อ่าน: 342
Hydrocortisone (Oral) (ไฮโดรคอร์ติโซนชนิดรับประทาน)
ไฮโดรคอร์ติโซน (hydrocortisone) เป็นยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตอรอยด์ (corticosteroids) หรืออาจเรียกสั้น ๆ ว่า “สเตอรอยด์” หรือ “สเตียรอยด์” ไฮโดรคอร์ติโซนมีฤทธิ์ลดอาการอักเสบและการแพ้ เช่น อาการระคายเคือง บวม แดง คัน
ไฮโดรคอร์ติโซนใช้รักษาโรคต่าง ๆ เช่น
- โรคหรือความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ (endocrine disorders) เช่น ต่อมหมวกไตทำงานได้ไม่เพียงพอ (adrenocortical insufficiency), ต่อมหมวกไตเจริญผิดปกติตั้งแต่กำเนิด (congenital adrenal hyperplasia) เป็นต้น
- ความผิดปกติเกี่ยวกับข้อ (rheumatic disorders) เช่น ข้ออักเสบจากโรคสะเก็ดเงิน (psoriatic arthritis), ข้ออักเสบรูมาทอยด์ (rheumatoid arthritis), กระดูกสันหลังอักเสบข้อยึดติด (ankylosing spondylitis), ปลอกเอ็นกล้ามเนื้ออักเสบ (tenosynovitis), ข้ออักเสบจากโรคเกาท์แบบเฉียบพลัน (acute gouty arthritis) เป็นต้น
- โรคผิวหนังชนิดต่าง ๆ เช่น ผิวหนังอักเสบเป็นผื่นตุ่มพองใหญ่คล้ายเฮอร์ปีส์ (bullous dermatitis herpetiformis), ผิวหนังแดงหลุดลอกเป็นแผ่น (exfoliative erythroderma) และกลุ่มอาการสตีเวนส์จอห์นสัน (Stevens-Johnson syndrome) เป็นต้น
- โรคภูมิแพ้ต่าง ๆ เช่น โรคหอบหืด, ผิวหนังอักเสบเหตุภูมิแพ้ (atopic dermatitis), ผิวหนังอักเสบเหตุสัมผัส (contact dermatitis), การแพ้ยา, เยื่อจมูกอักเสบภูมิแพ้ (allergic rhinitis) และการแพ้เซรุ่ม (serum sickness) เป็นต้น
- โรคมะเร็ง เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว และมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น
- กลุ่มอาการซิสเทมิกลูปัสอีริทีมาโทซัส หรือ เอสแอลอี (SLE)
ไฮโดรคอร์ติโซนอาจใช้เพื่อรักษาโรคอื่น ๆ ได้อีก ดังนั้นหากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
ยากลุ่มคอร์ติโคสเตอรอยด์ หรือ สเตอรอยด์ หรือ สเตียรอยด์ เป็นยาที่มีอาการข้างเคียงมากมาย และอาจทำให้เกิดอันตรายที่รุนแรงมาก จึงไม่ควรใช้ยาพร่ำเพรื่อ การใช้ยาต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์
ยากลุ่มคอร์ติโคสเตอรอยด์ หรือ สเตอรอยด์ หรือ สเตียรอยด์ เป็นยาที่มีอาการข้างเคียงมากมาย และอาจทำให้เกิดอันตรายที่รุนแรงมาก จึงไม่ควรใช้ยาพร่ำเพรื่อ การใช้ยาต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์
โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านเคยมีอาการผิดปกติใด ๆ หรือมี ประวัติการแพ้ยาไฮโดรคอร์ติโซน (hydrocortisone) หรือยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตอรอยด์ (corticosteroids) หรือ ส่วนประกอบใด ๆ ในยานี้ รวมทั้งการมีประวัติเคยแพ้สารอื่นๆ เช่น อาหาร, สารกันเสีย, สี เป็นต้น
หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ระหว่างใช้ยานี้ เนื่องจากเพิ่มการระคายต่อทางเดินอาหาร
ABCDX
รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'C' สำหรับสตรีมีครรภ์
จากการศึกษาในสัตว์พบว่ายาทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์ แต่ไม่มีรายงานการศึกษาที่ควบคุมอย่างดีในมนุษย์ หรือ ไม่มีรายงานการศึกษาในมนุษย์และสัตว์ถึงผลของยาต่อตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์ ดังนั้น ควรใช้ยานี้เมื่อมีการประเมินแล้วว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์
ไม่มีการศึกษาการใช้ยานี้ในสตรีที่ตั้งครรภ์ แต่จากการศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่าการกินยาคอร์ติโคสเตอรอยด์ (corticosteroids) ก่อให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนของสัตว์ทดลอง ก
การใช้ยานี้ในสตรีมีครรภ์ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
ยาไฮโดรคอร์ติโซน (hydrocortisone) สามารถผ่านออกทางน้ำนมได้ และอาจก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ในทารกที่ได้รับน้ำนมมารดา
สตรีที่กำลังให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยานี้
อาการไม่พึงประสงค์ที่เกิดขึ้นในผู้ป่วยเด็กไม่ได้แตกต่างจากผู้ใหญ่ เด็กที่ใช้ยาคอร์ติโคสเตอรอยด์ ควรได้รับการตรวจวัดความดันโลหิต, บันทึกน้ำหนัก ส่วนสูง, ความดันในลูกตา และประเมินการเกิดภาวะต่าง ๆ เช่น การติดเชื้อ, การเกิดภาวะลิ่มเลือดหลุดอุดตัน (thromboembolism), อาการทางจิต, แผลในทางเดินอาหาร, ต้อกระจก และกระดูกพรุน เป็นต้น
การใช้ยาคอร์ติโคสเตอรอยด์ เป็นเวลานาน อาจยับยั้งการเจริญเติบโตในเด็ก ทำให้เด็กโตช้าและหยุดสูงเร็วกว่าปกติ
จำนวนของผู้ป่วยที่อายุมากกว่า 65 ปีในการศึกษาการใช้ยาคอร์ติโคสเตอรอยด์ (corticosteroids) มีไม่เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นความแตกต่างของการตอบสนองต่อยาเมื่อเทียบกับวัยผู้ใหญ่ทั่วไป
โดยทั่วไปแล้วควรใช้ยาด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยสูงอายุ เนื่องจากมีการทำงานของตับ ไต และหัวใจที่ลดลง
ผู้ป่วยสูงอายุที่ใช้ยานี้อาจมีความดันโลหิตสูงขึ้น เน้ตาลในเลือดสูง หรือเกิดโรคกระดูกพรุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อใช้ยาเป็นระยะเวลานาน
ผู้ป่วยสูงอายุที่ใช้ยาคอร์ติโคสเตอรอยด์ ควรได้รับการตรวจวัดความดันโลหิต, ความดันในลูกตา และประเมินการเกิดภาวะต่าง ๆ เช่น การติดเชื้อ, การเกิดภาวะลิ่มเลือดหลุดอุดตัน (thromboembolism), อาการทางจิต, แผลในทางเดินอาหาร, ต้อกระจก และกระดูกพรุน เป็นต้น
ถึงแม้ว่ายาบางอย่างไม่ควรใช้ร่วมกัน ในบางกรณีที่จำเป็นอาจใช้ร่วมกันได้ถึงแม้ว่าอันตรกิริยาอาจเกิดขึ้นก็ตาม โดยแพทย์อาจปรับเปลี่ยนขนาดยาหรืออาจมีข้อควรระวังอื่น ๆ ที่จำเป็น ท่านต้องแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านกำลังใช้ยาต่อไปนี้ร่วมอยู่ด้วย
แอมโฟเทอริซิน บี (amphotericin B) |
แอสไพริน (aspirin) |
แอทราคิวเรียม (atracurium) |
บูโพรเพียน (bupropion) |
คาร์บามาซีพีน (carbamazepine) |
โคลีสไทรามีน(cholestyramine) |
ซิโพรฟลอกซาซิน (ciprofloxacin) |
โคลีสทิพอล (colestipol) |
เดสโซเจสเทรล(desogestrel) |
ดรอสเพียรีโนน (drospirenone) |
เอไคนาเชีย (echinacea) |
เอสทราไดออล (estradiol) |
ฟอสเฟนิทอยน์ (fosphenytoin) |
ฟิวโรซีไมด์ (furosemide) |
ไฮโดรคลอโรไทอาไซด์(hydrochlorothiazide) |
อิทราโคนาโซล (itraconazole) |
เลโวฟลอกซาซิน (levofloxacin) |
เลโวนอร์เจสเทรล (levonorgestrel) |
ชะเอมเทศ (licorice) |
โลมีฟลอกซาซิน (lomefloxacin) |
เมดดรอกซีโปรเจสเทอโรน (medroxyprogesterone) |
เมสทรานอล (mestranol) |
โมซิฟลอกซาซิน (moxifloxacin) |
นีโอสทิกมีน (neostigmine) |
นอร์เอทินโดรน (norethindrone) |
นอร์ฟลอกซาซิน (norfloxacin) |
นอร์เจสทิเมต (norgestimate) |
นอร์เจสเทรล (norgestrel) |
โอฟลอกซาซิน (ofloxacin) |
แพนคิวโรเนียม (pancuronium) |
ฟีโนบาร์บิทอล (phenobarbital) |
เฟนิทอยน์ (phenytoin) |
พริมิโดน (primidone) |
ไพริโดสทิกมีน (pyridostigmine) |
คิวไทอาพีน (quetiapine) |
ไรแฟมพิน (rifampin) |
โรคิวโรเนียม (rocuronium) |
เทรทิโนอิน (tretinoin) |
วอร์ฟาริน (warfarin) |
วัคซีนโรคพิษสุนัขบ้า (rabies vaccine) |
วัคซีนโรตาไวรัสชนิดตัวเป็น (rotavirus vaccine, live) |
วัคซีนโรคหัดเยอรมันชนิดตัวเป็น (rubella virus vaccine, live) |
วัคซีนโรคฝีดาษ (smallpox vaccine) |
ทอกซอยด์โรคบาดทะยัก (tetanus toxoid) |
วัคซีนไทฟอยด์ (typhoid vaccine) |
วัคซีนโรคอีสุกอีใส (varicella virus vaccine) |
วัคซีนไข้เหลือง (yellow fever vaccine) |
วัคซีนโรควัวบ้า (anthrax vaccine adsorbed) |
วัคซีนเฮโมฟิลุส บี (haemophilus B vaccine) |
วัคซีนไวรัสตับอักเสบ เอ (hepatitis A vaccine, inactivated) |
วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ชนิดตัวเป็น (influenza virus vaccine, live) |
วัคซีนโรคหัดชนิดตัวเป็น (measles virus vaccine, live) |
วัคซีนโรคคางทูมชนิดตัวเป็น (mumps virus vaccine, live) |
วัคซีนโรคไอกรน(pertussis vaccine) |
วัคซีนโรคโปลิโอชนิดตัวเป็น (poliovirus vaccine, live) |
อาจมียาอีกหลายชนิดที่ไม่ควรใช้ร่วมกับยาไฮโดรคอร์ติโซน (hydrocortisone) ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบว่าท่านกำลังใช้ยาใดอยู่ในขณะนี้
ปัญหาความเจ็บป่วยหรือโรคที่ห้ามใช้ยาไฮโดรคอร์ติโซน (hydrocortisone) ท่านต้องแจ้งแพทย์ หากท่านมีภาวะเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น
- โรคติดเชื้อต่าง ๆ เช่น โรคเอดส์ (AIDS), วัณโรค, สุกใส เนื่องจากยากดภูมิต้านทานของร่างกายต่อเชื้อ
- โรคเบาหวาน เนื่องจากยาทำให้น้ำตาลในเลือดสูง ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ และทำให้โรคเบาหวานรุนแรงขึ้น
- โรคแผลในทางเดินอาหาร เช่น มีแผลเปื่อยที่กระเพาะหรือลำไส้ เนื่องจากยานี้ทำให้กระเพาะอาหารและลำไส้เป็นแผลและมีเลือดออกได้
- ต้อหิน
- โรคหัวใจ หลอดเลือด
- โรคไต
- โรคไขมันในเลือดสูง
- โรคตับ
- ไทรอยด์
- โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (myasthenia gravis)
- โรคกระดูกพรุน
- ความผิดปกติทางจิต
- ไฮโดรคอร์ติโซน (hydrocortisone) ชนิดรับประทานมีจำหน่ายในรูปแบบเม็ด
- ควรรับประทานยาหลังอาหารทันที่แล้วดื่มน้ำตามมาก ๆ เพื่อลดอาการไม่พึงประสงค์ต่อทางเดินอาหาร
- หากรับประทานไฮโดรคอร์ติโซน วันละครั้งเดียวให้รับประทานยาตอนเช้าเพื่อ ลดอาการข้างเคียงของยา นอกจากนี้ แพทย์อาจสั่งให้ผู้ป่วยบางรายรับประทานยาไฮโดรคอร์ติโซนวันเว้นวันเพื่อลดอาการ ข้างเคียงของยา ท่านอาจมีอาการของโรคที่ท่านรักษาอยู่บ้างเล็กน้อยในวันที่ไม่ได้รับประทาน ยา แต่ถ้ามีอาการมากให้แจ้งแพทย์ผู้รักษา
- เมื่อท่านรับประทานยาไฮโดรคอร์ติโซน (hydrocortisone) มาเป็นระยะเวลานาน อาการของท่านอาจจะดีขึ้น แต่ยังไม่หายขาด ให้รับประทานยาต่อไป ท่านไม่ควรหยุดรับประทานยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ การหยุดยาทันทีทำให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนสเตอรอยด์มาทดแทนไม่เพียงพอ และอาจทำให้เกิดอาการถอนยาได้ เช่น ทำให้เบื่ออาหาร คลื่นไส้อาเจียน อ่อนล้า ปวดศรีษะ มีไข้ ปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ น้ำหนักตัวลดลง ความดันโลหิตต่ำ เป็นต้น
- กฎหมายกำหนดให้ยาไฮโดรคอร์ติโซน (hydrocortisone) ชนิดรับประทานเป็นยาควบคุมพิเศษ ท่านควรได้รับยานี้โดยมีแพทย์เป็นผู้สั่งจ่าย
ขนาดยาของไฮโดรคอร์ติโซน (hydrocortisone) อาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ควรใช้ยาตามใบสั่งยาของแพทย์หรือคำแนะนำของเภสัชกรหรือตามที่ฉลากระบุ
จำนวนครั้งของการรับประทานยาในแต่ละวัน, ระยะห่างของการรับประทานยาในแต่ละครั้งและระยะเวลาที่ท่านรับประทานยาขึ้น อยู่กับสภาวะโรคของท่าน
- หากรับประทานยาแบบทุกวัน วันละหนึ่งครั้ง หรือ หลายครั้ง ให้รับประทานยาทันทีที่นึกได้ แต่ถ้าใกล้เวลาของยามื้อต่อไปให้ข้ามยามื้อที่ลืมและรับประทานต่อในมื้อปกติ ห้ามเพิ่มจำนวนเม็ดยาเป็นสองเท่า
- หากรับประทานยาแบบวันเว้นวัน วันละหนึ่งครั้ง และลืมรับประทานยาในตอนเช้า ถ้านึกขึ้นได้ในช่วงเช้าของวันนั้นให้รับประทานยาเม็ดที่ลืมในทันทีที่นึก ได้ แต่ถ้านึกได้ในหลังจากนั้น ให้ข้ามยามื้อที่ลืมและรอรับประทานยาในเช้าวันรุ่งขึ้น และเว้นไม่รับประทานยา 1 วัน แล้วเริ่มรับประทานยาต่อไปตามปกติ ห้ามเพิ่มจำนวนเม็ดยาเป็นสองเท่า
การแก้ปัญหาวิธีลืมรับประทานยาชนิดนี้มีหลายวิธี แพทย์หรือเภสัชกรอาจแนะนำวิธีแก้ปัญหาการลืมกินยาแบบอื่นให้ท่านก็ได้ เพราะขึ้นอยู่กับภาวะของตัวท่านเองและวิธีการรักษา
- เก็บในภาชนะปิดสนิทให้พ้นมือเด็ก
- เก็บให้ห่างจากความร้อนและหลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
- ห้ามเก็บยาไว้ในห้องน้ำ ใกล้อ่างล้างมือหรือที่ชื้น เนื่องจากความร้อนหรือความชื้นอาจเป็นสาเหตุให้ยาเสื่อมคุณภาพ
- ห้ามใช้ยาหลังวันสิ้นอายุของยาที่แสดงไว้บนฉลาก หากไม่ระบุเป็นอย่างอื่น วันสิ้นอายุของยา หมายถึง วันสุดท้ายของเดือนที่แสดงบนฉลาก
ควรไปพบแพทย์ตามนัด หากต้องใช้ยานี้เป็นระยะเวลานาน
- ยาไฮโดรคอร์ติโซน (hydrocortisone) มีผลกดภูมิคุ้มกัน ผู้ที่รับประทานยาติดต่อกันเป็นระยะเวลานานอาจมีภูมิคุ้มกันที่ต่ำกว่าคนทั่วไป ทำให้ติดเชื้อต่างๆ และเกิดโรคได้ง่าย ยกตัวอย่างเช่น โรคสุกใส หรือโรคหัด ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงการพบปะกับคนที่เป็นหวัด หัด สุกใส วัณโรค มีไข้ หรือติดเชื้ออื่นๆ หากมีอาการผิดปกติ ได้แก่ ไข้สูง หนาวสั่น ปัสสาวะแสบขัด เจ็บคอ ท้องเสีย เหนื่อยหอบผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์ และแจ้งแพทย์ทุกครั้งว่าท่านกำลังรักษาด้วยยาไฮโดรคอร์ติโซน อยู่
- ยาไฮโดรคอร์ติโซน (hydrocortisone) ในระยะยาวอาจทำให้เกิดต้อกระจก (posterior subcapsular cataracts) หรือต้อหินที่มีการทำลายของเส้นประสาทตา และเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดของการติดเชื้อราหรือไวรัสที่ตาได้
- การรับประทานยาไฮโดรคอร์ติโซน (hydrocortisone) เป็นระยะเวลานานอาจมีการกดการทำงานของต่อมไฮโปทาลามัส-พิทูอิทา รี-ต่อมหมวกไต (hypothalamic-pituitary-adrenal axis suppression) ซึ่งอาจแสดงออกโดยกลุ่มอาการคุชชิ่ง (Cushing’s syndrome) ซึ่งทำให้มีความผิดปกติหลายอย่าง เช่น บวมน้ำ น้ำหนักขึ้นอย่างรวดเร็ว หน้ากลมเหมือนดวงจันทร์ มีโหนกตรงต้นคอ นอกจากนี้ยังทำให้น้ำตาลในเลือดสูง และมีน้ำตาลออกมากับปัสสาวะ (glucosuria) เป็นต้น
- การรับประทานยาไฮโดรคอร์ติโซน (hydrocortisone) ในขนาดยาสูง ๆ อาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูง , การคั่งของน้ำและเกลือในร่างกาย และเพิ่มการขับเกลือโพแทสเซียมออกจากร่างกาย แพทย์อาจให้ท่านจำกัดการรับประทานเกลือแกง และให้โพแทสเซียมเสริมแก่ท่านถ้า
- การรับประทานยาไฮโดรคอร์ติโซน (hydrocortisone) ในขนาดยาสูง ๆ ในระยะเวลานาน อาจมีผลอาการทางจิต เช่น มีภาวะเคลิ้มสุข (euphoria), ฝันร้าย, นอนไม่หลับ, คิดฆ่าตัวตาย เป็นต้น ควรระมัดระวังการใช้ยาในผู้ที่มีความผิดปกติทางจิตอยู่ก่อนแล้ว
ยาอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์บางอย่างที่ไม่ต้องการ ถึงแม้ว่าอาการไม่พึงประสงค์ต่อไปนี้อาจไม่ได้เกิดขึ้นทั้งหมด แต่หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้นควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม
ก. พบแพทย์โดยเร็วหากมีอาการต่อไปนี้
พบไม่บ่อย
- การมองเห็นลดลง หรือตาพร่า
- ปัสสาวะบ่อย
- กระหายน้ำ
พบน้อย
- สับสน
- ประสาทหลอน
- ซึมเศร้า
- อารมณ์แปรปรวน
- กระสับกระส่าย
- ผื่นผิวหนัง หรือลมพิษ
ข.อาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้ อาจเกิดขึ้นได้เมื่อใช้ยาเป็นระยะเวลานาน โปรดไปพบพบแพทย์หากท่านเกิดอาการเหล่านี้
- ปวดท้อง หรือปวดแสบท้อง
- สิว
- อุจจาระดำ หรืออุจจาระเป็นเลือด
- การมองเห็นเปลี่ยนไป
- ปวดตา
- หน้ากลม
- ปวดศีรษะ
- หัวใจเต้นผิดปกติ
- รอบเดือนมาผิดปกติ
- ปวดเกร็งกล้ามเนื้อ
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- แขน ขาบวม
- ผิวหนังแตกลาย
- ผิวหนังบางลง
- นอนไม่หลับ
- มีจ้ำเลือด
- คลื่นไส้ อาเจียน
- น้ำหนักเพิ่ม
- แผลหายช้า
ค. อาการไม่พึงประสงค์อื่นๆ อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา อาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้จะหายไปในระหว่างการรักษาหรือหยุดยาไปแล้วเนื่องจากร่างกายจะปรับตัว เข้ากับยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถ้าอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้เกิดขึ้นติดต่อกันนาน หรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของท่าน
พบบ่อย
- เพิ่มความอยากอาหาร
- อาหารไม่ย่อย
พบไม่บ่อย หรือ พบน้อย
- สีผิวเข้มขึ้น หรือจางลง
- วิงเวียนศีรษะ
- สะอึก
- เหงื่อออกมาก
ง. อาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยบางราย หากท่านสังเกตเห็นอาการข้างเคียงอื่นๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ยานี้จัดอยู่ในกลุ่มยาต่อไปนี้
ยานี้เกี่ยวข้องกับยาต่อไปนี้
Betamethasone , Dexamethasone (Oral), Fludrocortisone (Oral), Prednisolone (Oral), Triamcinolone (Oral)
ยานี้มีชื่อทางการค้าต่อไปนี้
Cortef (tablets 10 mg) (คอร์เทฟ (ชนิดเม็ด 10 มก.))
ข้อมูลนี้ไม่สมบูรณ์ ยานี้อาจจะยังมีชื่อทางการค้าอื่นที่ไม่ได้แสดงในนี้ หรือชื่อทางการค้าที่แสดงในนี้อาจจะไม่อนุญาตให้จำหน่ายแล้ว
- กองควบคุมยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข. สืบค้นทะเบียนยาสามัญสำหรับยาเดี่ยว. Hydrocortisone. Available at: http://wwwapp1.fda.moph.go.th/ed2547/?url=14 Access Date: Oct 12, 2010.
- กองควบคุมยา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข.ประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง ยาควบคุมพิเศษ.Available at:http://wwwapp1.fda.moph.go.th/drug/zone_law/law039.aspAccess Date: Oct 12, 2010.
- British Medical Association and Royal Pharmaceutical Society of Great Britain. British National Formulary. 57th ed. (March, 2009) BMJ Publishing Group Ltd., London, 388-392.
- Dailymed current medication information. Hydrocortisone. Available at: http://dailymed.nlm.nih.gov/dailymed/drugInfo.cfm?id=13720 Access Date: Jan 29, 2011.
- MedlinePlus Trusted Health Information for You. Corticosteroids Glucocorticoid Effects (Systemic) Available at http://www.nlm.nih.gov/medlineplus/druginfo/drug_Aa.html. Access Date: March 17, 2005.
- The Merck Manuals Online medical Library The Merck Manual for Healthcare Professionals: Hydrocortisone Drug Information Provided by Lexi-Comp. Available at: http://www.merckmanuals.com/professional/lexicomp/hydrocortisone.html Access Date: Jan 29, 2011.