ยาสูตรผสมระหว่างไดฟีนอกซิเลตและแอโทรพีน (diphenoxylate and atropine) ใช้สำหรับรักษาอาการท้องร่วงในผู้ใหญ่ ไดฟีนอกซิเลต (diphenoxylate) ช่วยหยุดอาการท้องร่วงโดยทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ให้ช้าลง
เนื่องจากไดฟีนอกซิเลต (diphenoxylate) มีโครงสร้างเคมีคล้ายคลึงกับยาเสพติดกลุ่มนาร์โคติก หากรับประทานยาในขนาดสูงกว่าที่ระบุอาจทำให้เกิดการติดยา เพื่อป้องกันการใช้ยาในทางที่ผิดที่อาจเกิดขึ้นจึงมีการเติมแอโทรพีน (atropine) (เป็นยาต้านโคลิเนอร์จิค) หากรับประทานยาขนาดสูงกว่าขนาดปกติอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์จากแอโทรพีน (atropine) ทำให้ไม่อยากใช้ยาในครั้งต่อไป
ไม่ควรใช้ยาสูตรผสมระหว่างไดฟีนอกซิเลตและแอโทรพีน (diphenoxylate and atropine) ในเด็ก เด็กที่มีอาการท้องร่วงควรได้รับสารละลายของคาร์โบไฮเดรต (น้ำตาล) และเกลือแร่ที่สำคัญต่าง ๆ เพื่อทดแทนน้ำ น้ำตาลและเกลือแร่ที่สำคัญที่ได้สูญเสียจากร่างกายในขณะท้องร่วง
โปรดแจ้งแพทย์หากท่านเคยมีอาการผิดปกติใดๆ หรือมีประวัติการแพ้ยาไดฟีนอกซิเลต (diphenoxylate) หรือแอโทรพีน (atropine) หรือ ส่วนประกอบใด ๆ ในยานี้ รวมทั้งการมีประวัติเคยแพ้สารอื่นๆ เช่น อาหาร สารกันเสียหรือสี เป็นต้น
รายการนี้จัดอยู่ในประเภท 'C' สำหรับสตรีมีครรภ์
จากการศึกษาในสัตว์พบว่ายาทำให้เกิดความผิดปกติต่อตัวอ่อนในครรภ์ แต่ไม่มีรายงานการศึกษาที่ควบคุมอย่างดีในมนุษย์ หรือ ไม่มีรายงานการศึกษาในมนุษย์และสัตว์ถึงผลของยาต่อตัวอ่อนหรือทารกในครรภ์ ดังนั้น ควรใช้ยานี้เมื่อมีการประเมินแล้วว่าจะเกิดประโยชน์มากกว่าความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติของทารกในครรภ์
ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ เว้นแต่แพทย์พิจารณาแล้วว่าจำเป็นต้องใช้เพราะยังไม่มีการศึกษาในมนุษย์ จากการศึกษาในสัตว์ทดลองโดยให้ยานี้ในขนาดที่สูงกว่าขนาดปกติที่ใช้ในมนุษย์พบว่าไม่ทำให้เกิดทารกวิรูป อย่างไรก็ตามการศึกษาในหนูหลายการศึกษาแสดงให้เห็นว่ายานี้ทำให้น้ำหนักของหนูลดลงและลดโอกาสของการตั้งครรภ์หรือเกิดการตั้งครรภ์เมื่อให้ยานี้ในขนาดที่สูงกว่าขนาดปกติที่ใช้ในมนุษย์หลายเท่า
ถึงแม้ว่าทั้งไดฟีนอกซิเลต (diphenoxylate) และแอโทรพีน (atropine) สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมได้ แต่ยังไม่มีรายงานว่ายานี้ทำให้เกิดปัญหาในเด็กที่ได้รับนมมารดา
ไม่ควรใช้ยานี้ในเด็กโดยเฉพาะเด็กเล็กมาก ๆ จะไวต่อฤทธิ์ของไดฟีนอกซิเลต (diphenoxylate) และแอโทรพีน (atropine) มาก ยานี้อาจทำให้มีโอกาสเกิดอาการข้างเคียงระหว่างการรักษาเพิ่มขึ้น เช่น ปากแห้ง ข้อแห้ง และทำให้อาการการสูญเสียน้ำจากอาการท้องร่วงรุนแรงขึ้น จึงจำเป็นต้องได้รับสารน้ำทดแทนของเหลวที่ร่างกายสูญเสีย หากท่านมีข้อสงสัยใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
อาจทำให้หายใจสั้นหรือหายใจลำบากโดยเฉพาะผู้ป่วยสูงอายุซึ่งมักไวต่อฤทธิ์ของไดฟีนอกซิเลต (diphenoxylate) มากกว่าวัยอื่น ยานี้ทำให้มีอากรปากแห้ง คอแห้งและอาจทำให้อาการการสูญเสียน้ำจากอาการท้องร่วงรุนแรงขึ้น ผู้สูงอายุจึงไม่ควรรับประทานยานี้โดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร และจำเป็นต้องได้รับสารน้ำทดแทนของเหลวที่ร่างกายสูญเสีย หากท่านมีข้อสงสัยใดๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ถึงแม้ว่ายาบางอย่างไม่ควรใช้ร่วมกัน ในบางกรณีที่มีจำเป็นอาจใช้ร่วมกันได้ถึงแม้ว่าอันตรกิริยาอาจเกิดขึ้นก็ตาม โดยแพทย์อาจปรับเปลี่ยนขนาดยาหรืออาจมีข้อควรระวังอื่นๆ ที่จำเป็น เมื่อท่านต้องการจะรับประทานยาสูตรผสมระหว่างไดฟีนอกซิเลตและแอโทรพีน (diphenoxylate and atropine) ท่านต้องแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านกำลังใช้ยาต่อไปนี้อยู่
ปัญหาความเจ็บป่วยอื่นที่ท่านเป็นอยู่อาจส่งผลต่อการใช้ยาสูตรผสมระหว่างไดฟีนอกซิเลตและแอโทรพีน (diphenoxylate and atropine) ท่านควรแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านมีสภาวะเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น
หากยานี้ระคายเคืองกระเพาะอาหาร อาจรับประทานยานี้พร้อมอาหาร
รับประทานยานี้ตามแพทย์สั่งหรือคำแนะนำของเภสัชกรเท่านั้น ห้ามรับประทานยานี้มากเกินไป บ่อยเกินไปหรือนานเกินกว่าที่แพทยสั่ง หากรับประทานยานี้มากเกินไปอาจทำให้ติดยา
ความสำคัญของอาหาร, เครื่องดื่มที่รับประทานระหว่างรักษาอาการท้องร่วง
นอกจากการใช้ยาในการรักษาอาการท้องร่วงแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การทดแทนน้ำที่สูญเสียไปและการรับประทานอาหารที่เหมาะสม
หากท่านสูญเสียน้ำจากอาการท้องร่วงมากเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ (dehydration) ควรพบแพทย์ทันทีหากท่านมีอาการเหล่านี้ซึ่งเป็นอาการแสดงของภาวะขาดน้ำ (dehydration)
ขนาดยายาสูตรผสมระหว่างไดฟีนอกซิเลตและแอโทรพีน (diphenoxylate and atropine) อาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์ หรือ เภสัชกร หรือ ตามที่ระบุไว้บนฉลากยา
หากท่านลืมรับประทานยาให้รีบรับประทานทันทีที่นึกได้ ถ้าใกล้ถึงมื้อต่อไปให้ข้ามมื้อที่ลืมและรับประทานยาต่อในมื้อถัดไปในขนาดยาปกติ โดยไม่ต้องเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
ท่านควรพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามผลการรักษาหากท่านต้องการรับประทานยานี้ติดต่อกันนาน
ควรไปพบแพทย์หากยังคงมีอาการท้องร่วงหลังจากรับประทานยาแล้ว 2 วันหรือมีไข้เกิดขึ้น
ยานี้จะเสริมฤทธิ์ของแอลกอฮอล์และยากดระบบประสาทส่วนกลางตัวอื่นๆ (ยาที่ทำให้เกิดอาการง่วงซึม) ตัวอย่างของยากดระบบประสาทส่วนกลาง ได้แก่ ยาแก้แพ้ หรือยาต้านฮิสตามินหรือยาสำหรับไข้ละอองฟาง อาการแพ้อื่นๆ หรือไข้หวัด, ยากล่อมประสาทหรือยานอนหลับ, ยาบรรเทาปวดกลุ่มนาร์โคติก เช่น มอร์ฟีน (morphine), โคเดอีน (codeine), ยานอนหลับบาบิทูเรต (barbiturates), ยากันชัก, ยาคลายกล้ามเนื้อหรือยาสลบรวมถึงยาสลบที่ใช้ทางทันตกรรม ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนรับประทานยาดังกล่าวขณะท่านกำลังรับประทานยานี้
หากท่านคิดว่าท่านหรือบุคคลอื่นอาจได้รับยานี้เกินขนาด ควรได้รับการช่วยเหลือโดยด่วน การรับประทานยานี้เกินขนาดอาจทำให้หมดสติและอาจถึงแก่ชีวิต สัญญาณและอาการแสดงของการได้รับยาเกินขนาด เช่น ง่วงซึมรุนแรง หายใจสั้นหรือหายใจลำบาก ชีพจรเต้นเร็ว ตัวอุ่นผิดปกติ ผิวแห้งและแดง
ก่อนได้รับการผ่าตัดใดๆ (รวมถึงการผ่าตัดทางทันตกรรม) หรือการรักษาฉุกเฉิน โปรดแจ้งแพทย์หรือทันตแพทย์หากท่านกำลังรับประทานยานี้
ยานี้อาจทำให้ผู้ป่วยบางรายง่วงซึม เวียนศีรษะหรือมึนงง หากท่านมีอาการมึนงงหรือรู้สึกไม่ตื่นตัว ท่านไม่ควรขับขี่ยานพาหนะ ใช้เครื่องจักรหรือทำกิจกรรมที่เสี่ยงอันตราย
ยาอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์บางอย่างที่ไม่ต้องการ ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ได้เกิดกับผู้ใช้ยาทุกราย แต่หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้นควรได้รับการรักษาที่เหมาะสม
ก. ควรพบแพทย์ทันที หากมีอาการไม่พึงประสงค์ต่อไปนี้เกิดขึ้น เมื่อรับประทานยานี้ในขนาดต่ำในช่วงสั้นๆ อาการไม่พึงประสงค์จะเกิดได้น้อยมาก อาการไม่พึงประสงค์ต่อไปนี้มีความรุนแรงเกิดขึ้นทันทีทันใด แต่อาการเหล่านี้อาจมีอาการที่บ่งบอกถึงความรุนแรงและอันตรายต่อทางเดินอาหารของท่าน
ข. ควรพบแพทย์หากมีอาการไม่พึงประสงค์ต่อไปนี้เกิดขึ้น เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของการได้รับยานี้เกินขนาด
ค. อาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ อาจเกิดขึ้นได้โดยไม่จำเป็นต้องได้รับการรักษา อาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้จะหายไปในระหว่างการรักษาเนื่องจากร่างกายจะปรับตัวเข้ากับยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถ้าอาการไม่พึงประสงค์เหล่านี้เกิดขึ้นติดต่อกันนานหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของท่าน
พบน้อยหรือน้อยมาก
ง. หลังจากหยุดใช้ยานี้ร่างกายอาจจำเป็นต้องใช้เวลาในการปรับตัว ระยะเวลาขึ้นกับปริมาณยาและระยะเวลาที่รับประทานยา ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรหากท่านมีอาการไม่พึงประสงค์ต่อไปนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว
พบน้อยมาก
๕*จ. อาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้อาจเกิดขึ้นในผู้ป่วยบางราย** หากท่านสังเกตเห็นอาการไม่พึงประสงค์อื่น ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ยานี้จัดอยู่ในกลุ่มยาต่อไปนี้
ยานี้เกี่ยวข้องกับยาต่อไปนี้
Bismuth subsalicylate, Kaolin and Pectin, Loperamide
ยานี้มีชื่อทางการค้าต่อไปนี้
Lomotil (โลโมติล)
ข้อมูลนี้ไม่สมบูรณ์ ยานี้อาจจะยังมีชื่อทางการค้าอื่นที่ไม่ได้แสดงในนี้ หรือชื่อทางการค้าที่แสดงในนี้อาจจะไม่อนุญาตให้จำหน่ายแล้ว
ยานี้มีชื่อภาษาไทยอื่นที่มีการใช้ดังต่อไปนี้
ยาสูตรผสมระหว่างไดฟีนอกซิเลต และอะโทรพีน
ข้อมูลนี้ไม่สมบูรณ์ ยานี้อาจจะยังมีชื่อภาษาไทยอื่นที่อาจมีการใช้ ซึ่งไม่ได้แสดงในนี้