ค้นหาโรคและความเจ็บป่วย / อาการ
อ่าน: 502
โรคเอส แอล อี (SLE)
โรคเอสแอลอี (Systemic Lupus Erythematosus) หรือโรคลูปัส เป็นโรคที่มีอาการอักเสบเรื้อรังของอวัยวะต่างๆ หรือระบบต่างๆ ของร่างกาย โดยเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงไป โดยแทนที่จะทำหน้าที่ต่อต้านกับสิ่งแปลกปลอม หรือเชื้อโรคจากภายนอกร่างกาย กลับมาต่อต้านหรือทำลายเซลล์ของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายของตนเอง เช่น เกิดข้ออักเสบ ผื่นผิวหนัง ไตอักเสบ ความผิดปกติของเม็ดเลือด เยื่อหุ้มปอด/เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ เป็นต้น โดยผู้ป่วยแต่ละรายจะมีความรุนแรง และการพยากรณ์โรคที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่ามีความผิดปกติที่ระบบใด พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย 9-10 เท่า และมักพบในช่วงวัยเจริญพันธ์
สัญญาณและอาการอาจเกิดขึ้นทันทีหรือค่อยๆเกิดขึ้น เป็นเล็กน้อยหรือรุนแรง เป็นชั่วคราวหรือถาวรก็ได้ โดยผู้ป่วยมักจะมาด้วยอาการผิดปกติในหลายๆระบบร่วมกัน อาการที่พบบ่อยที่สุดคืออาการปวดข้อ ปวดกล้ามเนื้อ และอาการซีดตามลำดับ อาการและอาการแสดง ได้แก่
อาการทั่วไป เช่น อ่อนเพลีย มีไข้ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง
ระบบข้อและกล้ามเนื้อ เช่น ปวดข้อ ข้ออักเสบเรื้อรัง ข้อติดแข็งและบวม ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
ระบบผิวหนังและเยื่อบุช่องปาก เช่น ผื่นรูปผีเสื้อที่แก้มสองข้างข้ามสันจมูก แต่ไม่เกิดบริเวณร่องแก้ม รอยโรคที่ผิวหนังแย่ลงเมื่อสัมผัสแสงแดด มีแผลในปาก ผมร่วง ภาวะนิ้วมือ หรือนิ้วเท้าซีดเขียวจากภาวะหลอดเลือดหดตัวหลังจากโดนอากาศเย็น
อาการทางไต เช่นปัสสาวะเป็นฟอง มีอาการบวมที่ขาหรือหนังตาในขณะตื่นนอนตอนเช้า
อาการทางระบบเลือด เช่น ภาวะซีด มีจุดเลือดออกตามตัวจากภาวะเกร็ดเลือดต่ำ ติดเชื้อง่ายจากการที่มีเม็ดเลือดขาวต่ำ
อาการทางระบบประสาท เช่น มีปัญหาด้านความจำ มีความผิดปกติทางอารมณ์ อาการชัก
อาการทางหัวใจและปอด เช่น เยื่อหุ้มปอด โดยอาการแสดงคือเจ็บหน้าอกโดยเฉพาะเวลาหายใจเข้าสุด ตรวจพบมีน้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบจะมีอาการเจ็บหน้าอก มีน้ำในช่องเยื่อหุ้มหัวใจ เหนื่อยง่าย
ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของโรคที่แท้จริง แต่มีหลักฐานที่สนับสนุนว่าพบว่ามีความสัมพันธ์กับพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อม โดยเริ่มจากการที่มีพันธุกรรมที่เอื้อต่อการเกิดโรค ร่วมกับมีปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมทีีมากระตุ้นอย่างพอเหมาะ เช่น แสงแดด ฮอร์โมนเพศหญิง ยาบางชนิด การติดเชื้อไวรัส และสารเคมีในสิ่งแวดล้อม
การวินิจฉัยค่อนข้างยาก เนื่องจากอาการและอาการแสดงแตกต่างกันในแต่ละคน และอาการของโรคเอสแอลอีเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาและทับซ้อนกับอาการของโรคอื่นได้
การวินิจฉัยในปัจจุบันใช้เกณฑ์ของ American College of Rheumatology ซึ่งประกอบไปด้วยอาการทางคลินิก และผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ โดยผู้ป่วยควรมีจำนวนข้อที่เข้าได้อย่างน้อย 4 ข้อ ใน 11 ข้อ ได้แก่
มีผื่นที่ใบหน้ารูปผีเสื้อ (Malar rash)
มีผื่นนูนแดงเป็นสะเก็ด (Discoid rash)
ผื่นผิวหนังไวต่อแสงแดด (photosensitivity)
แผลที่เพดานปาก (oral ulcer)
มีข้ออักเสบ บวม แดง ร้อน อย่างน้อย 2 ข้อ
เยื่อหุ้มปอดหรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
เป็นโรคไต โดยตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะมากกว่า 0.5 กรัมต่อวัน หรือตรวจพบแคสเม็ดเลือด (RBC cast)
มีอาการทางระบบประสาท เช่น ชัก มีอาการทางจิต
ความผิดปกติทางเม็ดเลือด เช่น ภาวะเม็ดเลือดแดงแตก เม็ดเลือดขาวต่ำ เกร็ดเลือดต่ำ
ตรวจพบ Antinuclear antibody ซึ่งบ่งชี้ถึงโรคทางระบบภูมิคุ้มกัน
ตรวจพบ double-stranded anti-DNA หรือAnti-Sm หรือAntiphospholipid antibody
ภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นได้หลายตำแหน่งในร่างกาย ได้แก่
ไต ทำให้ไตอักเสบ ไตวาย ซึ่งทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
ระบบประสาท ทำให้ปวดหัว มึนงง พฤติกรรมเปลี่ยน ประสาทหลอน ชัก การรับรู้บกพร่อง เช่น สับสนมึนงง สูญเสียความทรงจำ อธิบายความคิดของตนลำบาก
เลือดและหลอดเลือด ทำให้เกิดภาวะซีด เพิ่มความเสี่ยงของการเลือดไหลไม่หยุด หลอดเลือดอักเสบ
ปอด ทำให้เยื่อหุ้มปอดอักเสบ
หัวใจ ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หลอดเลือดหัวใจอักเสบ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ
ติดเชื้อง่าย
มะเร็ง เพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งโดยเฉพาะมะเร็งต่อมน้ำเหลือง Non-Hodgkin’s lymphoma และมะเร็งปอด ยากดระบบภูมิคุ้มกันที่ใช้รักษาก็เพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็ง
เนื้อเยื่อกระดูกตาย เนื่องจากเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอ โดยเฉพาะที่ข้อสะโพก
ภาวะแทรกซ้อนในหญิงตั้งครรภ์ เช่น ครรภ์เป็นพิษ
การรักษาโรคเอสแอลอี จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคของผู้ป่วยแต่ละราย ซึ่งจะต้องอาศัยความเข้าใจเกี่ยวกับตัวโรคของผู้ป่วย และการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องของผู้ป่วยร่วมด้วย ในผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง การรักษาจะเป็นการรักษาแบบประคับประคองตามอาการ และติดตามการดำเนินโรคเป็นระยะๆ สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงแรงขึ้น อาจต้องใช้ยาสเตียรอยด์ ยากดภูมิคุ้มกัน โดยขนาดยา และระยะเวลาการให้ยาขึ้นกับความรุนแรงของโรค และอวัยวะที่มีความผิดปกติ
ยาที่นิยมใช้รักษาโรคเอสแอลอี ได้แก่
ยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ (Nonsteroidal anti-inflammatory drugs)
ยาต้านมาเลเรีย (Antimalaria drugs)
ยาสเตียรอยด์ (Corticosteroid)
ยารักษาโรคเอสแอลอีที่รุนแรง ได้แก่
ยาสเตียรอยด์ขนาดสูง (High-dose corticosteroid)
ยากดระบบภูมิคุ้มกัน (Immunosuppressive drugs)
Mayo Clinic : Systemic lupus erythematosus [online].,Available from ; URL :http://www.mayoclinic.com/health/lupus/DS00115
Dubois’s lupus erythematous 7th ed. Wallace DJ, Hahn BH, editors. Willium&Wilkins; Baltimore, 2007
ร่วมเขียนโดย นายแพทย์ธีรภาพ ลิ่วลักษณ์,แพทย์หญิงปิยะดา กองกมล
เขียนเมื่อ 27 พฤษภาคม 2553
แก้ไขล่าสุดเมื่อ 19 กรกฎาคม 2553