ค้นหาโรคและความเจ็บป่วย / อาการ

อ่าน: 2546
Small_font Large_font

พังผืดส้นเท้าอักเสบ (Plantar fasciitis)

คำจำกัดความ

พังผืดฝ่าเท้า (plantar fascia) : เป็นเนื้อเยื่อพังผืดหนาที่อยู่ใต้ผ่าเท้า เริ่มตั้งต้นจากส้นเท้าไปจนถึงนิ้วเท้าทั้งห้า

โรคพังผืดฝ่าเท้าอักเสบ (Plantar fasciitis) เป็นโรคที่เกิดจากมีอาการปวดและอักเสบของพังผืด Plantar fascia ที่บริเวณฝ่าเท้า ทำให้เกิดอาการปวดบริเวณฝ่าเท้า เป็นโรคของส้นเท้าที่พบได้บ่อยในเวชปฏิบัติ โดยจะพบมากในนักวิ่ง, คนที่มีน้ำหนักมาก และคนที่ใส่รองเท้าที่ไม่รองรับน้ำหนักดีพอ

อาการ

ผู้ป่วยโรคพังผืดส้นเท้าอักเสบ จะมาพบแพทย์ด้วยอาการปวดที่ฝ่าเท้าหรือส้นเท้า โดยอาการปวดมีลักษณะที่สำคัญ คือ

  • ปวดแบบเสียดแทง
  • ปวดบริเวณกึ่งกลางฝ่าเท้า
  • อาการปวดมักเกิดเมื่อเดินก้าวแรกหลังจากตื่นนอนในตอนเช้า เมื่อเดินไปเดินมาสักพักอาการปวดจะดีขึ้นในช่วงสายๆ แต่อาการปวดอาจจะกลับมาอีกในช่วงบ่ายหรือค่ำ ถ้าผู้ป่วยยืนหรือเดินนานๆ หรือเพิ่งลุกขึ้นเดินใหม่หลังจากนั่งนานๆ
  • มักปวดข้างเดียว แต่อาจเกิดพร้อมกันทั้งสองข้าง
  • ถ้าไม่ได้รักษา อาการปวดจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
  • ถ้าเหยียดนิ้วเท้าจะปวดมากขึ้น

สาเหตุ

ปกติพังผืดใต้ฝ่าเท้า ทำหน้าที่เป็นตัวรองรับแรงกระแทกบริเวณส้นเท้า แต่ถ้ามีแรงมากระทำมากเกินไป ก็อาจทำให้พังผืดเกิดการฉีกขาด และเมื่อมีการรั้งและถูกดึงบ่อยครั้ง ก็อาจทำให้เกิดการอักเสบได้

สาเหตุของการอักเสบ เชื่อว่าเกิดจากมีแรงมากระทำที่พังผืดฝ่าเท้ามากเกินไป (overuse) ดังนั้นผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ คือ

  • อายุที่มากขึ้น : พบบ่อยในคนอายุ 40-60 ปี
  • เพศ : มักพบในเพศหญิงมากกว่าชาย
  • อ้วน
  • การออกกำลังกาย : ได้แก่ พวกที่กระแทกส้นเท้ามากๆ เช่น วิ่งระยะไกล, เต้นบัลเลต์, เต้นแอโรบิก เป็นต้น
  • ลักษณะเท้า : ในคนที่มีเท้าแบนกว่าปกติ (flat foot) อาจทำให้มีรูปแบบการเดินที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้การกระจายน้ำหนักเวลายืนและเดินไม่ดี จึงไปเพิ่มแรงกดที่กระทำต่อพังผืดใต้ฝ่าเท้า
  • อาชีพที่ต้องเดินหรือยืนนานๆ : เช่น คนงาน, ครู, บริกร
  • รองเท้า : รองเท้าที่มีพื้นบางหรือส้นเท้าแข็งเกินไป, ใส่รองเท้าหลวม หรือใช้รองเท้าที่รองรับน้ำหนักไม่ดี จะไปเพิ่มแรงกดที่พังผืดฝ่าเท้า

การวินิจฉัย

การซักประวัติ : ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยโรคพังผืดส้นเท้าอักเสบ ได้รับการวินิจฉัยจากประวัติ ซึ่งผู้ป่วยจะมีลักษณะเฉพาะของอาการปวดที่บริเวณส้นเท้าดังที่กล่าวมาแล้ว

การตรวจร่างกาย :

  • ผู้ป่วยจะกดเจ็บที่พังผืดเพราะส้นเท้าหรือกึ่งกลางเท้า
  • ควรตรวจดูว่าผู้ป่วยมีภาวะเท้าแบนร่วมด้วยหรือไม่ เพื่อพิจารณาการรักษาที่เหมาะสม

การตรวจเพิ่มเติมทางรังสีวินิจฉัย : ไม่ได้ทำเพื่อการวินิจฉัยในผู้ป่วยทุกคนตั้งแต่ครั้งแรกที่มาพบแพทย์ แต่จะพิจารณาทำเฉพาะผู้ป่วยบางรายที่อาการไม่ชัดเจน ทำให้แพทย์ไม่มั่นใจในการวินิจฉัย หรืออาการไม่ดีขึ้นหลังได้รับการรักษาที่เหมาะสม โดยแพทย์จะสั่งตรวจเอ็กซเรย์ ( X-ray ) หรือ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI ) เพื่อดูว่าอาการปวดไม่ได้มาจากสาเหตุอื่น เช่น การบาดเจ็บของเส้นประสาท เป็นต้น
ในการ X-ray อาจพบกระดูกที่งอกออกมาจากส้นเท้า (spur on calcaneus heel bone) ในปัจจุบันเชื่อว่ากระดูกที่งอกออกมานี้ ไม่ได้เป็นสาเหตุของโรคและไม่ได้ทำให้เกิดอาการปวด แต่เป็นผลที่เกิดตามมาหลังจากเป็นโรคพังผืดส้นเท้าอักเสบนานๆ จึงไม่ต้องผ่าตัดออก

ภาวะแทรกซ้อน

การละเลยการอักเสบของพังผืดที่ส้นเท้า จะทำให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง ซึ่งจะรบกวนการทำงาน และอาการปวดอาจลุกลามจนไปถึงข้อเข่าและหลังได้

การรักษาและยา

ประมาณร้อยละ 90 ของผู้ป่วยโรคพังผืดส้นเท้าอักเสบ จะหายเมื่อได้รับการรักษาด้วยยาและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม นานประมาณ 2-3 เดือน แต่หลังจากหายแล้ว ก็อาจกลับมาเป็นใหม่ได้ ถ้ายังไม่ได้กำจัดปัจจัยเสี่ยงของโรคให้หมด

วิธีการรักษา แบ่งออกได้เป็น
1.การรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรค : ได้แก่

  • การลดน้ำหนัก ในคนที่มีภาวะอ้วน
  • การสวมรองเท้าที่เหมาะสม คือ มีขนาดพอดี, พื้นรองเท้ามีส่วนโค้งนูนตามลักษณะปกติของอุ้งเท้า (เพื่อกระจายการรองรับน้ำหนักของฝ่าเท้า), พื้นรองเท้านิ่ม
  • หลีกเลี่ยงการเดินบนพื้นที่แข็ง
  • ลดการใช้งานของเท้าลง เพื่อพักเท้าบ้าง
  • ออกกำลังกายที่ไม่ต้องกระแทกที่เท้า เช่น การว่ายน้ำหรือปั่นจักรยาน

2.การรักษาด้วยยา : ประกอบด้วย

  • การให้กินยาแก้อักเสบกลุ่มที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAID) : Ibuprofen , diclofenac, naproxen
  • การฉีดยาเสตียรอยด์ที่บริเวณพังผืดฝ่าเท้าที่อักเสบ

3.การรักษาด้วยการกายภาพบำบัด : ให้นักกายภาพบำบัดช่วยดังนี้

  • แนะนำการออกกำลังกายที่จะช่วยยืดพังผืดที่ฝ่าเท้า, เอ็นร้อยหวาย และกล้ามเนื้อขาส่วนล่าง ที่ช่วยทรงตัวข้อเท้าและส้นเท้า
  • ใช้กายอุปกรณ์เสริม (Orthotics) เพื่อช่วยการกระจายแรงที่เท้า เช่น ใช้แผ่นรองรองเท้าในรายที่มีภาวะเท้าแบนร่วมด้วย
  • นวดบริเวณฝ่าเท้า โดยการใช้มือบีบนวด หรือคลึงบนลูกบอล หรือเดินเท้าเปล่าบนพื้นหญ้า-พื้นทราย
  • การแช่เท้าในน้ำอุ่น ครั้งละ 15-20 นาที วันละ 2 ครั้ง เช้าและเย็น

4.การรักษาด้วยการผ่าตัด : มีผู้ป่วยน้อยมากที่จำเป็นต้องใช้การผ่าตัด การผ่าตัดมีหลายวิธี เช่น การผ่าตัดแยกพังผืดออกจากส้นเท้า, การผ่าตัดที่ทำให้พังผืดฝ่าเท้าหย่อนลง เป็นต้น แพทย์มักเป็นเก็บการรักษาโดยการผ่าตัดไว้เป็นทางเลือกสุดท้าย ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการปวดรุนแรงและรักษาด้วยวิธิอื่นไม่ได้ผล การผ่าตัดยังได้ผลการรักษาไม่ค่อยดี และอาจมีผลข้างเคียงคือ ทำให้เกิดการติดเชื้อที่บริเวณที่ผ่าตัด หรือทำให้เกิดการอ่อนแรงที่ส้นเท้า (จากขณะผ่าตัดไปทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณฝ่าเท้า)

ยาที่เกี่ยวข้อง

ยาที่ใช้บ่อย Diclofenac, Ibuprofen, Naproxen,

แหล่งอ้างอิง

1. สุรศักดิ์ นิลกานุวงศ์และสุรวุฒิ ปรีชานนท์, บรรณาธิการ. ตำราโรคข้อ. กรุงเทพฯ:บริษัทเอส.พี.เอ็น.การพิมพ์ จำกัด. พิมพ์ครั้งที่2. 2548, 904-921.



27 พฤษภาคม 2553 31 มกราคม 2554
เพื่อนแนะนำ : เงินด่วน 30 นาทีถูกกฎหมาย, เราชนะรอบ 4, ยืมเงิน 3000 ด่วน, แอพผ่อนของ, กู้เงิน, สมัครบัตรเครดิต, สินเชื่อไม่เช็ค บูโรถูกกฎหมาย