![]() |
พังผืดฝ่าเท้า (plantar fascia) : เป็นเนื้อเยื่อพังผืดหนาที่อยู่ใต้ผ่าเท้า เริ่มตั้งต้นจากส้นเท้าไปจนถึงนิ้วเท้าทั้งห้า
โรคพังผืดฝ่าเท้าอักเสบ (Plantar fasciitis) เป็นโรคที่เกิดจากมีอาการปวดและอักเสบของพังผืด Plantar fascia ที่บริเวณฝ่าเท้า ทำให้เกิดอาการปวดบริเวณฝ่าเท้า เป็นโรคของส้นเท้าที่พบได้บ่อยในเวชปฏิบัติ โดยจะพบมากในนักวิ่ง, คนที่มีน้ำหนักมาก และคนที่ใส่รองเท้าที่ไม่รองรับน้ำหนักดีพอ
ผู้ป่วยโรคพังผืดส้นเท้าอักเสบ จะมาพบแพทย์ด้วยอาการปวดที่ฝ่าเท้าหรือส้นเท้า โดยอาการปวดมีลักษณะที่สำคัญ คือ
ปกติพังผืดใต้ฝ่าเท้า ทำหน้าที่เป็นตัวรองรับแรงกระแทกบริเวณส้นเท้า แต่ถ้ามีแรงมากระทำมากเกินไป ก็อาจทำให้พังผืดเกิดการฉีกขาด และเมื่อมีการรั้งและถูกดึงบ่อยครั้ง ก็อาจทำให้เกิดการอักเสบได้
สาเหตุของการอักเสบ เชื่อว่าเกิดจากมีแรงมากระทำที่พังผืดฝ่าเท้ามากเกินไป (overuse) ดังนั้นผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ คือ
การซักประวัติ : ส่วนใหญ่ของผู้ป่วยโรคพังผืดส้นเท้าอักเสบ ได้รับการวินิจฉัยจากประวัติ ซึ่งผู้ป่วยจะมีลักษณะเฉพาะของอาการปวดที่บริเวณส้นเท้าดังที่กล่าวมาแล้ว
การตรวจร่างกาย :
การตรวจเพิ่มเติมทางรังสีวินิจฉัย : ไม่ได้ทำเพื่อการวินิจฉัยในผู้ป่วยทุกคนตั้งแต่ครั้งแรกที่มาพบแพทย์ แต่จะพิจารณาทำเฉพาะผู้ป่วยบางรายที่อาการไม่ชัดเจน ทำให้แพทย์ไม่มั่นใจในการวินิจฉัย หรืออาการไม่ดีขึ้นหลังได้รับการรักษาที่เหมาะสม โดยแพทย์จะสั่งตรวจเอ็กซเรย์ ( X-ray ) หรือ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI ) เพื่อดูว่าอาการปวดไม่ได้มาจากสาเหตุอื่น เช่น การบาดเจ็บของเส้นประสาท เป็นต้น
ในการ X-ray อาจพบกระดูกที่งอกออกมาจากส้นเท้า (spur on calcaneus heel bone) ในปัจจุบันเชื่อว่ากระดูกที่งอกออกมานี้ ไม่ได้เป็นสาเหตุของโรคและไม่ได้ทำให้เกิดอาการปวด แต่เป็นผลที่เกิดตามมาหลังจากเป็นโรคพังผืดส้นเท้าอักเสบนานๆ จึงไม่ต้องผ่าตัดออก
การละเลยการอักเสบของพังผืดที่ส้นเท้า จะทำให้เกิดอาการปวดเรื้อรัง ซึ่งจะรบกวนการทำงาน และอาการปวดอาจลุกลามจนไปถึงข้อเข่าและหลังได้
ประมาณร้อยละ 90 ของผู้ป่วยโรคพังผืดส้นเท้าอักเสบ จะหายเมื่อได้รับการรักษาด้วยยาและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม นานประมาณ 2-3 เดือน แต่หลังจากหายแล้ว ก็อาจกลับมาเป็นใหม่ได้ ถ้ายังไม่ได้กำจัดปัจจัยเสี่ยงของโรคให้หมด
วิธีการรักษา แบ่งออกได้เป็น
1.การรักษาด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรค : ได้แก่
2.การรักษาด้วยยา : ประกอบด้วย
3.การรักษาด้วยการกายภาพบำบัด : ให้นักกายภาพบำบัดช่วยดังนี้
4.การรักษาด้วยการผ่าตัด : มีผู้ป่วยน้อยมากที่จำเป็นต้องใช้การผ่าตัด การผ่าตัดมีหลายวิธี เช่น การผ่าตัดแยกพังผืดออกจากส้นเท้า, การผ่าตัดที่ทำให้พังผืดฝ่าเท้าหย่อนลง เป็นต้น แพทย์มักเป็นเก็บการรักษาโดยการผ่าตัดไว้เป็นทางเลือกสุดท้าย ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการปวดรุนแรงและรักษาด้วยวิธิอื่นไม่ได้ผล การผ่าตัดยังได้ผลการรักษาไม่ค่อยดี และอาจมีผลข้างเคียงคือ ทำให้เกิดการติดเชื้อที่บริเวณที่ผ่าตัด หรือทำให้เกิดการอ่อนแรงที่ส้นเท้า (จากขณะผ่าตัดไปทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อบริเวณฝ่าเท้า)
ยาที่ใช้บ่อย Diclofenac, Ibuprofen, Naproxen,
1. สุรศักดิ์ นิลกานุวงศ์และสุรวุฒิ ปรีชานนท์, บรรณาธิการ. ตำราโรคข้อ. กรุงเทพฯ:บริษัทเอส.พี.เอ็น.การพิมพ์ จำกัด. พิมพ์ครั้งที่2. 2548, 904-921.