ค้นหาโรคและความเจ็บป่วย / อาการ
อ่าน: 1324
ไข้รากสาดน้อย (Typhoid fever)
ไข้รากสาดน้อย หรือ ไข้ไทฟอยด์ (Typhoid fever; Enteric fever) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Salmonella typhi พบได้ทั่วโลกโดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนา ติดต่อได้โดยการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อปะปนอยู่ ผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้จะมีอาการไข้สูง ปวดท้อง ท้องผูกหรือท้องเสีย ปวดศีรษะ และอ่อนเพลีย
โดยทั่วไปแล้วการดำเนินโรคไทฟอยด์แบ่งออกเป็น 4 ระยะหากไม่ได้รับการรักษา ในแต่ละระยะกินเวลาราว 1 สัปดาห์
สัปดาห์แรก
- ไข้สูงประมาณ 39.4 – 40 องศาเซลเซียส
- ปวดศีรษะ
- อ่อนเพลีย
- เจ็บคอ ไอแห้ง
- ปวดท้อง
- ท้องเสีย หรือท้องผูก
- ผื่นแดงคล้ายดอกกุหลาบที่หน้าอก หายได้เองใน 2-5 วัน
สัปดาห์ที่ 2
- อาการที่เป็นอยู่ในสัปดาห์แรกจะยังคงมีอยู่แต่อาการจะรุนแรงมากขึ้น
- ท้องอืด
- ตับโต ม้ามโต
- หัวใจเต้นช้า
- ชีพจรสองยอด
สัปดาห์ที่ 3
- ถ่ายเหลวเป็นน้ำสีเขียวคล้ายซุปถั่ว
- น้ำหนักลด
- เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น เลือดออกในลำไส้ ลำไส้ทะลุ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ
- ซึมเพ้อ
สัปดาห์ที่ 4
- ระยะฟื้นตัว ไข้ลง อาการต่างค่อยๆดีขึ้น
- ผู้ป่วยที่รอดชีวิตโดยไม่ได้รับการรักษาจะเป็นพาหะของเชื้อไทรอยด์ โดยเชื้อจะอยู่ในถุงน้ำดีและในทางเดินอาหาร
โรคนี้เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชื่อ Salmonella typhi ติดต่อได้โดยการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่มีเชื้อปะปนอยู่ เชื้อโรคจะออกมากับอุจจาระของผู้ป่วยและผู้ที่เป็นพาหะ ส่วนมากตั้งแต่สัปดาห์แรกของโรค ไปจนถึงระยะฟักฟื้น ประมาณ 10% ของผู้ป่วย สามารถปล่อยเชื้อโรคได้นานถึง 3 เดือน หลังเริ่มป่วยและ 2-5% กลายเป็นพาหะถาวรของโรค
แพทย์วินิจฉัยไข้ไทฟรอยด์จากอาการ และประวัติการอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่ป่วยเป็นไข้ไทฟรอยด์ ยืนยันการวินิจฉัยโดยการเพาะเชื้อ Salmonella typhi ขึ้นในเลือด อุจจาระ ปัสสาวะ หรือไขกระดูก ดังนั้นการตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติมจึงได้แก่
- เจาะเลือดไปเพาะเชื้อใช้เวลาประมาณ 48-72 ชั่วโมง จึงจะทราบผล สามารถตรวจพบเชื้อได้ประมาณ 85-90% ของผู้ป่วย
- เพาะเชื้อจากอุจจาระหรือปัสสาวะ
- เพาะเชื้อจากไขกระดูก สามารถตรวจพบได้ประมาณ 90%
- ตรวจหาดีเอ็นเอ หรือ แอนติบอดี้ต่อเชื้อ Salmonella typhi
- เลือดออกในทางเดินอาหาร พบได้ประมาณ12% ผู้ป่วยจะถ่ายเป็นเลือด ในกรณีที่เลือดออกมากอาจมีความดันโลหิตต่ำร่วมด้วย
- ลำไส้ทะลุ สามารถพบได้ 3-4.6% ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องมาก ท้องแข็งตึง ติดเชื้อในกระแสเลือด
- ภาวะแทรกซ้อนอื่นที่สามารถพบได้แต่ไม่บ่อย เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ปอดอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ตับอ่อนอักเสบ ติดเชื้อในไต ติดเชื้อในกระดูก ประสาทหลอนหรือมีอาการทางจิต
- ยาฆ่าเชื้อ เป็นการรักษาเฉพาะสำหรับโรคนี้ ยาฆ่าเชื้อที่ได้ผลดีเช่น Ceftriaxone, Ciprofloxacin
- อื่น ๆ เป็นการรักษาตามอาการ เช่น ดื่มน้ำมากๆชดเชยการสูญเสียน้ำจากภาวะไข้และถ่ายเหลว
การป้องกัน(Prevention)
- การฉีดวัคซีน มีทั้งแบบกินและแบบฉีดแต่ไม่ได้ผล 100% ต้องการะตุ้นซ้ำ
- ล้างมือบ่อยๆด้วยสบู่ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ หรือใช้แอลกอฮอล์ล้างมือกรณีที่ไม่มีน้ำล้างมือ
- ดื่มน้ำที่สะอาด เช่น น้ำขวดบรรจุภัณฑ์หรือน้ำต้มสุก ไม่ดื่มน้ำจากก๊อกที่ไม่ใช่น้ำเพื่อดื่ม
- ไม่กินผักสด หรือผลไม้ที่กินทั้งเปลือกเนื่องจากอาจล้างด้วยน้ำที่ไม่สะอาด
- รับประทานอาการที่ปรุงสุกใหม่ๆ
ยาที่ใช้บ่อย
Ciprofloxacin,
1. วิทยา ศรีดามา, บรรณาธิการ. ตำราอายุรศาสตร์3. โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. พิมพ์ครั้งที่ 3. 2550, 436-444.
2. Anthony S.Fauci, Eugene Braunwald, et al, editors. Harrison’s principles of internal medicine. 17th edition. 2008, 551-562.
3. Alfred P.Fishman, Jack A.Elias, et al, editors. Fishman’s pulmonary diseases and disorders. Fourth edition. 2008, 1799-1941.
18 กรกฎาคม 2553
30 มีนาคม 2554