อ่าน: 960
Antihistamine, Decongestant, Antipyretic and Analgesic Combination (ยาสูตรผสมระหว่างยาลดน้ำมูก บรรเทาอาการคัดจมูก ลดไข้และแก้ปวด)
ยาสูตรผสมระหว่างยาต้านฮิสตามีน บรรเทาอาการคัดจมูกและลดไข้ (antihistamines, decongestants and antipyretics) ใช้รับประทานเพื่อบรรเทาอาการจาม น้ำมูกไหล คัดจมูก มีไข้ ปวดศีรษะและปวดเนื่องจากไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไข้ละอองฟาง ยาสูตรผสมนี้ไม่มีตัวยาที่ช่วยบรรเทาอาการไอ
ยาต้านฮิสตามีน (antihistamines) ใช้ในการบรรเทาหรือป้องกันอาการของไข้ละอองฟางและอาการแพ้ชนิดอื่น ๆ ยากลุ่มนี้ช่วยบรรเทาอาการของไข้หวัด เช่น อาการจามและน้ำมูกไหล ออกฤทธิ์โดยป้องกันผลของสารที่เรียกว่าฮิสตามิน (histamine) ซึ่งถูกสร้างขึ้นภายในร่างกาย ยาต้านฮิสตามีนที่ผสมในสูตรยานี้ได้แก่ บรอมเฟนิรามีน (brompheniramine) คลอร์เฟนิรามีน (chlorpheniramine) เด็กซ์บรอมเฟนิรามีน (dexbrompheniramine) ไดเฟนไฮดรามีน (diphenhydramine) เฟนิรามีน (pheniramine) ฟีนิลโทล็อกซามีน (phenyltoloxamine) ไพริลามีน (pyrilamine) และไตรโพรลิดีน (triprolidine)
ยาบรรเทาอาการคัดจมูก เช่น เฟนิลเอฟริน (phenylephrine) และซูโดเอฟรีดิน (pseudoephedrine) ทำให้เส้นเลือดหดตัวส่งผลทำให้ทางเดินหายใจภายในจมูกโล่งขึ้น แต่อาจทำให้เพิ่มความดันโลหิตจึงควรระวังในผู้ป่วยที่มีโรคความดันโลหิตสูง
ยาบรรเทาปวด เช่น พาราเซทามอล (paracetamol) และซาลิซิเลต (salicylates) ใช้ในยาสูตรผสมนี้เพื่อบรรเทาอาการไข้ ปวดศีรษะ
โปรดแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านเคยมีอาการผิดปกติใดๆ หรือมีประวัติการแพ้ยาต่อไปนี้หรือส่วนประกอบใดๆ ในยาเหล่านี้ ซึ่งยาเหล่านี้มีส่วนประกอบของแอสไพริน (aspirin) หรืออนุพันธ์ซาลิซิเลต ( salicylates) รวมทั้งการมีประวัติเคยแพ้สารอื่นๆ เช่น อาหาร สารกันเสียหรือสี เป็นต้น
ไดโคลฟีแนก (diclofenac) |
ไดฟลูนิซัล (diflunisal) |
อีโตโดแลค (etodolac) |
ฟีโนโพรเฟน (fenoprofen) |
ฟลอคตาฟินีน (floctafenine) |
เฟลอบิโพรเฟน (flurbiprofen) |
ไอบิวโพรเฟน (ibuprofen) |
อินโดเมทาซิน (indomethacin) |
คีโทโพรเฟน (ketoprofen) |
มีโคลฟีนาเมท (meclofenamate) |
กรดมีฟีนามิค (mefenamic acid) |
เมทิลซาลิซิเลต (methyl salicylate) |
นาบูมีโทน (nabumetone) |
นาพรอกเซน (naproxen) |
อ็อกซาโปรซิน (oxaprozin) |
อ็อกซี่เฟนบิวทาโซน (oxyphenbutazone) |
ฟีนิลบิวทาโซน (phenylbutazone) |
เพียร็อกซิแคม (piroxicam) |
ซูลินแดค (sulindac) |
ซูโพรเฟน (suprofen) |
เทน็อกซิแคม (tenoxicam) |
กรดเทียโพรฟีนิก (tiaprofenic acid) |
โทลมีติน (tolmetin) |
โซมีพิแรค (zolmepirac) |
การใช้ยาสูตรผสมระหว่างยาต้านฮิสตามีน บรรเทาอาการคัดจมูกและบรรเทาปวด (antihistamines, decongestants and analgesic) เป็นครั้งคราวไม่ทำให้เกิดปัญหาต่อตัวอ่อนในครรภ์หรือทารก เมื่อใช้ยานี้ในขนาดสูงและ/หรือเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้โอกาสในการเกิดปัญหาดังกล่าวเพิ่มขึ้น สำหรับตัวยาสำคัญแต่ละตัวในยาสูตรผสมนี้ ควรพิจารณาดังนี้
- พาราเซทามอล (paracetamol) ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยานี้เพราะยังไม่มีการศึกษาการเกิดทารกวิรูปในมนุษย์
- แอลกอฮอล์ ควรระมัดระวังในการเลือกใช้ยาสูตรผสมของยานี้เพราะบางตำรับมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ในปริมาณสูง
- ยาต้านฮิสตามิน (antihistamine) ควรระมัดระวังในการใช้ยานี้แม้ว่าจะยังไม่พบว่าทำให้เกิดปัญหาใดๆในมนุษย์
- คาเฟอีน การศึกษาในมนุษย์พบว่าคาเฟอีนไม่ทำให้เกิดทารกวิรูป แต่พบว่าการศึกษาในสัตว์ทดลองเมื่อใช้ คาเฟอีนในปริมาณที่สูงมาก (เทียบเท่ากับปริมาณของคาเฟอีน 12-24 แก้วกาแฟต่อวัน) ทำให้เกิดทารกวิรูป
- เฟนิลเอฟริน (phenylephrine) ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ เว้นแต่แพทย์พิจารณาแล้วว่าจำเป็นต้องใช้ เพราะยังไม่มีการศึกษาผลการเกิดทารกวิรูปจากการใช้เฟนิลเอฟริน (phenylephrine) ทั้งในมนุษย์และสัตว์ทดลอง
- ซูโดเอฟรีดิน (pseudoephedrine) ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ เว้นแต่แพทย์พิจารณาแล้วว่าจำเป็นต้องใช้ เพราะยังไม่มีการศึกษาผลการเกิดทารกวิรูปจากการใช้เฟนิลเอฟริน (phenylephrine) ในมนุษย์ การศึกษาในสัตว์ทดลองพบว่าซูโดเอฟรีดิน (pseudoephedrine) ไม่ทำให้เกิดทารกวิรูปแต่เมื่อให้ยาในขนาดสูงพบว่าทำให้น้ำหนักเฉลี่ย ความยาวและอัตราการสร้างกระดูกในตัวอ่อนของสัตว์ทดลองลดลง
- ซาลิซิเลต (salicylates) เช่น แอสไพริน (aspirin) ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ เว้นแต่แพทย์พิจารณาแล้วว่าจำเป็นต้องใช้เพราะยังไม่มีการศึกษาผลการเกิดทารกวิรูปจากการใช้ซาลิซิเลต (salicylates) ในมนุษย์ แต่มีการศึกษาผลการเกิดทารกวิรูปจากการใช้แอสไพริน (aspirin) ในมนุษย์ อย่างไรก็ตามพบว่าซาลิซิเลต (salicylates) ทำให้เกิดทารกวิรูปในสัตว์ทดลอง การใช้ซาลิซิเลต (salicylates) ในสตรีตั้งครรภ์ไตรมาส 3 (3 เดือนสุดท้าย) อาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ต่อหัวใจและการไหลเวียนเลือดในตัวอ่อนหรือทารก การใช้ซาลิซิเลต (salicylates) ในระหว่าง 2 สัปดาห์สุดท้ายของการตั้งครรภ์อาจทำให้เกิดปัญหาเลือดออกในตัวอ่อนก่อนหรือระหว่างการคลอดหรือในทารกแรกเกิด การใช้ซาลิซิเลต (salicylates) ในระหว่างในไตรมาส 3 ของการตั้งครรภ์อาจทำให้ระยะเวลาของการคลอดนานขึ้นอันเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาในระหว่างการคลอดหรือหลังการคลอด ห้ามใช้แอสไพริน (aspirin) ในระหว่าง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ยกเว้นแพทย์สั่ง
หากท่านอยู่ในระหว่างกำลังให้นมบุตร ปัญหาที่เกิดขึ้นอาจขึ้นอยู่กับส่วนผสมของตำรับยา สำหรับตัวยาสำคัญแต่ละตัวในยาสูตรผสมนี้ ควรพิจารณาดังนี้
- พาราเซทามอล (paracetamol) สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมได้ แต่ยังไม่พบว่าทำให้เกิดปัญหาในทารกที่ได้รับนมมารดา
- แอลกอฮอล์ สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมได้ แต่ปริมาณของแอลกอฮอล์ในขนาดที่แนะนำของยานี้มักไม่ทำให้เกิดปัญหาในทารกที่ได้รับนมมารดา
- ยาต้านฮิสตามีน (antihistamines) ไม่แนะนำให้รับประทานยานี้ในสตรีให้นมบุตร เนื่องจากการใช้ยานี้อาจทำให้อาการไม่พึงประสงค์เพิ่มขึ้น เช่น กระตือรือร้นผิดปกติหรือกระสับกระส่ายในเด็กที่ได้รับนมมารดา อาจทำให้สารคัดหลั่งต่างๆ ในร่างกายลดลง, อัตราการไหลของน้ำนมลดลงและปริมาณน้ำนมในสตรีบางรายลดลง
- คาเฟอีน สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมได้ในปริมาณเล็กน้อยและอาจทำให้เกิดการสะสมในทารกที่ได้รับนมมารดา แต่ปริมาณของคาเฟอีนในขนาดที่แนะนำของยานี้มักไม่ทำให้เกิดปัญหาในทารกที่ได้รับนมมารดา
- ยาบรรเทาอาการคัดจมูก (decongestants) เช่น เฟนิลเอฟริน (phenylephrine) และซูโดเอฟรีดิน (pseudoephedrine) สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมและอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ขึ้นในทารกที่ได้รับนมมารดาในขณะที่มารดารับประทานยานี้
- ซาลิซิเลต (salicylates) เช่น แอสไพริน (aspirin) สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมได้ ถึงแม้ยังไม่มีรายงานว่าซาลิซิเลต (salicylates) ทำให้เกิดปัญหาในทารกที่ได้รับนมมารดาแต่ก็อาจเกิดปัญหาขึ้นได้หากได้รับยาในปริมาณมาก
ในเด็กเล็กมากๆ มักไวต่อฤทธิ์ของยานี้ อาจพบภาวะความดันโลหิตสูง ฝันร้าย กระตือรือร้นผิดปกติหรือกระสับกระส่ายและมีผลกระทบต่อสภาวะจิตใจในเด็กที่ได้รับยาสูตรผสมนี้
ก่อนที่จะใช้ยาสูตรผสมนี้ในเด็ก ควรอ่านเอกสารกำกับยาอย่างละเอียด ยาบางตัวในยาสูตรผสมนี้อาจไม่เหมาะสำหรับการใช้ในเด็ก หากท่านไม่แน่ใจว่ายาใดบ้างที่สามารถใช้ในเด็กหรือหากท่านมีข้อสงสัยเกี่ยวกับขนาดยาที่ใช้ในเด็ก ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
ห้ามใช้แอสไพริน (aspirin) หรืออนุพันธ์ของซาลิซิเลต (salicylates) ในเด็กที่มีไข้หรือมีอาการอื่นของการติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่หรืออีสุกอีใสโดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เนื่องจากซาลิซิเลต (salicylates) อาจทำให้เกิดอาการรุนแรงที่เรียกว่า กลุ่มอาการรายย์ (Reye’s syndrome) ในเด็กที่มีไข้เนื่องจากการติดเชื้อไวรัส โดยเฉพาะไข้หวัดใหญ่ หรือ อีสุกอีใส เด็กอาจมีความไวต่อฤทธิ์ของแอสไพริน (aspirin) หรือซาลิซิเลต (salicylates) ที่เป็นส่วนผสมอยู่ในสูตรยานี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเด็กกำลังมีไข้หรือสูญเสียน้ำเป็นปริมาณมากเนื่องจากการอาเจียน ท้องเสียหรือสูญเสียเหงื่อ
วัยรุ่น ห้ามใช้แอสไพริน (aspirin) หรืออนุพันธ์ของซาลิซิเลต (salicylates) ในวัยรุ่นที่มีไข้หรือมีอาการอื่นของการติดเชื้อไวรัส เช่น ไข้หวัดใหญ่หรืออีสุกอีใสโดยไม่ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร เนื่องจากซาลิซิเลต (salicylates) อาจทำให้เกิดอาการที่รุนแรงที่เรียกว่ากลุ่มอาการรายย์ ในวัยรุ่นที่มีไข้เนื่องจากการติดเชื้อไวรัส โดยเฉพาะอย่างยิ่งไข้หวัดใหญ่หรืออีสุกอีใส
ผู้สูงอายุมักไวต่อฤทธิ์ของยา อาจทำให้เกิดอาการสับสน ปัสสาวะลำบากและเจ็บ มึนงง ง่วงซึม รู้สึกคล้ายจะเป็นลมหรือปากแห้ง คอแห้ง จมูกแห้งในผู้สูงอายุที่ได้รับยานี้ อาจมีอาการฝันร้ายหรือกระตือรือร้นผิดปกติ กระสับกระส่าย กระวนกระวาย หรือหงุดหงิดได้
ปัญหาความเจ็บป่วยอื่นที่ท่านเป็นอยู่อาจส่งผลต่อการใช้ยาสูตรผสมระหว่างยาต้านฮิสตามีน บรรเทาอาการคัดจมูกและบรรเทาปวด (antihistamines, decongestants and analgesic) ท่านควรแจ้งบุคลากรทางการแพทย์หากท่านมีสภาวะเหล่านี้ร่วมด้วย เช่น
- ติดแอลกอฮอล์ ยาที่มีส่วนผสมของพาราเซทามอล (paracetamol) เพิ่มโอกาสในการเกิดพิษต่อตับ
- โรคหอบหืด ภูมิแพ้ หรือโรคริดสีดวงจมูก หรือผู้ที่เคยมีประวัติโรคดังกล่าว
- อาการหอบหืดกำเริบ การใช้ยาที่มีส่วนผสมของซาลิซิเลต (salicylates) อาจทำให้หายใจลำบาก ยิ่งไปกว่านั้นยาต้านฮิสตามีน (antihistamine) จะไปเปิดช่องของหลอดลม อาจทำให้สารคัดหลั่งมีลักษณะข้นเหนียวในระหว่างที่อาการหอบหืดกำเริบซึ่งทำให้ไอลำบาก
- เบาหวาน ยาบรรเทาอาการคัดจมูกในยานี้อาจทำให้ความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยเบาหวานเพิ่มขึ้น
- ต่อมลูกหมากโต
- ปัสสาวะลำบาก อาจทำให้มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินปัสสาวะ
- โรคต้อหิน ยานี้อาจมีผลทำให้ความดันภายในตาเพิ่มขึ้น
- เก๊าท์ แอสไพริน (aspirin) หรือยาที่มีส่วนผสมของซาลิซิเลต (salicylates) อาจทำให้อาการของโรคเก๊าท์แย่ลงหรือลดผลของยาที่ใช้ในการรักษาโรคเก๊าท์
- สภาวะที่เลือดไหลไม่หยุดหรือเกิดปัญหาเลือดออก แอสไพริน (aspirin) หรือยาที่มีส่วนผสมของโซเดียมซาลิซิเลต (sodium salicylates) เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดเลือดออก
- ตับอักเสบหรือปัญหาโรคตับอื่นๆ เพิ่มโอกาสการเกิดอาการไม่พึงประสงค์เนื่องจากยาไม่ถูกทำลายในร่างกายและอาจสร้างขึ้นได้ในร่างกาย ถ้าเป็นโรคตับรุนแรงจะเพิ่มโอกาสการเกิดเลือดออกจากยาที่มีส่วนผสมของแอสไพริน (aspirin)
- โรคระบบหัวใจและหลอดเลือด
- โรคความดันโลหิตสูง ยาบรรเทาอาการคัดจมูก (decongestants) ในยานี้อาจทำให้เกิดความดันโลหิตสูงและเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ถ้ารับประทานยาที่มีคาเฟอีนเป็นส่วนผสมในปริมาณมากอาจมีผลต่อหัวใจคล้ายคลึงกัน
- โรคไต (รุนแรง) ไตอาจได้รับผลกระทบโดยเฉพาะถ้ารับประทานยานี้เป็นระยะเวลานานเกินไป
- ธัยรอยด์ทำงานมากเกินไป ถ้าธัยรอยด์ทำงานมากเกินไปอาจทำให้หัวใจเต้นเร็ว ยาบรรเทาอาการคัดจมูก (decongestants) ในยานี้อาจทำให้หัวใจเต้นเร็ว
- แผลในกระเพาะอาหารหรือปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวกับกระเพาะอาหาร ยาที่มีส่วนผสมของซาลิซิเลต (salicylates) อาจทำให้แผลในกระเพาะอาหารรุนแรงขึ้นหรือทำให้เกิดเลือดออกในกระเพาะอาหาร
ยาต่อไปนี้อยู่ในกลุ่มยานี้
- Micromedex Thomson Healthcare. Advice for the Patient Drug Information in Lay Language USP DI, volume ll. 25th ed. Massachusetts: Micromedex Thomson Healthcare, 2005: 167-71.
- Klasco RK (Ed): DRUGDEX® System (electronic version). Thomson Micromedex, Greenwood Village, Colorado, USA. Available at: http://www.thomsonhc.com (cited: Oct 6, 2009).
- Sunthornraj N, Fun LF, Evangelista LF, Labandilo LD, Romano MB, Afable JO, et al. MIMs Thailand. 106th ed. Bangkok: MediMedia (Thailand); 2007.