ายในรูปแบบยาฉีด

  • ยานี้ต้องใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์
  • ระหว่างได้รับยานี้ ท่านควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรอย่างเคร่งครัด
  • สารละลายยาคลาดริบีน (cladribine) เตรียมโดยเภสัชกร ใช้สำหรับฉีดเข้าหลอดเลือดดำ โดยพยาบาลผู้มีความเชี่ยวชาญในการให้ยาเคมีบำบัด
  • ยาคลาดริบีน (cladribine) อาจทำให้ท่านมีอาการคลื่นไส้อาเจียน หากทนไม่ได้ ท่านต้องแจ้งแพทย์หรือพยาบาลที่ดูแล
  • ควรมาตรวจตามแพทย์นัดเพื่อติดตามผลการรักษาเป็นระยะ และให้ได้รับยาตามแผนการรักษา การได้ยาไม่ครบ หรือระยะเวลาไม่ตรงกำหนด ก่อให้เกิดผลเสียต่อการรักษา ถ้ามีเหตุจำเป็นต้องเลื่อนระยะเวลาการให้ยา ควรแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง

ขนาดยา

ขนาดยาของยาคลาดริบีน (cladribine) ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เช่น น้ำหนัก ส่วนสูงของผู้ป่วย ชนิดและระยะของโรคมะเร็งที่ผู้ป่วยเป็น รวมทั้งผลการตอบสนองต่อยาของผู้ป่วยแต่ละราย โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะเป็นผู้วิเคราะห์ แนะนำ และกำหนดเวลา และมีเภสัชกรผู้เตรียมยาเคมีบำบัด ตรวจสอบขนาดยาที่ท่านได้รับ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ป่วย นอกจากนี้ความถี่ของการให้ยาคลาดริบีน อาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสูตรยาที่ใช้ และสภาพร่างกายของผู้ป่วย เช่น ทุกสัปดาห์ หรือทุกเดือน บางครั้งอาจต้องหยุดยาชั่วคราว เพื่อให้ร่างกายมีเวลาพัก และซ่อมแซมเซลล์ปกติให้แข็งแรงพอที่จะให้ยาในครั้งต่อไปได้

เมื่อลืมใช้ยา

ควรติดตามผลการรักษาเป็นระยะ โดยมาตรวจตามแพทย์นัด และรับยาตามแผนการรักษา การได้ยาไม่ครบ หรือระยะเวลาไม่ตรงกำหนด ก่อให้เกิดผลเสียต่อการรักษา ถ้ามีเหตุจำเป็นต้องเลื่อนระยะเวลาการให้ยา ควรแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง

การเก็บรักษา

เก็บยาในตู้เย็นอุณหภูมิ 2°- 8° องศาเซลเซียส และป้องกันแสง

ข้อควรระวัง

  • ยาคลาดริบีน (cladribine) มีผลต่อไขกระดูกทำให้มีการสร้างเม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือด และเม็ดเลือดแดงลดลง ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย หรือภาวะเลือดออกง่าย ควรใช้ยาด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยที่ได้รับยาที่กดไขกระดูกร่วมด้วย
  • ควรหลีกเลี่ยงการพบปะกับคนที่เป็นหวัด หัด สุกใส วัณโรค มีไข้ หรือติดเชื้ออื่น ๆ หากมีอาการผิดปกติ ได้แก่ ไข้สูง หนาวสั่น ปัสสาวะแสบขัด เจ็บคอ ท้องเสีย เหนื่อยหอบผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ และแจ้งแพทย์ทุกครั้งว่าท่านกำลังรักษาด้วยยาเคมีบำบัดอยู่
  • ระหว่างที่ได้รับการรักษาด้วยยาคลาดริบีน (cladribine) ท่านไม่ควรได้รับวัคซีนใด ๆ โดยไม่ได้แจ้งแพทย์ เนื่องจากยาทำให้ภูมิคุ้มกันของท่านลดลง และมีโอกาสติดเชื้อจากวัคซีนที่ท่านได้รับ นอกจากนี้บุคคลที่ท่านอาศัยอยู่ด้วยก็ไม่ควรได้รับวัคซีนโปลิโอ เพราะอาจทำให้ท่านได้รับเชื้อไวรัสโปลิโอได้
  • ควรพบแพทย์ทันทีถ้าท่านมีเลือดออกผิดปกติ ปัสสาวะหรืออุจจาระเป็นเลือด ควรระมัดระวังการใช้ไหมขัดฟัน หรือไม้จิ้มฟัน และแจ้งทันตแพทย์ทุกครั้งว่าใช้ยานี้อยู่
  • จากการศึกษาทางคลินิก พบการเกิดไข้ในเดือนแรกของการศึกษา เนื่องจากอาการไข้มักเกิดในผู้ป่วยที่มีภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ ซึ่งเป็นอันตรายหากเกิดจากการติดเชื้อ แพทย์ผู้รักษาจะทำการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด และอาจให้การรักษาด้วยยาปฏิชีวนะหากมีภาวะเป็นไข้ขณะมีเม็ดเลือดขาวต่ำ (febrile neutropenia) ดังนั้นหากท่านมีอาการไข้ หรือมีอาการที่บ่งบอกถึงการติดเชื้อควรรีบไปพบแพทย์
  • ยาคลาดริบีน (cladribine) อาจเหนี่ยวนำให้เกิดภาวะกรดยูริกในเลือดสูง (hyperuricemia) จากการที่ยาไปทำลายเซลล์มะเร็ง แพทย์อาจทำการติดตามระดับกรดยูริกในเลือด และให้ยาเพื่อขับกรดยูริกออกจากร่างกาย
  • ยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอสำหรับการปรับขนาดยาในผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับ หรือไตบกพร่อง ผู้ป่วยที่ได้รับยาคลาดริบีน (cladribine) ในขนาดสูงอาจเกิดภาวะไตบกพร่องเฉียบพลันได้ ควรใช้ยาด้วยความระมัดระวังในผู้ที่มีการทำงานของตับ หรือไตบกพร่อง

อาการไม่พึงประสงค์

ยาอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์บางอย่างที่ไม่ต้องการ ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดกับผู้ใช้ยาทุกราย แต่หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้นควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม

ก. พบแพทย์ทันหากมีอาการต่อไปนี้
พบบ่อย

  • อุจจาระดำ, ปัสสาวะเป็นเลือด, ไอหรือเสียงแหบ, ไข้ สั่น, ปวดบั้นเอว, ปัสสาวะขัด , เลือดออกผิดปกติ หรือมีจ้ำเลือด

ข. พบแพทย์โดยเร็ว หากมีอาการต่อไปนี้
พบบ่อย

  • ผื่นผิวหนัง

พบน้อย

  • เจ็บบริเวณที่ฉีด, หายใจสั้น, ปวดท้อง , ขาบวม เท้าบวม, หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ

ค. อาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา อาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้จะหายไปในระหว่างการรักษาหรือหยุดยาไปแล้วเนื่อง จากร่างกายจะปรับตัวเข้ากับยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถ้าอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้เกิดขึ้นติดต่อกันนาน หรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของท่าน
พบบ่อย

  • ปวดศีรษะ, เบื่ออาหาร, คลื่นไส้ อาเจียน, อ่อนเพลีย
    พบน้อย
  • ท้องผูก, ท้องเสีย, คัน, ปวดข้อหรือกล้ามเนื้อ, นอนไม่หลับ
    ยานี้อาจทำให้ผมร่วงขณะใช้ยา หลังจากหยุดยาแล้วผมจะกลับมางอกตามปกติ

ง. อาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยบางราย หากท่านสังเกตเห็นอาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร

กลุ่มยา

ชื่อทางการค้า

ชื่อภาษาไทยอื่นที่อาจมีการใช้

ยาที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิง

  1. กองควบคุมยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข. สืบค้นทะเบียนยาสามัญสำหรับยาเดี่ยว. Fludarabine. Available at: http://wwwapp1.fda.moph.go.th/ed2547/?url=14 Access Date: June 12, 2010.
  2. วิลาวัณย์ พิชัยรัตน์ และ สมสมัย สุธีรศานต์. การดูแลตนเองเมื่อได้รับยาเคมีบำบัด [สำหรับผู้ป่วยเเละครอบครัว] พิมพ์ครั้งที่ 2 . โรงพยาบาลสงขลานครินทร์. 2552 หน้า 5-19
  3. Dailymed current medication information . Fludarabine Available at: http://dailymed.nlm.nih.gov/dailymed/drugInfo.cfm?id=9903 Date: July 3, 2010.
  4. Medina PJ and Fausel C. Cancer Treatment and Chemotherapy. In : DiPiro JT, Talbert RL, Yee GC, Matzke GR, Wells BG and Posey LM , editors.PharmacotherapyA Pathophysiologic Approach 7th ed. New York: McGraw-Hill; 2008. p. 2085-2108.
  5. MedlinePlus Trusted Health Information for You. Fludarabine Available at http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/druginfo/drug_Aa.html. Access Date: March 17, 2005.

เขียนโดย โพยม วงศ์ภูวรักษ์, ไตรรัตน์ แก้วเรือง

เขียนเมื่อ 03 Jul 2010 21:07 แก้ไขเมื่อ 12 Oct 2010 21:10

เพื่อนแนะนำ : เงินด่วน 30 นาทีถูกกฎหมาย, เราชนะรอบ 4, ยืมเงิน 3000 ด่วน, แอพผ่อนของ, กู้เงิน, สมัครบัตรเครดิต, สินเชื่อไม่เช็ค บูโรถูกกฎหมาย