ปอดอักเสบ หมายถึง การอักเสบของเนื้อปอดซึ่งประกอบด้วยถุงลมปอดและเนื้อเยื่อโดยรอบถุงลมปอดมีหน้าที่ในการแลกเปลี่ยนอากาศ เมื่อมีการอักเสบ (บวมและมีหนองขัง) ก็ทำให้เกิดอาการหายใจหอบ หายใจลำบากจัดว่าเป็นภาวะร้ายแรงและเป็นสาเหตุการตายที่สำคัญสาเหตุหนึ่งของคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันโรคต่ำอย่างไรก็ตาม โรคนี้ถ้าตรวจพบในระยะแรกเริ่ม ก็มีทางเยียวยาให้หายได้
มักเกิดขึ้นฉับพลันด้วยอาการไข้สูง บางคนอาจมีอาการตัวร้อนตลอดเวลา หรือหนาวสั่นมาก ในระยะแรกอาจมีอาการไอ แห้งๆ ไม่มีเสมหะ ต่อมาไอมีเสมหะขุ่นข้นออกเป็นสีเหลือง สีเขียว สีสนิมเหล็ก หรือมีเลือดปนบางคนอาจมีอาการเจ็บแปลบในหน้าอกเวลาหายใจ เข้า หรือไอแรงๆ บางครั้งอาจปวดร้าวไปที่หัวไหล่ สีข้าง หรือท้องต่อมาจะมีอาการหายใจหอบเร็ว บางคนอาจเป็นไข้หวัดนำมาก่อนแล้วจึง มีอาการไอ และหายใจหอบตามมา
ในเด็กเล็กที่เป็นปอดอักเสบ จะมีอาการหายใจหอบเร็วเกินเกณฑ์ตามอายุ ดังนี้
ในรายที่สงสัยเป็นปอดอักเสบ แพทย์จะใช้เครื่องตรวจฟังเสียงปอด ซึ่งจะพบว่ามีเสียงดังกรอบแกรบ หรือเสียงหายใจค่อยกว่าปกติ และอาจทำการตรวจพิเศษอื่นๆ เช่น เอกซเรย์ปอด ตรวจเลือด ตรวจเสมหะ เป็นต้น
อาจทำให้เป็นฝีในปอด ภาวะมีหนองในโพรง เยื่อหุ้มปอด เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ บางคนอาจมีการแพร่ของเชื้อเข้ากระแสเลือด กลายเป็นเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ ข้ออักเสบเฉียบพลัน หรือเลือดเป็นพิษที่ร้ายแรง คือ ภาวะการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน ซึ่งอาจทำให้ตายได้รวดเร็วมักจะพบในเด็กเล็กและผู้สูงอายุ
ในรายที่แพทย์ตรวจพบว่าเป็นปอดอักเสบระยะแรกเริ่ม แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะ เช่น อะม็อกซีซิลลิน โคไตรม็อกซาโซล อีริโทรไมซิน เป็นต้น ให้กลับไปกินที่บ้าน แล้วนัดมาตรวจดูอาการเป็นระยะๆ แต่ถ้ามีอาการหอบมาก ตัวเขียว แพทย์จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล ให้ยาปฏิชีวนะชนิดฉีดควบกับชนิดกิน และอาจต้องให้ออกซิเจนช่วยการหายใจโดยทั่วไป หลังให้ยาปฏิชีวนะ 2-3 วัน อาการมักจะทุเลา มักจะต้องให้ยาต่อนาน 1-2 สัปดาห์ แต่ถ้าให้ยาแล้วไม่ ทุเลาอาจต้องตรวจหาสาเหตุอื่น เช่น วัณโรคปอด มะเร็งปอด ภาวะมีน้ำหรือหนองในโพรงเยื่อหุ้มปอด
การดูแลตนเอง
เมื่อแรกเริ่มมีไข้ไอให้ยาลดไข้พาราเซตามอล เช็ดตัว ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ แล้วเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด ถ้าเป็นไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน อาการไข้มักจะทุเลาได้ภายใน 4 วันควรไปพบแพทย์โดยเร็ว
ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
1. วิทยา ศรีดามา, บรรณาธิการ. ตำราอายุรศาสตร์3. โรงพิมพ์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. พิมพ์ครั้งที่ 3. 2550, 436-444.
2. Anthony S.Fauci, Eugene Braunwald, et al, editors. Harrison’s principles of internal medicine. 17th edition. 2008, 551-562.
3. Alfred P.Fishman, Jack A.Elias, et al, editors. Fishman’s pulmonary diseases and disorders. Fourth edition. 2008, 1799-1941.